Bridgestone ออกแบบยางให้รถไฟฟ้าแสงอาทิตย์ Lightyear

431views

เรื่อง : AREA 54

● บริดจสโตน ร่วมมือกับบริษัทไลท์เยียร์ ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ Lightyear One จากเนเธอร์แลนด์ ออกแบบยาง Bridgestone Turanza Eco รุ่นใหม่แบบเฉพาะตัวเพื่อใช้งานในรถรุ่นนี้ ซึ่งไลท์เยียร์จะเริ่มทดสอบ Lightyear One ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 และคาดว่าจะเริ่มทำตลาดยุโรปได้ภายในปลายไตรมาสที่ 4

● Lightyear One เผยโฉมตัวโปรโตไทป์เป็นครั้งแรกในช่วงกลางปี 2019 ตัวรถอยู่ในรูปโฉมของรถลิฟท์แบค 5 ประตู มีแผงโซลาร์เซลล์ติดตั้งเอาไว้ที่หลังคาและฝากระโปรงหน้า พร้อมเก็บประจุไฟฟ้าเอาไว้ในแบตเตอรี่แพค 80 กิโลวัทท์-ชม. ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ Four-wheel drive ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแยกติดตั้งเอาไว้ในแต่ละฮับล้อ หรือ In-Wheel Motor แบตเตอรี่เต็มวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 725 กม. จากการทดสอบตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป

● One มากับความยาวตัวรถ 5,057 มม. กว้าง 1,898 มม. สูง 1,426 มม. น้ำหนักตัว 1,300 กก. งานออกแบบเป็นผลงานของไลท์เยียร์ร่วมกับบริษัทออกแบบยานยนต์ Granstudio S.R.L. ประเทศอิตาลี

● ฝั่งบริดจสโตนซึ่งสนับสนุนการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์รายการ Bridgestone World Solar Challenge ได้ทำการสนับสนุนไลท์เยียร์ด้วยการออกแบบยาง Bridgestone Turanza Eco รุ่นพิเศษ ซึ่งใช้เทคโนโลยี “ENLITEN” ผลิตยางน้ำหนักเบา, มีความต้านทานการหมุนต่ำ (Low rolling resistance), ลดการสิ้นเปลืองวัตถุดิบในการผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริดจสโตนคาดว่ายางรุ่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรถให้มากยิ่งขึ้น อาทิ ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ หรือช่วยเพิ่มระยะทางในการวิ่ง เป็นต้น

● บริดจสโตนระบุว่า ผลจากการวิจัย 50% ของผู้ขับรถยนต์ในยุโรปมีความคิดที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทว่ากว่า 37% ยังมีความกังวลว่าจะซื้อดีหรือไม่ เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และข้อจำกัดด้านระยะทาง… อย่างไรก็ตาม Lightyear One ซึ่งสามารถวิ่งทำระยะทางได้ถึง 725 กม./ชาร์จ คิดเป็นประสิทธิภาพพลังงานที่มากกว่าถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ที่จำหน่ายในตลาด ณ วันปัจจุบัน

● Turanza Eco ใหม่ เป็นยางในกลุ่มประหยัดเชื้อเพลิงของบริดจสโตน หรือ “ologic” (ยางตระกูล ECOPIA ที่ใช้สนับสนุนรายการ Bridgestone World Solar Challenge) ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้งานในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เสริมด้วยเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง ENLITEN เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้บริดจสโตนสามารถลดวัตถุดิบลงได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต, ลดแรงต้านในการหมุนด้วยดอกยางแบบใหม่, มีเส้นผ่านศูนย์กลางยางที่ใหญ่ขึ้น, รองรับแรงดันลมยางสูง และยังยังมีน้ำหนักเบาลงด้วย

● ความต้านการหมุนของยางที่ต่ำมากในยางรุ่นใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มระยะทางในการวิ่งได้มากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับยางสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ของบริดจสโตน โดยมีอัตราส่วนเทียบเท่ากับการลดน้ำหนักตัวรถได้ถึง 90 กก. นอกจากนี้บริดจสโตนยังปรับปรุงการกระจายตัวของซิลิกาในยางโดยใช้เทคโนโลยีการผสมแบบใหม่ ซึ่งสามารถทำให้ยางมีน้ำหนักเบาลงราว 3.6 กก. (หรือประมาณ 10%) ของน้ำหนักยางต่อรถหนึ่งคัน โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพ, อายุของยาง และการยึดเกาะถนนลดลง

● บริดจสโตนยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการพัฒนายางแบบ Virtual Tyre เพื่อช่วยให้วิศวกรสามารถจำลองสมรรถนะของยางได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องผลิตยางจริง และร่นระยะเวลาในการทดสอบการใช้ยางจริงได้สูงสุดถึง 40,000 กม. รวมถึงลดเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทดสอบการใช้ยางจริงได้สูงสุดถึง 50% ด้วย

● ในการผลิตยาง Turanza Eco ครั้งแรกนั้น ตัวยางจะมีตราสัญลักษณ์ “Bridgestone EV” ใหม่บนแก้มยาง โดยเครื่องหมาย Bridgestone EV นี้จะใช้กับยางที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และผ่านข้อกำหนดของผู้ผลิตรถยนต์ในด้านอายุการใช้งานของแบตเตอรี่, การควบคุมการขับ และอายุการใช้งานของยาง

Bridgestone World Solar Challenge

● แนวคิดในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของไลท์เยียร์ มีที่มาจากการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์รายการ Bridgestone World Solar Challenge ซึ่งเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในเขตชนบทของประเทศออสเตรเลีย ระยะทางรวม 3,000 กม. โดยบริดจสโตนนั้นได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเฟิน (Eindhoven Technical University) และบุคลากรผู้สนับสนุนของไลท์เยียร์มานานกว่า 8 ปี

● กล่าวได้ว่าทีม Solar Team Eindhoven ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัทไลท์เยียร์ และเป็นทีมที่ชนะเลิศได้รับรางวัล Cruiser Cup จากการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์รายการ Bridgestone World Solar Challenge ถึง 4 ปีซ้อน (2016 – 2019) เป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี และรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ให้ก้าวไปอีกขั้น

● Emilio Tiberio, COO และ CTO ของบริดจสโตน EMIA (BSEMIA) ให้ความเห็นว่า “ไลท์เยียร์มีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมในด้านการเดินทางที่ยั่งยืน นับตั้งแต่ที่เราได้เห็นทีมของพวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลกในรายการ Bridgestone World Solar Challenge”

● “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ไลท์เยียร์ วัน โดยบริดจสโตนยังมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้ได้ 50% ภายในปี 2030 และใช้วัสดุที่ยั่งยืน 100% ภายในปี 2050 และจะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่ผลสำเร็จในเป้าหมายดังกล่าว”

● Lex Hoefsloot, CEO ของไลท์เยียร์กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริดจสโตน องค์กรของเรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนเพื่ออนาคต โลกของเรากำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายอย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของทั้ง 2 บริษัท จะทำให้เราสามารถทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งมั่นและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของโลกต่อไป”

● ไลท์เยียร์ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 ปัจจุบันมีพนักงานรวมกันมากกว่า 140 คน ทีมงานประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงอดีตพนักงานของ Audi, Ferrari, McLaren และ Tesla

● ในปี 2019 ไลท์เยียร์ได้รับรางวัลเป็นเงินทุนจากโครงการ Horizon 2020 ของสภายุโรปภายใต้ข้อตกลงหมายเลข 848620 จากนั้นในช่วงฤดูร้อนของปีเดียวกัน ไลท์เยียร์จึงเปิดตัวรถต้นแบบคันแรกของบริษัทในชื่อ Lightyear One ออกมา และได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่เมืองเฮลมอนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์

● นิตยสาร TIME ได้จัดอันดับให้ Lightyear One เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด 100 อันดับแรกของปี 2019 ●