February 18, 2021
Motortrivia Team (10203 articles)

Mercedes แถลงผลประกอบการปี 2563 พร้อมเปิดตัว E-Class ใหม่

motortrivia

●  เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จัดงานแถลงผลประกอบการปี 2563 พร้อมเปิดตัวรถรุ่นยอดนิยมตลอดกาล Mercedes-Benz E-Class รุ่นปรับโฉม MY2021 แยกจำหน่ายเป็น 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย (1) Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde, (2) Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport และ (3) Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 3,190,000 บาท

●  E-Class ใหม่มากับชุดไฟหน้า MULTIBEAM LED หลอดไฟ LED 84 หลอด/ข้าง ระยะส่องสว่างแบบ ULTRA RANGE high beam สูงสุด 650 เมตร, ชุดไฟท้าย LED, กันชนท้ายและฝากระโปรงท้ายออกแบบใหม่, ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ, หลังคาไฟฟ้า Panoramic Sunroof และล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง Run-flat

●  ส่วนเวอร์ชั่นสปอร์ตที่มากับชุดแต่ง AMG จะมากับแพคเกจ AMG Body styling จากโรงงานแบบใหม่ที่เมอร์เซเดสแรงใช้บันดาลใจมาจากกลุ่มรถสมรรถนะสูง AMG Performance models ประกอบด้วยกระจังหน้าแบบ Diamond radiator grille ตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดสวางกลาง และล้ออัลลอย AMG ลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว รุ่น E 220 d AMG Sport เป็นแบบ 5 ก้านคู่ ส่วนรุ่น E 300 e AMG Dynamic เป็นแบบ 10 ก้าน

2021 Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport

●  ห้องโดยสารตกแต่งใหม่หลายจุด รุ่น AMG มีชุดแต่ง AMG Interior package พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้านท้ายตัดรุ่นใหม่, ปุ่มควบคุมแบบ Touch control, เบาะทรงบัคเก็ท, คอนโซลหุ้มหนัง ARTICO, ชุดไฟ Premium Ambient light เลือกสีได้ 64 เฉดสี พร้อมฟังก์ชั่น Animation เปลี่ยนสีอัตโนมัติแบบเคลื่อนไหวได้ 10 รูปแบบ และชุดซาวด์ซิสเต็ม Burmester® surround sound system พร้อมลำโพง 13 ตำแหน่ง

●  อีกหนึ่งไฮไลท์คือ ชุดระบบมัลติมีเดีย MBUX รุ่นล่าสุด แสดงผลผ่านจอฟูลดิจิทัลคู่ 2 จอแบบ Digital Widescreen cockpit แต่ละจอมีขนาด 12.3 นิ้ว จัดวางเรียงเป็นแนวยาวไว้ในกรอบเดียวกัน, จอ Head-up display, แป้นควบคุมแบบ Touchpad, ระบบนำทางแบบ 3D, ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่านคำสั่ง Hey Mercedes, ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay และถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย

●  การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทสะดวกด้วยระบบ 4G-LTE แบบ E-SIM ผู้ขับสามารถใช้งานรายงานสภาพจราจรแบบ Live traffic, ฟังวิทยุแบบ Online Radio และผู้ขับยังสามารถติดต่อกับศูนย์บริการได้โดยตรงผ่านการสั่งงานผ่านหน้าจอทัชสกรีน หรือผ่านแอพพลิเคชัน Mercedes me

2021 Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic

●  นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมรถจากระยะไกลด้วยสมาร์ทโฟนผ่านแอพฯ Mercedes me ฟังก์ชั่นหลักๆ มีอาทิ ล็อค/ปลดล็อครถ, เปิด/ปิดกระจก รวมถึงหลังคา, ตรวจสอบ/รายงานสถานะของชุดระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด, เปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าแบบ Pre-Entry Climate Control, ค้นหาตำแหน่งของรถ หรือรายงานสถานะของรถแบบ real-time เช่น ระดับน้ำมัน, อุณหภูมิของเครื่องยนต์ รวมถึงการโทรออกเพื่อขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ

●  ชุดระบบอำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยมี ระบบช่วยเหลือก่อนเกิดอุบัติเหตุ PRE-SAFE®, ระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control และฟังก์ชั่นจำกัดความเร็ว SPEEDTRONIC, ระบบ Blind Spot Assist เตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Active Brake Assist ช่วยเบรคอัตโนมัติขณะฉุกเฉิน, ระบบ Hill-Start assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ Exit Warning แจ้งเตือนก่อนเปิดประตูรถ, เซ็นเซอร์ช่วยจอด PARKTRONIC พร้อมฟังก์ชั่นช่วยจอดแบบอัตโนมัติ Active Parking Assist และกล้องแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา

●  นอกจากนี้ยังมี ถุุงลมด้านหน้า 2 ตำแหน่ง, ถุงลมบริเวณหัวเข่าสำหรับผู้ขับ, ถุงลมด้านข้างสำหรับผู้โดยสารหน้า/หลัง, ม่านถุงลมข้างป้องกันศีรษะ, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด, ระบบควบคุมการทรงตัว ESP, ระบบเบรค ABS และฟังก์ชั่น Adaptive Brake Light ไฟเบรคกระพริบฉุกเฉิน

●  ด้านพละกำลัง Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport ใช้เครื่องยนต์ดีเซลมาตรฐาน Euro 6 แบบ 4 สูบแถวเรียง ความจุ 1,950 ซีซี. อัดอากาศเทอร์โบชาร์จ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC พร้อมแพดเดิลชิฟท์ ฟังก์ชั่น DYNAMIC SELECT เลือกได้ 6 รูปแบบ กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.76 กก.-ม. ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.

●  ส่วน Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde และ Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic จะมากับชุดระบบขับเคลื่อนปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจนเนอเรชั่น 3 หรือเทคโนโลยี EQ Power ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุ 1,991 ซีซี. เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์ เกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC พร้อมฟังก์ชั่น DYNAMIC SELECT ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,600 – 4,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 50 กม.

  • E 300 e Avantgarde ราคา 3,190,000 บาท
  • E 220 d AMG Sport ราคา 3,540,000 บาท
  • E 300 e AMG Dynamic ราคา 3,770,000 บาท

รายงานผลประกอบการประจำปี 2563

●  สำหรับรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2563 เมอร์เซเดสมียอดจำหน่ายทั่วโลกรวมกว่า 2 ล้านคันติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งเมอร์เซเดสระบุว่า แม้สถานการณ์ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ตลอดปีที่ผ่านมา แต่เมอร์เซเดสยังมองเห็นสัญญาณบวกต่อเนื่องทั้งในตลาดโลกและในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของตลาดจีนซึ่งยอดขายเติบโตขึ้น 11.7% และผลักดันให้ยอดขายในเอเชียแปซิฟิกเติบโตขึ้นรวม 4.7%

●  ในประเทศไทย ยอดขายของรถสมรรถนะสูงในกลุ่ม Mercedes AMG เติบโตขึ้น 14.9% โดยเฉพาะในไตรมาส 4 นั้น มีอัตราการเติบโตถึง 33.9% แสดงให้เห็นว่าความต้องการในรถกลุ่มนี้ยังคงเพิ่มขึ้นในไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยอดขายในทุกๆ แผนกตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา

●  ในปี 2564 นอกจากการเปิดตัว Mercedes-Benz E-Class รุ่นปรับโฉมทั้ง 3 รุ่นย่อยข้างต้น เมอร์เซเดสยังวางแผนจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดปีด้วย

●  มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ (Roland Folger) ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความมั่นใจว่าตลาดรถยนต์ลักชัวรีจะยังคงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับโลก แม้ว่าเราทุกคนจะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา แต่เรายังมองเห็นสัญญาณบวกจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง”

●  “ในตลาดโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงสามารถรักษายอดขายได้มากกว่า 2 ล้านคันติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ด้วยยอดขาย 2,528,349 คัน เพราะเราได้ปรับกลยุทธ์ด้านการขายและการบริการให้เป็นดิจิทัลมากขึ้นทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย เพื่อให้ก้าวทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ความต้องการในรถยนต์ปลั๊ก-อิน-ไฮบริด ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทำให้เราสามารถทำยอดขายรถยนต์ไฮบริดได้สูงถึง 115,000 คันหรือเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า”

มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

●  “เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในหลายๆ ตลาด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง เฉพาะในเอเชียแปซิฟิก เราสามารถทำยอดขายได้ถึง 1,024,315 คันหรือเติบโตขึ้น 4.7% โดยมีตลาดจีนเป็นตลาดสำคัญในการขับเคลื่อน ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 11.7% หรือ 774,382 คัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติใหม่”

●  “สำหรับในตลาดไทย ด้วยสถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงให้ความสำคัญกับสภาพคล่องของผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และสามารถประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นปี 2563 มาได้ด้วยดี โดยเรายังมองเห็นสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ทั้งยอดขายของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ที่เพิ่มสูงขึ้น 14.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ไตรมาสเดียว ยอดขายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีเพิ่มสูงขึ้นถึง 33.9% เลยทีเดียว นั่นแสดงให้เห็นว่า ความต้องการขับรถยนต์สมรรถนะสูงจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเพิ่มขึ้น ส่วนยอดขาย V-Class ซึ่งเราเปิดตัวรุ่นใหม่ในปีที่ผ่านมา ก็เพิ่มสูงขึ้น 59.2% ด้วยเช่นกัน”

●  “นอกจากนี้ หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ฝ่ายบริการลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้วางกลยุทธ์ในการให้บริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งนั่นคือหัวใจในการบริการของเรา โดยเราได้ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการยืดระยะเวลาของแพคเกจ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิส พลัส ขยายระยะเวลาเกินกำหนดของการเข้ารับบริการบำรุงรักษา การดูแลเรื่องความสะอาดที่ศูนย์บริการฯ รวมไปถึงการนำเสนอ Welcome Back Service Campaign เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าด้วยส่วนลดและข้อเสนอพิเศษสำหรับบริการหลังการขาย ทั้งหมดนี้จึงทำให้ยอดขายในส่วนของบริการหลังการขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งยอดขายน้ำมันเครื่อง MBOil ที่เติบโตขึ้น 14.4% ยอดขาย MBPaint ที่เติบโตขึ้น 24.4% ยอดขายยางรถยนต์ MBTire ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 260.8% ฯลฯ”

●  “สำหรับปี 2564 เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรก เราเตรียมนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นคอมแพ็คใหม่ รถยนต์ Dream Car รุ่นใหม่ที่หลายคนรอคอย รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นใหม่ที่จะมาพร้อมเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าเป็นนิวเอจของเทคโนโลยีไฮบริด รวมถึง Mercedes-Benz The new E-Class ใหม่ ยนตรกรรมอัจฉริยะที่พร้อมมอบทุกสิ่งที่คุณต้องการ สะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ใหม่สุด เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ โดยมาพร้อมความเหนือชั้นของขุมพลังเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี EQ Power เจเนอเรชันที่ 3 ที่เราพร้อมกระตุ้นตลาดรถยนต์ลักชัวรีอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกด้วย”

●  ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม ในปี 2563 ที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์มีการสนับสนุนด้านการศึกษาแก่โรงเรียนเยาววิทย์ จังหวัดพังงา และการให้การสนับสนุนนักเรียนอาชีวะภายใต้โครงการนักเรียนช่างฝึกหัดเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตามมาตรฐานการศึกษาทวิภาคีเยอรมัน-ไทย ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมโครงการกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งหมด 5 สถาบัน ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ, วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก, วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก, วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก บ้านโป่ง และวิทยาลัยเทคนิคลพบุรี

●  นอกจากนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เชิญชวนผู้ใช้เมอร์เซเดส-เบนซ์ โพสต์ภาพคู่กับรถของตนเอง แล้วมอบเงินบริจาค 500 บาท/ภาพ โดยแคมเปญนี้สามารถรวบรวมเงินได้ถึง 2 ล้านบาท ซึ่งเมอร์เซเดสมอบให้กับ 4 โรงพยาบาลที่เป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และสถาบันบำราศนราดูร

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1250 เว็บไซท์ www.mercedes-benz.co.th หรือแฟนเพจ facebook.com/MercedesBenzThailand

Grand Opening : 2021 Mercedes E-Class