December 21, 2022
Motortrivia Team (10203 articles)

Mitsubishi Triton Double Cab PLUS S-Limited A/T ตกแต่งพิเศษ เพิ่มอุปกรณ์ เติมความคุ้มค่า

เรื่อง-ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

●   ช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mitsubishi Triton Double Cab PLUS S-Limited ตัวถัง 4 ประตู ยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่งาน Big Motor Sale 2022 สีดำ Jet Black Mica เกียร์ธรรมดา 875,000 บาท เกียร์อัตโนมัติ 935,000 บาท สีขาว White Diamond เพิ่ม 10,000 บาท ตกแต่งพิเศษเฉพาะรุ่น ภายในเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการ

●   S-Limited ตั้งราคาแทรกระหว่างรุ่น Double Cab Plus 2.4 GT 6AT ราคา 956,000 บาท กับรุ่น Double Cab Plus 2.4 GLS 6AT ราคา 919,000 บาท โดย เอส-ลิมิเต็ด สีดำ Jet Black Mica เกียร์อัตโนมัติ แพงกว่ารุ่น GLS 16,000 บาท และถูกกว่ารุ่น GT 21,000 บาท โดย S-Limited มีการตกแต่งพิเศษเฉพาะรุ่นทั้งภายนอกและภายใน เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการ คุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม

แต่งทรงสไตล์ตัวแข่ง

●   S-Limited มีให้เลือก 2 สี ดำ Jet Black Mica และขาว White Diamond เพิ่ม 10,000 บาท ให้อารมณ์ตัวแข่งด้วยการเพิ่มสติ๊กเกอร์สีทูโทน ซิลเวอร์-เรด ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง เล่นสีเงินและสีแดงเข้ม เข้าชุดกลมกลืนไปกับสีแดงที่กันชนหน้าหลัง และขอบบันไดข้าง ลวดลายของสติ๊กเกอร์ออกแนวเรียบๆ ไม่หวือหวา ขับแล้วไม่เขินและดูได้นานไม่เบื่อง่าย แซมด้วยสีดำเงาในจุดต่างๆ เช่น กระจังหน้า กรอบกระจกมองข้างท่ีมีไฟเลี้ยวในตัว ที่เปิดประตูทั้ง 4 บานและที่เปิดฝาท้าย ที่มีโช้กอัพช่วยผ่อนแรงเวลาเปิด-ปิด ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-LED ส่วนไฟท้ายก็เป็นแบบ LED เช่นกัน ล้อแม็กสีดำเงา ขนาด 7.5×18 นิ้ว ยาง 265/60 R18

●   มิติตัวรถมีความยาว 5,300 มิลลิเมตร กว้าง 1,815 มิลลิเมตร สูง 1,795 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,520/1,515 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 220 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่นเกียร์ธรรมดา 1,810 กิโลกรัม เกียร์อัตโนมัติ 1,845 กิโลกรัม

ภายในสปอร์ตและคุ้มค่า

●   S-Limited ตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำด้ายแดงที่บริเวณเบาะนั่ง พวงมาลัย หัวเกียร์ เบรกมือ และแผงประตูทั้ง 4 บาน และเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการ เช่น ผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางที่มีในรุ่น GT Premium และเพิ่มครูสคอนโทรลที่พวงมาลัยฝั่งขวาที่มีในรุ่น GT และเพิ่มแท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger ที่มีในปาเจโร่สปอร์ต ส่วนความปลอดภัยมีแอร์แบ็กคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับระดับได้

●   ที่ชอบใจก็คือ พวงมาลัยที่ปรับได้ 4 ทิศทาง ทำให้ปรับตำแหน่งท่าขับให้ถูกต้องและสบายที่สุด เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้าก็ปรับได้ละเอียดดี แต่อยากให้จุดที่รองรับแผ่นหลังด้านล่างมีความหนามากกว่านี้หน่อย อีกอย่างที่ชอบและได้ใช้ตลอดการทดลองขับคือ จอสัมผัส 7 นิ้ว มีกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ รองรับ Apple CarPlay และ Andriod Auto ผ่านช่อง USB-A ใช้ Google Map นำทางและบอกสภาพการจราจรล่วงหน้าได้

●   ภายในห้องโดยสารใช้พลาสติกแข็งเป็นส่วนประกอบในหลายจุด แต่ก็พยายามทำให้พื้นผิวดูดี การสัมผัสไม่ดีเท่า Soft Touch แต่ก็พอรับได้ เพราะไม่อยู่ในจุดที่ต้องสัมผัสร่างกายบ่อยๆ และมีข้อดีคือ ทนทาน ดูแลรักษาง่าย อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งาน บางอย่างอาจดูแปลกสำหรับรถยุคนี้ เช่น กุญแจรีโมท ที่ยังต้องเสียบกับรูกุญแจและบิดเพื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ ไม่ใช่ Keyless และ Push Start ทำให้ขาดความสะดวกไปบ้าง

●   ที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือ การเก็บเสียงในห้องโดยสาร ที่ทำได้ดีเกินคาดสำหรับรถทรงสูงต้านลม ขับด้วยความเร็ว 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แทบไม่ได้ยินเสียงลมปะทะและเสียงยาง ส่วนเสียงและการสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ก็แทบไม่มีเช่นกัน ความกว้างขวางก็ถือว่าดีตามสไตล์รถกระบะฐานล้อยาวๆ ทัศนวิสัยรอบคันก็โปร่งโล่งจากความสูงของรถและตำแหน่งนั่งขับ มีหมอนรองศีรษะเบาะหลังที่รบกวนสายตาเล็กน้อย ที่นั่งด้านหลังมีที่เท้าแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำ มีช่องจ่ายไฟฟ้า USB-A 2 ตำแหน่ง พับพนักพิงเบาะหลังลงจะเจอชุดเครื่องมือประจำรถ ทั้งแม่แรง บล็อกถอดล้อ และเหล็กไขยางอะไหล่

เครื่องยนต์เร่งลื่น เกียร์เปลี่ยนนุ่มนวล

●   S-Limited ใช้เครื่องยนต์ 4N15 with AS&G (Auto Stop and Go) ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ 2,442 ซีซี กระบอกสูบ 86 มิลลิเมตร ช่วงชัก 105.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 14.9:1 (รุ่นเกียร์ธรรมดา 15.5:1) กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ถังน้ำมันจุ 75 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมด +/-

●   รับรถแล้วเซตข้อมูลการขับใหม่หมด ขับออกนอกเมืองไปถ่ายรูปในโลเคชั่นที่คุ้นเคย ระยะทาง 154.7 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าเหมาะสมกับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดเพราะมีทำถนนเป็นช่วงๆ ประกอบกับรถคันสูงใหญ่ต้านลม และช่วงท้ายมีขับขึ้นเนินชันต่อเนื่องด้วย

●   อัตราเร่งถือว่าทำได้ลื่นไหลดี โดยเฉพาะการเร่งจากเกียร์เดิม กดคันเร่งไม่ถึงจังหวะคิ๊กดาวน์ รถเพิ่มความเร็วขึ้นได้อย่างใจสำหรับผู้ขับที่ไม่ใจร้อน ลองคิ๊กดาวน์เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเล็กน้อย อัตราเร่งกระฉับกระเฉงขึ้นพอสมควร เร่งแซงได้ค่อนข้างเร็วและปลอดภัย เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เหมือนจะเซตมาให้เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลทั้งขึ้นและลง บางจังหวะรู้สึกหน่วงๆ ไปนิด ลองโหมด +/- ก็ทันใจขึ้นมาหน่อยเพราะไม่ต้องรอจังหวะเปลี่ยนเกียร์ โหมดนี้ใช้บ่อยช่วงขึ้นลงทางชัน และช่วงรถติด ไม่ต้องเหยียบเบรกบ่อยๆ แรงบิดเหลือเฟือ ออกตัวด้วยเกียร์ 2 ก็ยังไหวเพราะนั่งคนเดียวและไม่มีน้ำหนักบรรทุก

●   โดยรวมแม้สมรรถนะของเครื่องยนต์ค่อนข้างจัดจ้าน แต่ก็ขับได้ราบเรียบนุ่มนวล เครื่องยนต์ทำงานนิ่งและเงียบ ไม่สั่นเขย่าและเสียงไม่ดัง ขับได้นานโดยไม่เมื่อยล้า ก่อนส่งรถลองอัตราสิ้นเปลืองอีกครั้ง ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 62 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร

ช่วงล่างแทบไม่มีบุคลิกของปิกอัพ

●   ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังคานแข็ง แหนบซ้อน พร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASTC-Active Stability และ Traction Control ป้องกันล้อหมุนฟรี ป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA หรือ Hill Start Assist ผลงานของช่วงล่างน่าประทับใจ สมกับเป็นรถ 4 ประตูที่เน้นการโดยสาร ขับได้อย่างนุ่มนวล แทบไม่มีอาการดีดเด้งให้สัมผัส แม้จะนั่งแค่คนเดียวและไม่มีน้ำหนักกดที่กระบะหลัง ยางติดรถก็แทบไม่มีเสียงรบกวนและให้ความนุ่มนวลซับแรงกระแทกได้ดี ทำให้ขับทางไกลด้วยความเร็วตามกฎหมายได้อย่างผ่อนคลาย และไม่รู้สึกล้า

●   พวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ วงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร น้ำหนักค่อนข้างตึงมือในแบบที่ชอบ ขับทางไกลมั่นคง ขับในเมืองอาจจะรู้สึกหนักแรงไปนิด การตอบสนองของพวงมาลัยอยู่ในระดับกลางๆ เหมาะกับประเภทรถ ไม่เร็วเกินไปจนรู้สึกวูบวาบหรือคุมรถยาก ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม พร้อม ABS และ EBD สร้างแรงเบรกได้หนักแน่นมั่นคง เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรถรุ่นนี้

●   Mitsubishi Triton Double Cab PLUS 4 ประตู ยกสูง ขับ 2 รุ่นย่อยใหม่ล่าสุด S-Limited เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ตกแต่งภายนอกภายในเป็นพิเศษเฉพาะรุ่น เน้นเรื่องการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานภายในเช่น เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า, ครูสคอนโทรล และ Wireless Charger กับราคาที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่น GLS ทำให้เป็นรถที่คุ้มค่า เหมาะกับผู้ที่กำลังมองหารถใช้งานแบบครอบครัว มีกระบะหลังใช้งานได้อเนกประสงค์ ตัวรถยกสูงพร้อมลุย กับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ที่ไม่ซับซ้อน ประหยัดทั้งค่าบำรุงรักษาและค่าเชื้อเพลิง เปิดราคามาพอๆ กับรถเก๋งคอมแพ็กต์ 875,000 บาทในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 935,000 บาทในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ สีขาว White Diamond เพิ่ม 10,000 บาท มาพร้อมประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ประกันภัยชั้น 1 และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง         ●

ขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถทดสอบ

Test Drive : 2022 Mitsubishi Triton Double Cab PLUS S-Limited A/T