November 11, 2023
Motortrivia Team (10232 articles)

Audi เปิดตัวซีดานพลังปลั๊ก-อินฯ A8 L และ A7 Sportback รวม 2 รุ่น

motortrivia

●   อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัวซีดานหรูระบบขับเคลื่อนปลั๊ก-อิน ไฮบริด 2 รุ่น ประกอบด้วย Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro รถซีดานท้ายลาด (สปอร์ตแบค) ในกลุ่ม E-segment และ Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S Line ซีดานหรูขนาดฟูลไซส์ในกลุ่ม F-segment พร้อมเปิดให้จองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

●   ทั้งคู่นำเข้าทั้งคันจากเยอรมนี พร้อมรับการดูแลจาก Audi Protection รับประกัน 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน, รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน (ในรถ Plug-in hybrid TFSI e) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชม. นาน 5 ปี

Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro

●   Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro มากับชุดแต่ง S line หรือ S line Black Edition ซึ่งจะมีกระจังหน้าใหม่ พร้อมล้อลายใหม่ Audi Sport 5-double arm style ขนาด 20 นิ้ว, คาลิเปอร์เบรคสีแดง, ชุดไฟหน้า HD Matrix LED พร้อมเอฟเฟกท์ไฟหน้า-หลัง Light staging, ไฟ Projector LED สัญลักษณ์ S ที่ประตูหน้า

●   ห้องโดยสารตกแต่งภายในด้วยลาย Dark Matte Brushed Aluminum, เบาะคู่หน้าหุ้มหนัง Valcona แบบ Sports plus ตกแต่งด้วยลาย Diamond cut พร้อมตราสัญลักษณ์ S line, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง Perforated พร้อมสัญลักษณ์ S line และชุดแป้นเหยียบ Stainless steel แบบสปอร์ต

●   อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ มี หลังคาพาโนรามิค เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกอิสระ 4 โซน พร้อมฟังก์ชั่น Stationary air conditioning ช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มเดินทาง, พอร์ท USB Type-C ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ชุดระบบเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ และชุดไฟเรืองแสง Contour/ambient lighting ที่สามารถปรับสีได้ 30 สี

●   ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 265 แรงม้า จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 143 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S tronic พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ultra technology กำลังรวมทั้งระบบ 367 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

●   แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุ 17.9 กิโลวัทท์-ชม. พร้อมหัวชาร์จแบบ Type 2 ชาร์จเต็มด้วยไฟบ้าน 220 โวลท์ ภายในเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง หากชาร์จด้วยแท่นชาร์จ Compact Charger ซึ่งมีกำลังไฟ 7.4 กิโลวัทท์ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 69 กม. จากการทดสอบตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป และสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 135 กม./ชม.

●   Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line เลือกสีภายนอกได้ 6 สีระหว่าง Metallic Glacier White, Metallic Floret Silver, Metallic Mythos Black, Metallic Chronos Grey และ 2 สีใหม่ Metallic Firmament Blue หรือ Metallic Grenadine Red

●   Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line ราคาเริ่มต้น 4,799,000 บาท ส่วน Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,099,000 บาท

Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S Line

●   ต่อด้วยซีดานฟูลไซส์รุ่นแฟลกชิพ Audi A8 L TFSI e พร้อมชุดแต่ง S Line ซึ่งเน้นความหรูและความสะดวกสบายในระหว่างการเดินทางด้วยอุปกรณ์มาตรฐานระดับไฮเอนด์ อาทิ หลังคาพาโนรามิคไฟฟ้า, ม่านบังแดดปรับไฟฟ้าสำหรับกระจกด้านหลัง และกระจกข้างด้านหลัง เพิ่มความเป็นส่วนตัว, ไฟอ่านหนังสือแบบ Matrix LED, จอทัชสกรีนแบบ OLED ขนาด 5.7 นิ้วแยกซ้าย-ขวาสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมที่พักเท้าแบบอุ่นร้อนและฟังก์ชันนวดเท้า

●   ชุดระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ใช้เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.0 ลิตร TFSI กำลังสูงสุด 340 แรงม้า จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Tiptronic พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro กำลังรวมทั้งระบบ 462 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 43.4 กม./ลิตร

●   แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุ 14.1 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จเต็มด้วยไฟ 220 โวลท์ ภายในเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง ชาร์จด้วยไฟ 7.4 กิโลวัทท์-ชม. ภายใน 2 ชม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 52 กม. และใช้ความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 135 กม./ชม.

●   โหมดในการขับเลือกได้ 4 โหมดระหว่าง EV Mode, Battery Hold, Battery Charge หรือ Hybrid โดยระบบจะทำงานแบบคาดการณ์ล่วงหน้า และจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อเริ่มใช้ระบบนำทาง MMI Navigation plus with MMI touch response ซึ่งจะช่วยให้มีการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่อย่างเหมาะสมตลอดเส้นทาง ทั้งนี้ระบบจะใช้โหมดไฟฟ้าเป็นหลักเมื่ออยู่ในตัวเมือง หรือในช่วงการจราจรที่หนาแน่น

●   ในโหมด EV Mode ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ตราบใดที่ผู้ขับไม่ใช้ความเร็วเกินที่กำหนดไว้, โหมด Battery Hold ระบบจะทำการรักษาปริมาณกระแสไฟฟ้าคงเหลือในแบตเตอรี่เอาไว้ที่ปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ขับสามารถใช้งานได้ครอบคลุมระยะทางที่กำหนดด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

●   โหมด Battery Charge ระบบจะบริหารจัดการการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ เพื่อให้ผู้ขับสามารถวางแผนการใช้งานด้วยระบบไฟฟ้าในระยะทางที่ต้องการได้ ส่วนโหมด Hybrid ซึ่งจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติพร้อมกับระบบนำทาง หรือเมื่อผู้ขับเลือกโหมดเอง มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกันเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้ดีที่สุด โดยเน้นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก เช่น การจราจรที่ติดขัด

●   ด้านการบริหารพลังงาน ขณะใช้ความเร็วคงที่ ตัวรถจะทำการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ด้วยระบบ Coasting Recuperation ซึ่งจะสามารถคืนพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 25 กิโลวัทท์ หากมีการเบรค ระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรค หรือ Brake recuperation จะช่วยชาร์จไฟกลับได้สูงสุดถึง 80 กิโลวัทท์ ซึ่งผู้ขับสามารถดูข้อมูลได้ผ่านจอ Virtual Cockpit และระบบ MMI

●   ด้านความปลอดภัย ตัวรถมีระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ หรือ Audi pre sense basic และระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง หรือ Audi pre sense rear ช่วยประเมินสถานการณ์การขับด้วยการใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับ ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัว (ESC) รวมถึงเรดาร์เซ็นเซอร์บริเวณด้านท้ายรถ หรือการเหยียบแป้นเบรคอย่างรุนแรง โดยในกรณีที่ประเมินว่ามีแนวโน้มที่อาจเกิดการชน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง ระบบจะดึงรั้งสายเข็มขัดนิรภัยของเบาะคู่หน้าให้กระชับ นอกจากนั้นแล้ว หากกระจกหรือหลังคาพาโนรามิคถูกเปิดค้างไว้ ระบบจะปิดให้โดยอัตโนมัติ และเปิดการทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉินทันที

●   นอกจากนี้ยังมี ระบบ Lane change assist แจ้งเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Rear cross traffic assist แจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง และระบบ Exit warning แจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถ ป้องกันการชนจากรถหรือมอเตอร์ไซค์ขณะเปิดประตูลงจากรถ

●   Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S line เลือกสีภายนอกได้ระหว่าง Metallic Glacier White, Metallic Mythos Black, Metallic Floret Silver และ 2 สีใหม่ Metallic Firmament Blue หรือ Metallic District Green ส่วนสีภายในห้องโดยสารมี 2 สี คือ Cognac Brown หรือ Black ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 7,199,000 บาท

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย

●   นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย กล่าวว่า “กลยุทธ์ Electrify Model ของอาวดี้ แยกเป็น Audi โมเดล e-tron หรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% ในขณะที่รุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด จะใช้ชื่อ TFSI e ซึ่งเป็นการผสมผสานความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีของอาวดี้ ด้วยการนำข้อดีของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบสันดาปฯ มารวมกัน จุดเด่นของอาวดี้ปลั๊ก-อิน ไฮบริด คือ Electric Drive การติดตั้งไดรฟ์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ขนาดกะทัดรัดสำหรับการเดินทางในระยะทางสั้น เสริมด้วยพละกำลังเครื่องยนต์สันดาปฯ สำหรับการเดินทางระยะไกล รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ผสมผสานเทคโนโลยีการขับเคลื่อน 2 เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของอาวดี้เข้าด้วยกัน ทางเลือกที่ลงตัวตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากช่วยบริหารจัดการเรื่องการชาร์จไฟฟ้าให้สะดวกสบายแล้ว ที่สำคัญยังคงไว้ซึ่งประสบการณ์ขับขี่อันสมบูรณ์แบบตามแบบฉบับของอาวดี้”

●   “อาวดี้ พลิกโฉมสู่การเป็นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่ออาวดี้กำลังสร้างโลกใหม่แห่งการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า การพัฒนา Ecosystem อย่างเต็มรูปแบบ เข้ากับประสบการณ์มากกว่า 100 ปี ในการสร้างรถยนต์ระดับพรีเมียม ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ แผนการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและข่าวการเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบกว่า 10 รุ่น ออกสู่ตลาดภายในปี 2026 รวมไปถึงแผนการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องของกลุ่มรถไฟฟ้า 100% และรถปลั๊กอินไฮบริดทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเซกเมนต์รถสปอร์ต หรูหรา หรือขนาดกะทัดรัดใช้งานในเมือง สำหรับ อาวดี้ วิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม (e-roadmap) นั้นเป็นมากกว่าการผลิตรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่ถูกสะท้อนผ่านกลยุทธ์องค์กร การวางแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 28 พันล้านยูโร (€28 billion) แผนปฏิบัติการ 360 องศา ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ บริการรองรับ ตลอดจนสายการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบรถพลังงานไฟฟ้า 100% และรถปลั๊กอินไฮบริดทุกรุ่น”

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.audi.co.th หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/AudiThailand หรืออี-เมล : [email protected] หรือติดต่อ Audi Centre Thailand : audi.co.th/sea/web/th/service/service-center

2023 Audi A7 Sportback 55 TFSI e / Audi A8 L TFSI e