December 21, 2023
Motortrivia Team (10205 articles)

Maserati ฉลอง 60 ปี Quattroporte ซีดานหรู 6 เจเนอเรชั่น

ประชาสัมพันธ์

●   ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2506 ที่งานตูริน มอเตอร์ โชว์ (Turin Motor Show) ครั้งที่ 45 หนึ่งในงานมหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสมัยนั้น มาเซราติ ได้สร้างความตื่นเต้นด้วยการเปิดตัว “มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ (Maserati Quattroporte)” สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก จนถึงปีนี้ นับว่าเป็นการครบรอบ 60 ปีพอดีที่รถยนต์ซีดานสุดหรูตระกูลนี้ยืนยงในวงการยานยนต์และได้ส่งรถรุ่นใหม่ลงตลาดต่อเนื่องมาแล้วถึง 6 เจเนอเรชั่น

●   ในงานฉลองโอกาสพิเศษนี้ มาเซราติได้รวบรวมเหตุการณ์สำคัญของมาเซราติไว้ด้วยกันอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นด้านความก้าวหน้าด้านการผลิต ดีไซน์สุดล้ำ นวัตกรรม ความก้าวหน้าด้านเทคนิค และทุกองค์ประกอบที่ทำให้รถยนต์ของมาเซราติเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาตลอดกว่าสองศตวรรษที่ผ่านมา ควอตโตรปอร์เต เป็น ยนตรกรรมขั้นสุดที่ได้รวบรวมความโดดเด่นทุกด้านแห่งวงการยานยนต์มาไว้ในคันเดียว และเป็นซีดานหรูที่ตอบทุกโจทย์ของนักขับหลากหลายกลุ่มในสังคม รวมทั้งกลายมาเป็นเซกเมนต์ที่สำคัญของธุรกิจยานยนต์ด้วย

●   เช่นเดียวกันกับรถที่เป็นไอคอนแห่งวงการในแต่ละยุค ควอตโตรปอร์เตได้รับการยกย่องและกลายเป็น แรงบันดาลใจให้คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วมากมายนับตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในยุค 1960 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ควอตโตรปอร์เตไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองแบบไม่เกรงกลัวอะไร เป็นยนตรกรรมที่มุ่ง สรรค์สร้างความเป็นเลิศด้านดีไซน์ สมรรถนะ และสะท้อนจิตวิญญาณของมาเซราติซึ่งเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างสรรค์รถยนต์ที่เปี่ยมนวัตกรรมอยู่เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร และตลอดกว่าร้อยปีที่ผ่านมา มาเซราติได้ผลิตควอตโตรปอร์เตออกสู่ตลาดแล้วกว่า 75,000 คัน

●   ควอตโตรปอร์เตรุ่นแรก คือ ผลลัพธ์ของการผสานสัญชาตญาณกับความกล้าซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญของ ความฝันอันยิ่งใหญ่ ทำให้รถรุ่นนี้คือผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์รถแข่ง 8 สูบที่ทรงพลังในตัวถังที่มีดีไซน์หรูหราสง่างาม การตกแต่งภายในที่ประณีตในทุกรายละเอียด ควอตโตรปอร์เตจึงได้ชื่อว่าเป็นห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ หรือลีมูซีนหัวใจเรซซิ่งที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นรถ สุดหรูที่กว้างขวาง เป็นยนตรกรรมขั้นเทพที่สมบูรณ์แบบ เป็นรถที่เกิดมาเพื่อเป็นดาว สะกดทุกสายตานับตั้งแต่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถที่ยอดเยี่ยม และยังคงสร้างความประทับใจในทุกวันนี้

●   ซีดานหรูรุ่นนี้เกิดจากความทุ่มเทและอัจฉริยภาพของสุดยอดนักออกแบบรถหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ฟรูอา (Frua) ผู้วางโครงร่างเส้นสายลายโค้ง เบอร์โทนี (Bertone) จิวจิโร (Giugiaro) กานดินี (Gandini) และ พินินฟารีนา (Pininfarina) ที่ทำงานร่วมกันหลายปีในการพัฒนารถรุ่นนี้ที่มาเซราติ เซ็นโทร สไตล์ (Maserati Centro Stile) ซึ่งเป็นศูนย์การพัฒนารถยนต์ควอตโตรปอร์เตเจเนอเรชั่นปัจจุบันและรุ่นล่าสุด พร้อมกันนี้ ช่างเทคนิค ช่างเครื่องยนต์กลไก นักทดสอบ และดีไซเนอร์ ยังได้ร่วมกันสรรค์สร้างยนตรกรรมจากพิมพ์เขียว สู่รถยนต์ที่ใช้งานจริงบนท้องถนน ในทุกวันนี้ ควอตโตรปอร์เตยังคงเป็นเพชรเม็ดงามประดับมงกุฎ เป็นสุดยอดเรื่องราวแห่งความภูมิใจของมาเซราติ และผู้คนมากหน้าหลายตา

●   จากรุ่นแรกที่สร้างความตื่นตะลึงในวงการ สู่ความพยายามที่จะแหวกแนวแต่เป็นที่จดจำน้อยกว่าในรุ่นสอง หรือควอตโตรปอร์เต III ภายใต้การบริหารของ ดิ โทมาโซ (Di Tomaso) ที่ยังคงประสบความสำเร็จต่อเนื่อง หรือความท้าทายใหม่ที่ต้องเอาชนะให้ได้ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 หรือรุ่นที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดไม่เหลือเค้าอดีตอย่างรุ่น 2003 ที่ได้รับรางวัลมากมาย หรือรุ่นใหม่ที่ได้ขึ้นเวทีครั้งแล้วครั้งเล่าในหลายปีหลังจากนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ตาม และไม่ว่ามาเซราติจะผ่านความก้าวหน้าด้านวิศวกรรม การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร และรถรุ่นใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมากมายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ควอตโตรปอร์เตยังคงเป็นซีดานสุดหรูที่มีความเป็นเลิศและเป็นเอกลักษณ์เหนือใคร

●   การในโรงรถของนักขับที่มีรสนิยมสุดหรู เจ้าชายและราชวงศ์ หรือการเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์มากกว่า 60 เรื่อง หรือการอยู่ในภาพตอนจอดเทียบพรมแดง หรือการเป็นพาหนะนำเจ้าหน้าที่ระดับสูง และวีไอพีคนพิเศษ ไปร่วมงานฉลองสุดหรู ควอตโตรปอร์เต คือ สุดยอดแห่งยานยนต์ในศตวรรษที่ 20 และยังคงรักษาตำแหน่งนี้อย่างเหนียวแน่นในยุคมิลเลนเนียม จากวันแรกที่ถือกำเนิดในโลกแห่งยานยนต์จนมีอายุครบ 60 ปีในวันนี้ ควอตโตรปอร์เตเดินทางผ่านเรื่องราวมากมาย และยังคงเป็นดาวที่ส่องแสงสว่างไสวตลอดเวลา

●   ดาวิเด กราซโซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาเซราติ กล่าวว่า “ควอตโตรปอร์เต คือ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ของมาเซราติ เป็นรถยนต์ที่บอกเล่าเรื่องราวของเราและนำเราเข้าสู่โลกแห่งซีดานสุดหรูมากว่าครึ่งศตวรรษ นับตั้งแต่ปี 2506 เป็นต้นมา ควอตโตรปอร์เตได้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นวิวัฒนาการแห่งยานยนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบและชื่นชมมากที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยได้เปิดเซกเมนต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นรถที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและพลิกโฉมโดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของตัวเองเลยสักครั้ง สามารถปรับตัวตามกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงในสังคม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและวงการยานยนต์ และเทรนด์ต่างๆ ของโลก ได้กลายเป็นตัวเลือกแรกของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่นเดียวกันกับในโลกบันเทิงและสังคมนานาชาติ”

●   “นอกจากนี้ยังเป็นความภาคภูมิใจ ของเรา เป็นตัวแทนสะท้อนบุคลิกความโดดเด่นสไตล์อิตาเลียนที่มาเซราติต้องการจะบอกเล่าให้คนทั้งโลกได้ร่วมชื่นชมผ่านยนตรกรรมของมาเซราติ และวันนี้ก็ไม่ต่างจากอดีตที่ควอตโตรปอร์เตยังคงเป็นรถแฟลกชิปของเรา เป็นเครื่องหมายแห่งความหรูหรา เป็นเอกลักษณ์ที่ผู้คนยกย่องในด้านความประณีต สมรรถนะและคุณภาพเหนือใคร มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง รวมทั้งการตกแต่งรายละเอียดอย่างมีสไตล์ที่ไม่มีวันล้าสมัยตลอดกาล”

เกี่ยวกับ มาเซราติ เอส.พี.เอ.

●   มาเซราติ คือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยสไตล์, เทคโนโลยีล้ำสมัย และตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความเฉลียวฉลาด รสนิยมอันลุ่มลึก สะท้อนมาตรฐานแห่งการเป็นยนตรกรรมระดับโลก และด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในแต่ละเซกเมนต์ มาเซราติ ได้กำหนดนิยามใหม่ ให้กับรถสปอร์ตของอิตาลี ในแง่ของการออกแบบ, ประสิทธิภาพ, ความสะดวกสบาย, ความสง่างาม และความปลอดภัย ปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

●   มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) นับเป็นยนตรกรรมเรือธงของค่ายตรีศูล สมทบด้วยรุ่นกิบลี่ (Ghibli), เลวานเต้ (Levante) เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และ เกรคาเล่ (Grecale) ซึ่งเป็นเอสยูวีที่มาพร้อมแนวคิด ‘Everyday Exceptional’ ทุกรุ่นต่างโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุที่มีคุณภาพชั้นสูง และการออกแบบทางเทคนิคอันยอดเยี่ยม มาเซราติ กิบลี่, เลวานเต้ และเกรคาเล่ มีหลายทางเลือกขุมพลัง อาทิ เบนซินไฮบริด 4 สูบ, เบนซิน วี 6 สูบ ไปจนถึงเบนซิน วี 8 สูบ ทั้งในแบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมาพร้อมดีเอ็นเออันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมค่ายตรีศูล ขณะที่รุ่นสูงสุด คือ ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ เอ็มซี20 (MC20) และ เอ็มซี20 แชโล (Cielo) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เน็ททูโน (Nettuno) ที่ได้นำเทคโนโลยีจากรถแข่งฟอร์มูลาวัน มาใช้กับยนตรกรรมในสายการผลิตเป็นครั้งแรก มาเซราติ กรันทูริสโม โฉมใหม่ มีจำหน่ายทั้งรูปแบบเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง และแบบไฟฟ้าล้วน เพื่อพัฒนายนตรกรรมค่ายตรีศูลไปสู่อนาคต โดยมี มาเซราติ โฟลกอเร เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมตั้งเป้าในปี 2025 รถยนต์ มาเซราติ ทุกสายพันธุ์จะมีรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นทางเลือก และ มาเซราติ ทุกรุ่น จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573       ●