November 10, 2023
Motortrivia Team (11062 articles)

Honda Accord e:HEV RS ขับสนุก ประหยัด ออฟชั่นแน่น

เรื่อง – วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ

●   หลังเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย ก็มีโอกาสได้สัมผัสคันจริง พร้อมทดลองขับ ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่ถูกจัดวางอยู่ในกลุ่ม Sport Premium Flagship Sedan พัฒนาโดยทีมวิศวกรฮอนด้า Mr. Naoki Yokoyama หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา ศูนย์พัฒนายานยนต์ ส่วนงานยานยนต์ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น

●   แอคคอร์ดใหม่ พัฒนาภายใต้แนวคิด Driven by My Accord เพื่อให้รถรุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต โดยมุ่งเน้นคุณค่า 3 ด้านหลัก ได้แก่ ความหรูหราสง่างาม, พลังแห่งความสดใส มีชีวิตชีวา และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อ และระบบ Full Hybrid e:HEV สำหรับแอคคอร์ดใหม่ ทำตลาดในไทยด้วย 3 รุ่นย่อย คือ e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท, e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท และรุ่นสูงสุด e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ในการทดลองขับบนเส้นทางภูเก็ต-กระบี่ ระยะทางรวมทั้งทริปประมาณ 268 กิโลเมตร ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย ขับขาไประยะทางประมาณ 125 กิโลเมตร ขับแล้วชอบไม่ชอบตรงไหน อ่านได้ในบทความนี้ครับ

ภายนอก

●   เรื่องรูปลักษณ์หรือความสวยงาม เป็นรสนิยมและความชอบส่วนตัว ถ้าจะมีความเห็นไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องปกติ แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่าภายนอกของแอคคอร์ดรุ่นนี้มาในแนวเรียบๆ ไม่ถึงกับหวือหวา ทรงรถแบนยาวท้ายลาด เสมือนเป็นรถสปอร์ตซีดานสำหรับผู้ใหญ่ ที่ไม่ได้เน้นความหวือหวาเด่นเตะตา แต่ดูรวมๆ แล้วเนี๊ยบดี เมื่อมองในรายละเอียดก็จะพบว่าเป็นรถที่ประกอบมาได้ประณีต การออกแบบฝากระโปรงหน้าที่แบนกว้างและมีรอยต่อกับตัวถังรถอยู่ด้านบนจึงมองเห็นได้ชัด ถ้าประกอบไม่ดี ช่องไฟมีความห่างไม่เท่ากัน จะทำให้รถดูแย่ไปเลย

●   ชุดไฟหน้าไฟท้ายทรงเพรียวบาง ช่วยปรับมุมมองของรถซีดานขนาดใหญ่ให้ดูวัยรุ่นขึ้นปราดเปรียวขึ้น ขับแล้วไม่ดูแก่ หรือเป็นรถพ่อบ้านแม่เรือน วัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ก็ขับได้ ในรุ่น e:HEV RS ถ้าเป็นสีสว่างจะเห็นชุดแต่งเฉพาะรุ่นที่เป็นสีดำเงาได้ชัดเจน แต่ถ้าเป็นสีเข้มจะลดความโดดเด่นของชุดแต่งไปพอสมควร วัสดุตกแต่งภายนอกโดยรวม เช่น ชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆ ก็ดูดีมีคุณภาพ สำหรับภายนอกจุดที่ไม่ค่อยถูกใจนักก็คือ การทำสีดำด้านของล้อแม็ก เพราะโดยส่วนตัวแล้วมองว่าทำให้รถดูเก่า หรือเหมือนรถไม่ได้ล้าง ถ้าเป็นสีทูโทนดำเงาตัดกับสีเงิน ก็น่าจะสวยและเข้ากับชุดแต่ง RS ได้ดี ส่วนลวดลายของล้อแม็กก็มองว่าเข้ากับรถได้ดีอยู่แล้ว

●   ความแตกต่างภายนอกของทั้ง 3 รุ่นย่อย คือ รุ่นเริ่มต้น e:HEV E จะได้ล้อแม็กสีเงินล้วน ขนาด 17 นิ้ว รุ่นกลาง e:HEV EL ไม่มีหลังคาพาโนรามิ ซันรูฟ ส่วนรุ่นสูงสุด e:HEV RS มีชุดแต่งสีดำเงาที่กรอบกระจกมองข้าง เสาอากาศ และสปอยเลอร์หลัง

●   ถ้ายังสวยไม่พอ ฮอนด้าก็มีชุดแต่ง Modulo ให้ติดตั้งเพิ่มเติมได้ ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า 11,000 บาท, สเกิร์ตหลัง 12,000 บาท, สเกิร์ตข้าง 13,900 บาท, สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต 10,000 บาท, ชุดโลโก้ Accord และ H mark หลังสีดำ 1,500 บาท, คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า 2,200 บาท, ฟิล์มกันรอยบริเวณขอบประตู 1,200 บาท, ฟิล์มกันรอยบริเวณที่เปิดประตู 600 บาท, ฟิล์มกันรอยกันชนหลัง 1,300 บาท, คิ้วกันสาดขอบโครเมียม 3,850 บาท, พรมปูพื้น 1,500 บาท, กระบะใส่ของท้ายรถ HEV 1,500 บาท และคิ้วบันไดไดนามิก LED 6,500 บาท

ภายใน

●   ชอบใจในเรื่องการใช้สีดำล้วนไปถึงเพดาน เพราะดูแลรักษาง่าย โทรมยาก และดูสปอร์ตเข้มขรึมดี มีตัดด้ายแดงในรุ่น e:HRV RS ส่วนการออกแบบก็เป็นแนวเรียบๆ คลีนๆ แต่ไม่ถึงกับจืดชืด ดูเรียบง่ายและหนักแน่นดี คุณภาพวัสดุโดยรวมก็สมราคาและสมกับระดับของรถ ส่วนที่เป็นพลาสติกแข็งก็ทำลวดลายที่ดูแล้วไม่แย่ ผิวสัมผัสก็ให้ความรู้สึกที่ดี

●   เบาะคู่หน้ากึ่งสปอร์ตปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง นั่งสบายไม่โอบกระชับมากเกินไปจนอึดอัด ฝั่งผู้ขับมีที่ดันหลังไฟฟ้า และหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบเลื่อนเบาะถอยหลังให้เมื่อดับเครื่องยนต์ และจะเลื่อนกลับตำแหน่งที่ตั้งไว้เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ช่วยให้เข้า-ออกจากรถได้สะดวก พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ช่วยให้ปรับเข้าท่านั่งที่ถูกต้องและสะดวกสบายได้ง่าย

●   ส่วนพื้นที่ของเบาะหลัง เห็นหลังคาที่ลาดลงจนเกือบจะเป็นรถคูเป้ก็พอจะเดาได้ถึงพื้นที่เหนือศีรษะ แค่ความสูง 170 เซนติเมตร นั่งแบบพิงเต็มหลัง ศีรษะก็เฉี่ยวเพดานทั้งด้านบนและด้านข้างแล้ว แต่พื้นที่วางขานั้นเหลือเฟือโดยเฉพาะถ้านั่งหลังผู้ขับที่มีความสูงใกล้เคียงกัน มีม่านบังแดดด้านข้างมาให้ การม้วนเก็บลงไปที่แผงประตูทำได้เนี๊ยบดี มีช่องแอร์หลังและ USB-C 2 ตำแหน่ง กลางเบาะหลังมีที่เท้าแขน จะดึงออกมาต้องล้วงมือเข้าไปเพราะไม่มีที่ดึง ตรงนี้ลำบากนิดหน่อยเพราะต้องใช้แรงในการสอดมือเข้าไป และใช้แรงในการดึงที่เท้าแขนออกมา ดึงออกมาแล้วที่เท้าแขนจะพาดบนเบาะนั่ง ระดับของที่เท้าแขนจึงอาจจะต่ำไปสำหรับบางคน ในที่เท้าแขนมีที่วางแก้วน้ำพร้อมฝาปิด ส่วนช่องเก็บที่เท้าแขน จะมีประตูเล็กๆ ให้เปิดทะลุไปที่เก็บสัมภาระได้ พนักพิงเบาะหลังพับลงได้ แต่ต้องพับลงทั้งแผงด้วยการดึงคันบังคับจากในห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ถ้าพับพนักพิงลง เบาะหลังก็จะนั่งไม่ได้ ส่วนเรื่องฝาท้ายที่ไม่ใช่ระบบไฟฟ้า ส่วนตัวแล้วเฉยๆ ไม่ค่อยชอบฝาท้ายไฟฟ้าตรงที่เปิด-ปิดช้า ไม่ทันใจ

●   อุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น e:HEV RS ถือว่าครบครัน ที่ชอบใจก็คือ ความคมชัดของชุดมาตรวัด TFT จอกลางระบบสัมผัส และระบบ HUD ที่ฉายลงบนกระจกหน้า ภาพกราฟิกคมชัดทันสมัย สีสันสวยงาม มาตรวัดปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ด้วยปุ่มบนพวงมาลัย ระบบ HUD สัมพันธ์กับระบบนำทาง มีลูกศรบอกทางเมื่อเปิดใช้ MAP และสามารถดึง MAP มาแสดงบนมาตรวัดได้ด้วย โดยแยกอิสระกับจอกลาง แต่ต้องใช้ MAP ที่เป็นแอพฯ ของรถ ถ้าใช้ GooGle Map บน CarPlay จะดึงมาที่มาตรวัดไม่ได้ จะแสดงผลบนหน้าจอกลางที่เดียว

●   จอกลางระบบสัมผัสความละเอียดสูง ตอบสนองการสัมผัสได้รวดเร็วลื่นไหลดีมาก แสดงภาพกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะแบบแปรผันและกล้องรอบทิศทางได้ชัดเจน จอนี้ใช้เป็นศูนย์กลางการปรับตั้งระบบต่างๆ ของตัวรถ ซึ่งก็ทำได้สะดวกดีเพราะจอมีขนาดใหญ่ สว่างสู้แสงได้ดี ที่ไม่ชอบใจก็คือ การควบคุมแรงลมแอร์ ต้องใช้ระบบสัมผัสหน้าจอ หรือไม่ก็ตั้งการใช้งานปุ่ม Experience Selection Dial ให้คุมแรงลมแอร์ ส่วนการปรับอุณหภูมิแบบแยกซ้าย-ขวา มีปุ่มกดแยกไว้ให้แล้ว

●   บางคนอาจมองว่า ระบบแอร์ไม่ต้องปรับบ่อย สตาร์ทรถแล้วกดปุ่ม AUTO คือจบ แต่โดยส่วนตัวแล้วก็ยังอยากปรับแอร์เองทั้งอุณหภูมิ แรงลม และทิศทางของลม และชอบปุ่มแบบกดหรือหมุนมากกว่าระบบสัมผัส เพราะยังสามารถคลำหาปุ่มปรับได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน แต่ถ้าเป็นระบบสัมผัสหน้าจอ ยังไงก็ต้องหันไปมองเพื่อกด ข้อดีของระบบสัมผัสหน้าจอก็มี เช่น ลดความรกของปุ่มต่างๆ และดูทันสมัย แต่กับบางระบบก็ทำให้ใช้งานยากขึ้น

การเก็บเสียง

●   เป็นอีกเรื่องที่ทำได้ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา เมื่อเทียบกับแอคคอร์ดรุ่นก่อนหน้า และรถฮอนด้ารุ่นอื่นๆ เพื่อนสื่อมวลชนที่ได้ทดลองขับทุกคนก็มีความเห็นตรงกันว่าแอคคอร์ดใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 11 มีการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยมจริงๆ โดยเฉพาะเสียงลมปะทะ ที่จะเริ่มได้ยินแค่แผ่วๆ ที่ความเร็วเกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ที่ความเร็วต่ำกว่านั้นจะเงียบสนิท ไม่มีเสียงลมเข้าที่เสาหน้า ไม่มีเสียงลมปะทะกระจกมองข้าง ลองย้ายไปนั่งเบาะหลังก็ค่อนข้างเงียบ ไม่มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาตามขอบประตูหน้าต่าง ไม่มีเสียงลมหมุนวนที่ซุ้มล้อหลัง จุดที่เสียงเข้ามามากที่สุดน่าจะมาจากฝากระโปรงหลัง โดยจะเป็นเสียงจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ขับบนถนนทั่วไป แทบไม่มีเสียงยางบดถนน ยกเว้นผิวถนนที่แย่จริงๆ

●   ทำห้องโดยสารให้เงียบแล้ว ก็เลยใส่ชุดเครื่องเสียงอย่างดีกับลำโพง 12 ตัวรอบทิศทางมาให้ พร้อมโหมดปรับเสียง ที่สร้างเวทีเสียงให้ลอยเด่นชัดมีมิติ ใช้ความเร็วเดินทางปกติ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ต้องเร่งเสียงเพลงให้ดังเพื่อแข่งกับเสียงลม เป็นการขับรถที่เพลิดเพลินมีสุนทรียภาพ

ระบบความปลอดภัย

●   ระบบความปลอดภัยมีการปรับปรุงครั้งใหญ่และให้ผลลัพธ์ที่ดี เช่น เพิ่มขอบเขตการรับสัญญาณทั้งเรดาร์และกล้องให้กว้างขึ้น ส่งผลดีต่อระบบช่วยขับต่างๆ คือ ทำงานได้เนียนขึ้น นุ่มนวล และให้ความมั่นใจ เช่น การดึงรถกลับเลนทำได้นุ่มนวล การเร่งความเร็วตามรถคันหน้าเมื่อเปิดใช้ระบบ ACC ทำได้ทันใจขึ้น แต่ไม่กระชาก รวมถึงการลดความเร็วตามรถคันหน้า ก็ทำได้นุ่มนวลเช่นกัน โดยรวมพอใจมากกับการทำงานของระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัยต่างๆ แต่ก็ยังต้องรอระบบ Blind Spot กันต่อไป เพราะยังไม่มีให้ในรุ่นนี้

ระบบ e:HEV

●   จากการปรับปรุงทั้งในส่วนของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า รวมทั้งอัพเดทการบริหารจัดการพลังงาน ทำให้แอคคอร์ดใหม่เป็นรถไฮบริดที่ขับสนุกและประหยัดในเวลาเดียวกัน อัตราเร่งดีตั้งแต่ความเร็วต่ำ-สูง ด้วยแรงบิดมอเตอร์ 335 นิวตัน-เมตร กับเกียร์ E-CVT ที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้ขับสนุก เร่งแซงปลอดภัย ขับเร็วไม่มีเสียงอื้ออึง ตอบสนองคันเร่งได้ดี และเผลอขับเร็วโดยไม่รู้ตัว

●   ขับไปตามสภาพการจราจร รถเยอะก็ขับตามๆ กันไป ไม่มุดไม่แทรก เจอรถช้าชิดขวาก็กดคันเร่งแซงได้เฉียบขาด ทางโล่งก็ลองความเร็วดูบ้าง ขับไปแตะ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้แบบไม่เครียด เพราะรถทรงตัวดี เสียงลมไม่ดัง ทำให้ไม่รู้สึกว่าเร็ว ขับไปตามจังหวะการจราจรและสภาพแวดล้อมของถนน ช่วงแรกที่ขับระยะทาง 125.3 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 5 นาที ได้ความเร็วเฉลี่ย 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 18.1 กิโลเมตรต่อลิตร ขากลับเพื่อนขับได้ 21.6 กิโลเมตรต่อลิตร ตัวเลขที่ฮอนด้าเคลมไว้ 25 กิโลเมตรต่อลิตร ก็ไม่น่าจะเกินความจริง

●   อุ่นใจด้วยการรับประกัน 5 ปีแรกแบบไม่จำกัดระยะทาง สำหรับไฮบริดทั้งระบบ ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุม แบตเตอรี่ไฮบริด และระบบสายไฟไฮบริด และขยายเวลารับประกันเฉพาะแบตเตอรี่ไฮบริดเพิ่มอีก 5 ปี (ตั้งแต่ปีที่ 6-10) โดยเงื่อนไขการขยายเวลารับประกัน จะเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ช่วงล่างกลมกล่อม

●   แอคคอร์ดใหม่ใช้ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลติลิงก์ มีฐานล้อยาวและความกว้างช่วงล้อที่กว้าง เป็นพื้นฐานให้รถมีการทรงตัวที่ดี การปรับเซตช่วงล่างหน้าและหลังและปรับปรุงใหม่หลายจุด ทำให้มีความพอเหมาะพอดีทั้งความนุ่มนวลและความหนึบหนักแน่น ขับเองก็มั่นใจ เข้าโค้งสนุก นั่งเบาะหลังก็ไม่รู้สึกว่ารถเหวี่ยงโยนหรือเวียนหัว นั่งไกลๆ ได้อย่างสบาย พวงมาลัยปรับปรุงใหม่ในรายละเอียด ทำให้ตอบสนองดี เฉียบคม คงเส้นคงวา และหนักแน่นมั่นคงโดยสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เป็นแบบสปอร์ตได้อีก

●   โดยส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงล่างชุดนี้รองรับการใช้งานปกติได้อย่างดี ขับช้านุ่มนวล ขับเร็วหนักแน่น แต่ถ้าขับแบบเร็วจัดจ้านและเจอถนนที่ไม่เรียบสนิท อาจจะรู้สึกว่าอยากได้ช๊อกฯ ที่มีความหนืดมากกว่านี้อีกนิด ส่วนพวงมาลัยที่อาจจะรู้สึกว่าเบาไปหน่อยที่ความเร็วสูง ก็สามารถปรับน้ำหนักเพิ่มได้ ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ มีผลงานน่าพอใจทั้งการสร้างแรงดึงที่หนักหน่วงดี สังเกตจากความเร็วที่ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อกดเบรกหนักๆ แต่ความรู้สึกที่เหยียบแป้นเบรกอาจจะเหมือนเบรกแข็งๆ อยู่บ้าง ใช้เวลาปรับตัวไม่นานก็สามารถควบคุมแรงเบรกได้อย่างที่ต้องการ ทั้งการเบรกชลออย่างนุ่มนวลหรือเบรกหนัก

สรุป

●   ฮอนด้า แอคคอร์ดใหม่ ภายนอกภายในใช้วัสดุคุณภาพดี ประกอบเนี๊ยบ รูปลักษณ์ภายนอกเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่มีความใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบและตกแต่ง ภายในสวยถูกใจ อุปกรณ์มาตรฐานครบ มาตรวัดและจอกลางคมชัด ลูกเล่นแพรวพราว ระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัยทำงานเนียนขึ้น เสียงรบกวนต่ำ ความสั่นสะเทือนน้อย ขับง่ายขับสบายผ่อนคลาย เฮดรูมเบาะหลังน้อยไปนิด ดูจะเป็นรถที่เน้นขับเองมากกว่ามีคนขับให้ ระบบไฮบริดขับสนุกและประหยัด ช่วงล่างนุ่มนวล หนักแน่น เกาะถนนดี พวงมาลัยตอบสนองดี แม่นยำ คงเส้นคงวา

●   การจัดสรรอุปกรณ์มาตรฐานในแต่ละรุ่นย่อยและการตั้งราคา ชวนให้ขยับขึ้นไปรุ่นสูงขึ้น รุ่นเริ่มต้น e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท รุ่นกลาง e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท ต่างกัน 140,000 บาท เทียบเงินที่เพิ่มขึ้นกับอุปกรณ์ที่ได้เพิ่มขึ้นมา โดยส่วนตัวก็คิดว่าคุ้มค่า และถ้าเพิ่มเงินอีก 130,000 บาท จากรุ่นกลาง ก็จะได้รุ่นสูงสุด e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท ส่วนต่างของราคากับอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นก็สมน้ำสมเนื้อ เพราะฉะนั้นถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา การซื้อรุ่นสูงสุดแล้วจบไม่คาใจก็เข้าท่าดี แต่ถ้าเน้นความคุ้มค่าดูเหมือนว่ารุ่นกลางจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

●   ก่อนการทดลองขับครั้งนี้ ทีมงานของฮอนด้าได้ชวนเข้าร่วมประชุมออนไลน์ เพื่อให้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ตั้งแต่แนวคิด ขั้นตอนการพัฒนา สิ่งที่ปรับปรุงเพิ่มเติมจากรุ่นเดิม อุปกรณ์มาตรฐานใหม่ที่ติดตั้งในแอคคอร์ดรุ่นนี้เป็นครั้งแรก รวมทั้งรายละเอียดการใช้งานระบบต่างๆ แต่ขอความร่วมมือไม่เผยแพร่ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง หรือเสียงในการบรรยาย ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย จึงสรุปเป็นบทความสำหรับผู้ที่สนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

รูปลักษณ์สปอร์ตบนความสุขุม

●   ภายนอกของแอคคอร์ดใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด Creative Black Tie เสริมภาพลักษณ์ผู้ขับให้มีสเน่ห์ ด้านหน้าเฉียบคมแข็งแกร่ง เส้นฝากระโปรงหน้าลาดเอียงและยาวขึ้น ต่อเนื่องกับเส้นตัวรถด้านข้าง สเกิร์ตข้างสีดำ ทำให้ตัวรถดูยาวและปราดเปรียว เสาหลังท้ายลาด เข้ากับดีไซน์ตัวรถ ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวคล้ายรถคูเป้ โดยรวมดูมีความสปอร์ตด้วยทรงรถที่ค่อนข้างเพรียว แต่เป็นความสปอร์ตที่ไม่หวือหวา เน้นความเรียบหรู หนักแน่น ซึ่งก็น่าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น

●   ไฟหน้าแบบ Full LED แบบ Multi-function Light จัดวางอยู่ในโคมทรงเพรียวยาว พื้นโคมไฟหน้าเป็นสีดำแบบ Black Out ให้ความคมชัดแบบ High Contrast ครั้งแรกในแอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ Adaptive Driving Beam เพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืน ด้วยการปรับองศาของแสงไฟ ลดการรบกวนเพื่อนร่วมทางและคนเดินถนน แต่ยังคงให้ความสว่างที่ครอบคลุมชัดเจน มาพร้อมไฟส่องมุมขณะเลี้ยว Active Cornering Lights และไฟ DRL-Daytime Running Light มีเส้นไฟที่คมชัดเจน และไฟเลี้ยวแบบซีเควนเชียล ส่วนไฟท้ายแบบ Full LED High Contrast เช่นเดียวกับด้านหน้า ตัวโคมติดตั้งเรียบไปกับตัวรถ ดีไซน์แบบทรงแบนยาวและเป็นตัวโคมสีดำ เสริมให้ส่วนที่ส่องสว่างมีความคมชัดยิ่งขึ้น มาพร้อมไฟเลี้ยว LED แบบซีเควนเชียล เช่นเดียวกับด้านหน้า

●   ครั้งแรกของแอคคอร์ดที่มีรุ่น e:HEV RS ตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตและพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยสัญลักษณ์ RS ที่กระจังหน้าและท้ายรถ เพิ่มสีดำเงา Gross Black ที่กรอบกระจกมองข้าง เสาอากาศแบบครีบฉลาม และสปอยเลอร์หลัง ช่องรับอากาศด้านหน้าตกแต่งขอบด้วยสีเงิน และเฉพาะรุ่น e:HEV RS เท่านั้น ที่ติตั้งหลังคาพาโนรามิก ซันรูฟ แบบเปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

●   รุ่น e:HEV E ใช้ล้อแม็กขนาด 7.5×17 นิ้ว ยาง 225/50 R17 ส่วนอีก 2 รุ่นคือ e:HEV EL และ e:HEV RS ใช้ล้อแม็ก 8×18 นิ้ว ยาง 235/45 R18

●   ภายนอกมีให้เลือก 4 สี ประกอบด้วย สีขาว Platinum White Pearl, สีเงิน Lunar Silver Metallic, สีเทา Meteoroid Grey Metallic และสีดำ Crystal Black Pearl ทุกรุ่นย่อยสามารถเลือกได้ทุกสี ไม่มีสีพิเศษเฉพาะรุ่น

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,962 มิลลิเมตร กว้าง 1,862 มิลลิเมตร สูง 1,449  มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,827 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 134 มิลลิเมตร รุ่น e:HEV E มีความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,600/1,633 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,560 กิโลกรัม รุ่น e:HEV EL และ รุ่น e:HEV RS มีความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,590/1,624 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS 1,571 และ 1,606 กิโลกรัมตามลำดับ

ภายในเรียบหรูสะอาดตา

●   ห้องโดยสารออกแบบไปในทิศทางเดียวกับภายนอก คือ เน้นเส้นสายที่ตรงไปตรงมา มีความหนักแน่นเรียบง่าย โดยทางฮอนด้าเน้นเรื่องการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว เช่น แผงคอนโซล ที่เชื่อมต่อกับแผงประตู เป็นเส้นเดียวกันในแนวนอน, การจัดวางฟังก์ชั่นที่ยืดหยุ่น ใช้งานสะดวก การแสดงข้อมูลบนหน้าจอที่มีขนาดใหญ่และจัดวางอยู่ตรงกลาง และการออกแบบที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของตัวรถ

●   ฮอนด้าเน้นเรื่อง CMF หรือ Color Material และ Finish ด้วยห้องโดยสารเน้นภายในดำด้วยในทุกรุ่นย่อย เสริมความพรีเมียมด้วยสีดำเงา Piano Black รุ่นสูงสุด e:HEV RS ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยฟิล์มสีเงินเมทัลลิก 3 มิติ เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน ใช้วัสดุที่มีความนุ่มเมื่อสัมผัสในหลายจุดมากขึ้น รวมทั้งเส้นด้ายตะเข็บที่เย็บอย่างประณีตเพิ่มความหรูหรา รุ่นสูงสุด e:HEV RS เพิ่มหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ เพิ่มอารมณ์สปอร์ตด้วยด้ายสีแดง

●   ออกแบบตำแหน่งผู้ขับเพื่อให้มีทัศนวิสัยที่ดี ให้ผู้ขับรับรู้การเคลื่อนที่ของรถได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้มีสมาธิกับการขับ เส้นฐานล่างของกระจกหน้าและฝากระโปรง ได้รับการออกแบบในแนวนอน เพื่อให้มองเห็นตัวรถด้านข้างและด้านหน้าได้อย่างชัดเจน ให้ความสำคัญเรื่องการมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกรถ ทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง เช่น การออกแบบที่ปัดน้ำฝน ไม่ให้บดบังทัศนวิสัย เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มีที่ดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อม 2 หน่วยความจำและฟังก์ชั่น Easy Entry/Exit ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เป็นครั้งแรกของแอคคอร์ด

●   ทุกรุ่นย่อยติดตั้งมาตรวัดแบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว แสดงผลแบบดิจิตอลเต็มระบบ พร้อมจอ Multi Information Display อยู่ตรงกลางมาตรวัด สามารถแสดงแผนที่แบบ Full Screen Map แสดงการทำงานของระบบความปลอดภัย และข้อมูลต่างๆ ของตัวรถ เช่น การใช้พลังงาน, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงและระยะทาง, เวลาที่ขับและความเร็วเฉลี่ย, เตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, แสดงการทำงานของระบบความปลอดภัย, การปรับแต่งระบบ HUD, ปรับความสว่างมาตรวัด และระบบความบันเทิง ควบคุมด้วยปุ่มบนพวงมาลัย

●   รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS มีฟังก์ชั่น HUD Heads-up Display ขนาด 11.5 นิ้ว และที่คอนโซลกลางของทุกรุ่นย่อย ติดตั้งจอสัมผัสแบบ Advance Touch ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Android และ CarPlay แบบไร้สาย พร้อมรองรับ Wake-up Word คำว่า Hey Siri เป็นครั้งแรกในแอคคอร์ด จอมีขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับควบคุมได้ทั้งระบบเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศ รวมทั้งสามารถใช้จอกลางในการตั้งค่าระบบความปลอดภัย ซึ่งเปลี่ยนเป็นภาพกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เข้าใจง่าย เช่น การตั้งค่าระยะห่างจากรถคันหน้าในระบบ CMBS ก็จะแสดงเป็นภาพกราฟิกเปลี่ยนไปตามระยะที่เลือก และแสดงภาพจากกล้องมองหลังแบบปรับมุมมองได้ พร้อมเซ็นเซอร์ 8 ตำแหน่ง และแสดงภาพด้านซ้ายพร้อมเส้นกะระยะเมื่อเปิดไฟเลี้ยว ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นของ Honda Lane Watch

●   เป็นครั้งแรกของแอคคอร์ด ที่มีฟังก์ชั่นการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว หรือ Personal Setting ทั้งตำแหน่งเบาะนั่ง ระบบปรับอากาศ การแสดงข้อมูลที่แสดงบนจอ MID-Multi Information Display ระบบ Infotainment ต่างๆ ทั้งการจับคู่สมาร์ทโฟน บัญชี Google การจัดวาง App ในหน้าจอหลัก ช่องคลื่นวิทยุ และการปรับตั้งเสียง หน้าจอ HUD ไฟสร้างบรรยากาศ ระบบของรถเช่นการล็อกรถและปลดล็อก ระบบช่วยขับระบบความปลอดภัยต่างๆ แค่เลือกชื่อผู้ใช้งาน ระบบจะจัดการให้ตามข้อมูลที่บันทึกไว้ล่วงหน้า

●   ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มาพร้อมระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร Plasmacluster ด้านล่างของช่องแอร์มีปุ่ม Experience Selection Dial เลือกได้ว่าจะให้ปุ่มควบคุมระบบอะไรบ้าง เช่น ระบบแอร์, เครื่องเสียง หรือไฟสร้างบรรยากาศ แสดงผลบนหน้าจอสัมผัส ผู้ขับมองเห็นได้ง่าย ตั้งค่าผู้ใช้งานสูงสุดได้ 8 คน และสามารถเลือกไอคอนผู้ใช้งานได้ ติดตั้งในแอคคอร์ดเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน

●   รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS ติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศ ที่แผงคอนโซล, แผงประตู, ขอบมาตรวัด, คอนโซลกลาง, พื้นห้องโดยสารด้านหน้าและหลัง, เพดาน, ถาดกลาง และคอนโซลกลาง ปรับเปลี่ยนสีตามฟังก์ชั่นการทำงานของรถ เช่น สัมพันธ์กับระบบปรับอากาศ โหมดการขับแบบสปอร์ต และมีโหมดการเปลี่ยนสีของไฟ Recommend Color Mode ระบบจะเลือกให้เหมาะสมอัตโนมัติ กับสถานการณ์ต่างๆ เช่น อุณหภูมิในห้องโดยสาร หรือข้อมูลของผู้ขับที่บันทึกไว้ ส่วนโหมดการเปลี่ยนสีแบบ Theme Color Mode จะสามารถปรับได้ 10 เฉดสี

●   ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลด้วยช่องเชื่อมต่อ USB-C 4 ตำแหน่ง ด้านหน้า 2 ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง และเป็นครั้งแรกของแอคคอร์ดที่ใช้ช่อง USB แบบ Quick Charge 3.0A และมีไฟล้อมรอบช่อง USB เพื่อให้เห็นได้ชัด มี Wireless Charger ในทุกรุ่นย่อย

●   ทุกรุ่นย่อยได้เครื่องเสียง Bose Premium Sound System 12 ลำโพง แบ่งเป็น 4 ลำโพงเสียงแหลม ติดตั้งที่เสาหน้าและเสากลาง, 3 ลำโพงเสียงกลาง ติดตั้งที่กลางคอนโซลหน้า 1 ตัว และแผงหลัง 2 ตัว, ลำโพงฟูลเรนจ์ 13-17 เซนติเมตร 4 ตัว ติดตั้งที่บานประตูทั้ง 4 บาน และซัฟวูฟเฟอร์ 1 ตัวที่แผงหลัง เบาะหลังมีช่องแอร์ USB-C 2 ตำแหน่ง และม่านบังแดดที่กระจกข้าง ที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 570 ลิตร ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน

●   ฮอนด้าเน้นการลดเสียงรบกวนและความสั่นสะเทือน โดยลดเสียงความถี่ต่ำและปานกลาง ด้วยการลดเสียงจากท่อไอเสียหม้อพัก เพิ่มความแข็งแรงของจุดยึดช่วงล่างด้านหน้า ปรับปรุงการดูดซับเสียงขณะเร่งความเร็ว เร่งเครื่องยนต์ ลดเสียงความถี่สูงด้วยการเพิ่มวัสดุดูดซับเสียง ลดช่องว่าง เพิ่มความหนาของวัสดุดูดซับเสียง เพิ่มขนาดวัสดุให้ครอบคลุม รวมทั้งลดการส่งผ่านเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์มายังห้องโดยสาร

●   ลดเสียงจากพื้นถนนด้วยการพัฒนา Active Noise Control ให้ดีขึ้น ลดเสียงจากพื้นถนนที่มีความถี่ต่ำ ที่ผ่านมาระบบจะตรวจเสียงรบกวนผ่านไมโครโฟหลายตัว ที่ติดตั้งในห้องโดยสาร แต่ Road Noise Control พัฒนาใหม่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนแบบ 3 แกน ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนจากยางรถ ตรวจได้ทั้งเสียงในห้อง และยาง ได้ละเอียดยิ่งขึ้น ปรับการส่งคลื่นเสียงออกไปตัดเสียงรบกวนได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งการนั่งโดยอัตโนมัติเพื่อมอบความเงียบและผ่อนคลาย

เครื่องยนต์ใหม่กับระบบ Full Hybrid e:HEV

●   แอคคอร์ดใหม่ทุกรุ่นย่อย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นเดียวกันทั้งหมด โดยฮอนด้าเน้นการพัฒนาเพื่อประสิทธิภาพการขับสมรรถนะและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วย Full Hybrid e:HEV การตอบสนองที่ทันใจด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ใหม่แบบเบนซิน 2 ลิตร ไดเร็กอินเจ็กชั่น DOHC Atkinson Cycle ที่ออกแบบให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบเกียร์ E-CVT

●   มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง มีจุดเด่นอยู่ที่แรงบิดสูงในรอบต่ำ-ปานกลาง ปรับปรุงส่วนประกอบหลักอย่าง PCU หรือ Power Control Unit ให้มีกำลังสูง ขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบาลง และปรับปรุง IPU หรือ Intelligent Power Unit ให้มีความหนาแน่นสูง พร้อมขนาดที่เล็กลงและน้ำหนักเบาลงเช่นกัน แบ่งเป็น 3 โหมดการขับ ได้แก่

●   EV Drive Mode มีกำลังขับเคลื่อนสูง เหมาะกับการขับในเมืองหรือช่วงออกตัว Hybrid Drive Mode ให้อัตราเร่งที่ดีและนุ่มนวล โดยในโหมดนี้จะขับเคลื่อนรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟเข้ามอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนล้อ หรือเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ไฮบริด และ Engine Drive Mode จุดเด่นอยู่ที่ชุด Lock-up Clutch ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง เหมาะกับการขับด้วยความเร็วสูงและคงที่

●   มอเตอร์ไฟฟ้ามีแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร (รุ่นเดิม 315 นิวตันเมตร) ที่รอบเท่ากัน 0-2,000 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 207 แรงม้า (PS) เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25 กิโลเมตรต่อลิตร ถังน้ำมันจุ 48.5 ลิตร ขับได้ประมาณ 1,213 กิโลเมตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในไอเสีย 96 กรัมต่อกิโลเมตร ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO 6B

●   เครื่องยนต์พัฒนาใหม่ เพื่อสมรรถนะการขับ และเหมาะสมกับตัวรถ ฉีดน้ำมันแบบไดเร็คอินเจ็คชั่นหลายจังหวะ (รุ่นเดิมฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงในพอร์ทไอดี)เพิ่มขนาดชุดระบายความร้อน EGR ลดความร้อนและลดแรงเสียดทานในห้องเผาไหม้ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น เพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ โดยมีกำลังสูงสุด 108 กิโลวัตต์ หรือ 147 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ถังน้ำมันจุ 48.5 ลิตร

●   ชุดเกียร์ E-CVT พัฒนาใหม่ จัดวางบนเพลาที่ขนานกัน เพิ่มการตอบสนอง ลดเสียงจากชุดขับเคลื่อน ทำให้ได้แรงบิดสูงสุดของมอเตอร์ขับเคลื่อน หรือ Traction Motor เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม โดบมีกำลัง 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า (PS) ที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 335 นิวตัน-เมตร เพิ่มขึ้น 20 นิวตันเมตร รอบสูงสุด 14,500 รอบต่อนาที ติดตั้ง Pre Damper เที่ฟลายวีล เพื่อลดการสั่นสะเทือนขณะชาร์จไฟในรอบเดินเบา และลดเสียงในระบบขับเคลื่อนส่งผลให้ E-CVT เร่งดี เงียบ ตอบสนองดีกว่าเดิม

●   ปุ่ม EV Switch กด 1 ครั้งเพื่อเลือกขับในโหมด EV (ถ้าแบตเตอรี่ไฮบริดมีไฟฟ้ามากพอ) หรือเลือกให้ระบบเข้าโหมด EV โดยอัตโนมัติ และถ้ากดปุ่มค้างจะเป็นการเข้าสู่ Charge Mode ซึ่งเป็นโหมดที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ เมื่อกดใช้โหมดนี้แล้วขับต่อเนื่อง 1 นาที ที่ความเร็วคงที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะชาร์จไฟฟ้าให้ขับในโหมด EV ได้ประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังปรับปรุงการขับเคลื่อนในโหมด EV ให้ขับได้ไกลขึ้น เพื่อการใช้งานในย่านชุมชนหรือสถานที่ที่ไม่ควรมีลดเสียงรบกวน และในส่วนของ Drive Mode ได้เพิ่ม Individual Mode เป็นครั้งแรกในแอคคอร์ด โดยผู้ขับสามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งเครื่องยนต์, พวงมาลัย, ระบบ ACC และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ

●   ปรับปรุงการตอบสนองขณะเร่งความเร็วให้ดีขึ้น เช่น การเร่งแซงหรือเข้าเลน โดยพัฒนาให้รอบเครื่องยนต์กับความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างสัมพันธ์กัน ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถที่มีเกียร​์ การเร่งแซงมีการปรับให้เพิ่มอัตราเร่งได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งปรับปรุงการบริหารจัดการพลังงาน เพื่อให้มีการใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และการสร้างกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ทำได้รวดเร็วขึ้น เพิ่มการทำงานของมอเตอร์ให้มากขึ้น ลดภาระของเครื่องยนต์ลง เพื่อให้ตอบสนองคันเร่งได้อย่างทันใจและเงียบที่ความเร็วรอบต่ำ

●   เมื่อระบบตรวจพบว่ากำลังขับบนทางคดเคี้ยว จะควบคุมการตอบสนองของระบบไฮบริดให้เหมาะสม ทั้งขณะกดคันเร่ง ผ่อนคันเร่ง และการกดคันเร่งซ้ำ โดยระบบจะอยู่ใน Hybrid Mode เป็นหลัก ไม่เข้า EV Mode เพื่อไม่ให้เสียจังหวะเมื่อเครื่องยนต์กลับมาทำงานอีกครั้ง

●   ระบบช่วยชลอความเร็วหรือ Decelertion Selector ก็พัฒนาให้ใช้งานสะดวกขึ้น เพิ่มอัตราการลดความเร็วให้มากขึ้นจาก 4 เป็น 6 ระดับ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานมากขึ้น ขับได้โดยไม่ต้องเหยียบเบรก และเมื่อดึง Paddle ฝั่งซ้ายหรือฝั่ง – ค้างไว้ ระบบก็จะคงอัตราการลดความเร็วนั้นไว้ตลอดเส้นทาง เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน เช่น การขับลงทางชันต่อเนื่อง ถ้าจะยกเลิกก็ดึง Paddle ฝั่งขวาหรือฝั่ง + ค้างไว้

นุ่มนวลมั่นใจทุกการเดินทาง

●   ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลติลิงก์ ได้รับการปรับปรุงใหม่ ด้านหน้าเปลี่ยนตลับลูกปืนและจุดหมุนต่างๆ ให้มีความเสียดทานต่ำ ปรับค่าสปริงช่วงล่างด้านหลังให้เหมาะ ลดแรงกระแทก นั่งสบาย เพิ่มความแข็งแรงและปรับสมดุลของตัวรถโดยเฉพาะด้านหน้า โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยในการชน ด้วยการเสริมคานบริเวณผนังห้องเครื่อง และโครงสร้างของคอนโซลหน้าด้านล่าง เพื่อลดการเสียรูป ส่วนบนของคอนโซลหน้าออกแบบให้ลดความแข็งลง เพื่อให้ตัวถังมีความยืดหยุ่น ทั้งนี้เพื่อให้รถมีสมดุลและลดน้ำหนัก โดยยังคงความปลอดภัย

●   ปรับปรุง Handling ให้ดีขึ้นด้วยการพัฒนาการควบคุมพวงมาลัยให้เหมาะสม ลดความหน่วงเมื่อหมุนพวงมาลัย หรือพวงมาลัยตอบสนองเร็วขึ้นนั่นเอง เพิ่มความราบเรียบและคงเส้นคงวาขณะหมุนพวงมาลัย โดยลดความฝืดของพวงมาลัยลง 33 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม พวงมาลัยตอบสนองเร็วขึ้น และเพิ่มขึ้นตอนการขัดผิวของตลับลูกปืนในแกนพวงมาลัย เพื่อให้หมุนพวงมาลัยได้อย่างราบรื่น ลดความสั่นสะเทือนขณะหมุนพวงมาลัยลง 30 เปอร์เซ็นต์

●   ครั้งแรกของแอคคอร์ด ที่มาพร้อมระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับ หรือ Motion Management System ระบบจะควบคุมทั้งระบบส่งกำลังและระบบเบรกให้สอดคล้องกับการหมุนพวงมาลัยในขณะเข้าโค้ง ควบคุม Pitch Motion หรือการขยับตัวในแนวขึ้น-ลงของตัวรถ เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะถนนที่ล้อหน้าให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้ง แตกต่างจากระบบก่อนหน้านี้ คือ Agile Handling Assist หรือ VSC จะทำงานเมื่อเข้าใกล้ขีดจำกัดของรถ ส่วน Motion Management System จะทำงานในขอบเขตที่กว้างขึ้น และครอบคลุมสถานการณ์ปกติด้วย ช่วยให้ควบคุมรถได้ตามต้องการในทุกสถานการณ์ เช่นการเปลี่ยนเลนบนถนนลื่น หรือการเข้าโค้งบนถนนคดเคี้ยว

ครบครันเรื่องความปลอดภัย

●   ระบบความปลอดภัย Honda Sensing เป็นการทำงานร่วมกันของกล้องและเรดาร์ สามารถตรวจจับได้ทั้งรถยนต์, จักรยาน, มอเตอร์ไซค์ และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงเพิ่มพื้นที่การตรวจจับทั้งในแนวกว้าง (ซ้าย-ขวา) และแนวลึก (หน้า-หลัง) เรดาร์ระยะใกล้เพิ่มพื้นที่ตรวจจับจากเดิม 50 เป็น 120 องศา และเรดาร์ระยะไกลเพิ่มพื้นที่ตรวจจับจากเดิม 20 เป็น 30 องศา และเพิ่มองศาการรับภาพกล้องจาก 50 เป็น 90 องศา จากการปรับปรุงเรื่องการตรวจจับ ทำให้ระบบช่วยขับต่างๆ ทำงานได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำขึ้น ตอบสนองสอดคล้องกับการใช้งานจริงได้ดียิ่งขึ้น ทั้ง ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ เตือนด้วยเสียงและสัญลักษณ์บนหน้าจอ ซึ่งมีในแอคคอร์ดเป็นครั้งแรก, ระบบเตือนการชน พร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, ระบบเตือนและควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

●   ปรับปรุงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถคันหน้าที่ความเร็วต่ำ หรือ ACC with LSF-Adaptive Cruise Control With Low-Speed Follow ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในฮอนด้า แอคคอร์ด ที่สามารถปรับการตอบสนองตามโหมดการขับหรือ Drive Mode เช่น เมื่อขับในโหมด Normal หรือ ECON ใช้ความเร็วปานกลาง เมื่อไม่มีรถคันหน้าแล้ว รถจะเร่งไปที่ความเร็วที่ตั้งไว้ได้ดีขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ จึงสามารถกำหนดการเร่งความเร็วได้ตามความต้องการของผู้ขับ นอกจากนี้ยังปรับปรุงอัตราเร่งในขณะใช้โหมด ACC ให้เร่งและลดความเร็วได้ดียิ่งขึ้น ถ้าไม่มีรถข้างหน้าจะเร่งได้ดีกว่าเดิม และขณะลดความเร็วระบบจะตรวจการลดความเร็วของรถคันหน้าได้เร็วขึ้น จึงค่อยๆ ลดความเร็วลงอย่างนุ่มนวลและมั่นใจ

●   ปกป้องเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่งทุกรุ่นย่อย โดยมีถุงลมนิรภัยหัวเข่าคู่หน้าเป็นครั้งแรก และเข็มขัดนิรภัยเบาะหลังมีระบบเตือนเป็นครั้งแรก ลดความบาดเจ็บของคนเดินเท้าด้วยฝากระโปรงหน้ายกตัวเมื่อเกิดการชน

ไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อ

●   เป็นครั้งแรกของแอคคอร์ดที่มี In-Car Wi-Fi พร้อม Google Build-in พัฒนาเพื่อให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ มีความปลอดภัย และสะดวกสบาย โดย In-Car Wi-Fi จะปล่อยสัญญาณจาก TCU หรือ Telematics Control Unit ที่ติดตั้งในรถยนต์ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลรถยนต์ผ่านเครือข่ายสัญญาณมือถือ และเชื่อมต่อเซอร์เวอร์ของฮอนด้าประเทศไทย ผู้จำหน่าย คอลเซนเตอร์ และ Third Party อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อประมวลผลจากข้อมูลทั้งหมดแล้ว ก็จะแสดงผลบนแอพฯ Honda Connect บนสมาร์ทโฟน โดยจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อเปิดระบบไฟฟ้าในรถ ACC-ON หรือสตาร์ทเครื่องยนต์

●   แอคคอร์ดใหม่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นและบริการ Google มาให้ เช่น Google Assistant รองรับการสั่งงานด้วยเสียงทั้งระบบแอร์ เครื่องเสียง โทรศัพท์ ส่งข้อความ ฟังเพลง และตั้งการเตือน เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Google Map สามารถตั้งจุดหมายด้วยเสียง จึงไม่ต้องละสายตาจากถนน และสามารถเลือกให้แสดงการนำทางบนมาตรวัดได้ด้วย ทำงานแยกอิสระจากจอกลาง จึงไม่ถูกรบกวนจากระบบ Honda Lane Watch สามารถแสดงข้อมูลการจราจรแบบ Real Time และปรับเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ และ Google Play สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้ เช่น Music Podcasts หรือ Audiobook

●   ตัวรถมีแพกเกจอินเตอร์เนตของ AIS มาให้ ค่าใช้จ่าย 299 บาทต่อเดือน สำหรับข้อมูล 10 GB เมื่อใช้ครบ ความเร็วจะลดลง และสามารถซื้อเพิ่มได้ผ่านแอพฯ Honda Connect เจนเนอเรชั่นที่ 4 บนสมาร์ทโฟน มีฟังก์ชั่นหลักเพิ่มเติมขึ้นมาคือ Digital Key อำนวยความสะดวก สั่งงานและควบคุมรถผ่านสมาร์ทโฟน ที่เป็นเสมือนกุญแจรถ สั่งปลอดล็อก สตาร์ตเครื่องยนต์ได้ และแจ้งเตือนเมื่อลืมล็อกรถและกำลังออกห่างจากตัวรถ โดยต้องเชื่อมต่อ Bluetooth ระหว่างรถกับแอพฯ ก่อน และการใช้งานต้องอยู่ในระยะการเชื่อมต่อของ Bluetooth คือประมาณ 10 เมตร

●   ครั้งแรกของต์ฮอนด้ากับการอัพเดทซอฟต์แวร์ด้วยฟังก์ชั่น Over The Air Software Update เพิ่มความสะดวกสบาย สามารถอัพเดทระบบ Infotainment และอัพเดทการทำงานของ ECU แบบทางไกล โดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ สามารถทำผ่านหน้าจอสัมผัสหรือผ่านแอพ Honda Connect บนสมาร์ทโฟน เพิ่มความปลอดภัยด้วยรีโมท อิมโมบิไลเซอร์ กรณีถูกโจรกรรมก็สามารถสั่งหยุดสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งผ่าน Honda Connect บนสมาร์ทโฟน ถ้ามีการดับเครื่องยนต์จะสตาร์ทใหม่ไม่ได้ ไม่ใช่การสั่งให้ดับเครื่องยนต์ทันที เพื่อความปลอดภัย การสั่งระงับการสตาร์ทเครื่องยนต์ ต้องเปิดการใช้งาน Remote Immobilizer ด้วยตัวเองบนแอพฯ หรือผ่าน Call Center โดยต้องจอดรถและดับเครื่องยนต์นานกว่า 2 นาที เมื่อเปิดใช้งานแล้วจะมีสัญลักษณ์บนชุดมาตรวัด และสามารถค้นหาตำแหน่งรถผ่านแอพฯ ได้

●   ฟังก์ชั่นที่เพิ่มเติมในด้านความปลอดภัย เช่น การชนเบา แอร์แบ็กไม่ทำงาน สามารถโทรหาคอนเซนเตอร์ ด้วยการกดค้างบนข้อความที่แจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟน สามารถแสดงตำแหน่งรถ และนำทางไปยังรถด้วย Google Map ได้ และสามารถล้างข้อมูลการนำทางเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ โดยทำผ่านแอพฯ บนสมาร์ทโฟน หรือหน้าจอสัมผัสในรถก็ได้         ●

ขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง

Group Test : 2023 Honda Accord e:HEV RS