July 5, 2023
Motortrivia Team (10231 articles)

2023 Honda City ใหม่ มาพร้อม Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

●   ฮอนด้า ประเทศไทย เปิดตัวซับคอมแพคท์รุ่นยอดนิยม Honda City ใหม่ MY2023 ตัวรถมากับทางเลือกระบบขับเคลื่อนทั้งฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC Turbo ไฮไลท์คือการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV SV และมีการเติมชุดระบบความปลอดภัย Honda SENSING ให้ในทุกรุ่นย่อย การเปิดตัวมีขึ้นในงาน FAST Auto Show Thailand & EV Expo 2023 ระหว่างวันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2566 ผู้ที่สนใจสามารถทดลองขับได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป

●   เบื้องต้นการจำหน่ายจะแยกเป็น 2 ระบบขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่นไฮบริด Honda City e:HEV RS และ Honda City e:HEV SV ส่วนรุ่นเมอร์โบฯ มี Honda City TURBO RS, Honda City TURBO SV และ Honda City TURBO V

●   ฮอนด้าปรับภาพลักษณ์ City ด้วยกระจังหน้าโครเมียม, กันชนหน้า-หลังแบบใหม่, ชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ชุดไฟ DRL สำหรับวิ่งกลางวัน, ไฟท้ายแบบ LED, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว, ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ, มือเปิดประตูโครเมียม (รุ่น SV และ e:HEV SV), เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ, ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น V), สีทูโทน (รุ่น SV) และขนาด 16 นิ้วทูโทน (รุ่น e:HEV SV)

●   รุ่น RS และ รุ่น e:HEV RS พิเศษกว่าด้วยกระจังหน้าสีดำเงาแบบใหม่, ชุดแต่งสปอร์ต RS มีกันชนหน้า-หลัง, สเกิร์ทข้าง และสปอยเลอร์หลังแบบ RS, ชุดไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL, ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, มือเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น RS และ e:HEV RS), ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา, ฟังก์ชั่นปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (รุ่น e:HEV RS), เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา และล้ออัลลอยทูโทนแบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

●   ห้องโดยสารมีมาตรวัดพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS), จอทัชสกรีนแบบ Advanced Touch ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS), ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT (รุ่น RS และ e:HEV RS), ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS), พอร์ท USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS), ระบบ Remote Engine Start สตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมระบบปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System), ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)

●   ต่อด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, ตัวพวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง, Paddle Shift (รุ่น RS และ e:HEV RS), ระบบ Deceleration Paddle Selectors ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS), ปุ่ม ECON, ชุดลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS), กระจกมองหลังแบบตัดแสง, แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS), ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร, ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย, พนักเท้าแขนด้านหน้า, พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว (รุ่น RS และ e:HEV RS), ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

●   ด้านการตกแต่ง วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงิน (เฉพาะรุ่น V) และสีดำ Piano Black (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV), วัสดุหุ้มเบาะผ้า (เฉพาะรุ่น V), วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV), มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม ส่วนรุ่น RS และรุ่น e:HEV RS จะมีวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าเป็นสีแดงเมทัลลิก พร้อมวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

●   รุ่นไฮบริด e:HEV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน Atkinson Cycle แบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 16 วาล์ว จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ส่งกำลังด้วยเกียร์เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอออน แรงบิดสูงสุด 25.7 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 27.8 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 83 กรัม/กม. และรองรับการใช้งานเชื้อเพลิง E20 โหมดในการขับเลือกได้ 3 โหมดระหว่าง EV Drive Mode, Hybrid Drive Mode หรือ Engine Drive Mode

●   ส่วนรุ่น TURBO มากับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร DOHC VTEC 12 วาล์ว เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.6 กก.-ม. ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 23.8 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 99 กรัม/กม. และรองรับการใช้งานเชื้อเพลิง E20

Honda SENSING มีทุกรุ่นย่อย

●   ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบความปลอดภัย Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์, คนเดินถนน, จักรยาน และจักรยานยนต์ โดยมี 6 ฟังก์ชันหลักๆ ซึ่งประกอบด้วย:

●   ระบบ Auto High-Beam ปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (รุ่น V, SV และ RS) พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Low-Speed Follow (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS), ระบบ Collision Mitigation Braking System เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบ Lane Keeping Assist System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ และระบบใหม่ Lead Car Departure Notification System ช่วยเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่

●   เสริมด้วยระบบ Honda LaneWatch แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (รุ่น e:HEV RS), กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ Multi-Angle Rearview Camera (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS), เบรคมือไฟฟ้า Electric Parking Brake (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS), ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS), ถุงลมคู่หน้า, ถุงลมด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS), ระบบ Auto Door Lock by Speed ล็อคประตูรถอัตโนมัติ

●   ต่อด้วยระบบ Walk Away Auto Lock ล็อครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ, ระบบ Remote Engine Start สตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า, ระบบเบรค ABS พร้อม EBD, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA, ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ, เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง, ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง Rear Seat Reminder, จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor และกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

●   นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่ ฮอนด้า ซิตี้ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับซิตี้คาร์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอด ด้วยยอดขายสะสมเกือบ 800,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้ ฮอนด้า ซิตี้ เป็นแบรนด์ยอดนิยมที่อยู่ในใจลูกค้าเสมอมา”

●   “วันนี้ผมเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ปรับโฉมใหม่ ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เสริมความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น และภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง โดยรุ่น e:HEV จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าได้อย่างไร้กังวล และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และรุ่น TURBO ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานด้วยการขับขี่ที่แรง เร้าใจ และสะดวกสบายเกินคลาส โดยทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ซึ่งเมื่อลูกค้าได้สัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จะต้องประทับใจในความครบครันของรถซิตี้คาร์รุ่นนี้อย่างแน่นอน”

ราคาจำหน่าย

●   สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย น้ำเงินออบซิเดียน มุก (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS เพิ่ม 6,000 บาท), แดงอิกไนต์ เมทัลลิก (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS), ขาวแพลทินัม มุก (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS เพิ่ม 10,000 บาท), ดำคริสตัล มุก (เพิ่ม 6,000 บาท), เงินลูนาร์ เมทัลลิก, เทาเมทิเออรอยด์ เมทัลลิก และขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V)

  • City e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
  • City e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
  • City TURBO RS ราคา 749,000 บาท
  • City TURBO SV ราคา 679,000 บาท
  • City TURBO V ราคา 629,000 บาท

●   ใครอยากแต่งเพิ่มเติม ฮอนด้ามีชุดแต่ง Modulo รอบคันที่สามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้ อาทิ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ราคา 15,600 บาท, คิ้วตกแต่งซุ้มล้อหน้า ราคา 1,700 บาท, คิ้วบันไดสเตนเลส LED ราคา 4,400 บาท, กระบะใส่ของท้ายรถสำหรับรุ่น TURBO ราคา 1,100 บาท และรุ่น e:HEV ราคา 1,250 บาท เป็นต้น

●   นอกจากนี้ยังมีแพคเกจชุดแต่งรอบคัน Modulo Aero Package ราคา 15,500 บาท ประกอบด้วยสเกิร์ทหน้าแบบ 2 ชิ้น, สเกิร์ทข้าง และสเกิร์ทหลังแบบ 2 ชิ้น โดยราคาอุปกรณ์ตกแต่งรวมค่าแรงติดตั้งแล้ว ไม่รวม VAT 7% สนใจดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ hondaaccess.co.th/line-up/honda-city

●   ข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09%, ฟรีประกันภัย 1 ปี, เฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566

●   ทดลองขับได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ผู้ที่ลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566 จะได้รับขวดน้ำพับได้มูลค่า 250 บาทฟรี

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Honda City ใหม่ เชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.honda.co.th หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/hondathailand หรือแอด LINE : @honda-thailand หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า ให้บริการ 24 ชั่วโมง : โทร. 02-341-7777 ●

Grand Opening : 2023 Honda City