BMW Group เริ่มปี 2567 เปิดตัวรถใหม่รวม 10 รุ่นครบ 3 แบรนด์
ภาพ : จันทนา เจริญทวี
● บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ครองอันดับ 1 ในตลาดรถพรีเมียมติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู มีอัตราการเติบโตมากกว่า 348% และรถในกลุ่มลักชัวรี่โตขึ้นกว่า 46% และในปี 2567 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ประกาศเปิดตัวรถใหม่รวม 10 รุ่น ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด
● เบื้องต้น รุ่นรถที่นำมาจัดแสดงในงานวันนี้ ประกอบด้วย BMW iX2, BMW 5 Series ใหม่ และมินิรุ่นพิเศษ MINI Cooper S Countryman Highlands Edition เสริมด้วยซูเปอร์ไบค์พลังแรงจาก บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด BMW S 1000 RR
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา (Alexander Baraka) ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
● มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา (Alexander Baraka) ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นแนวหน้า การส่งมอบบริการระดับคุณภาพ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางของเรา ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2566 ได้ส่งผลลัพธ์กลับมาเป็นความไว้วางใจของลูกค้า เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงเป็นผู้นำในเซกเมนต์ยานยนต์พรีเมียมของประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่สี่ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ถึง 6 รุ่นที่เราได้นำมาเปิดตัวสู่ลูกค้าชาวไทย”
● “และในวันนี้ เรายังคงให้ความสำคัญกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าเช่นเดิม โดยได้นำยนตรกรรมใหม่มาเปิดตัวถึง 10 รุ่น จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไปจนถึงบริการและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงมุ่งสู่ความเป็นเลิศไปพร้อม ๆ กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและพาร์ทเนอร์ของเราทุกคน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในประเทศไทยของเรา”
10 รุ่นใหม่ พร้อมเปิดตัวในปี 2567
● BMW iX2 xDrive30 M Sport : รถ Sports Activity Coupé (SAC) พลังไฟฟ้า เจเนอเรชันที่ 2 ของ BMW X2 มาพร้อมชุดแต่ง M Sport รอบคัน และล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้ว ลาย V-spoke แบบสลับสี ตัวรถใช้เทคโนโลยี BMW eDrive เจนฯ 5 มอเตอร์ไฟฟ้าคู่แยกขับเพลาหน้า/หลัง กำลังสูงสุด 306 แรงม้า และเพิ่มเป็น 313 แรงม้าเมื่อใช้ฟังก์ชัน Sport Boost หรือ Launch Control อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
● แบตเตอรี่แพคความจุ 66.5 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 417 – 449 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ชาร์จเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 130 กิโลวัทท์ จาก 0 – 80% ภายใน 29 นาที ชาร์จแบบปกติด้วยไฟกระแสสลับ (AC) 22 กิโลวัทท์ จาก 0 – 100% ภานใน 3 ชม. 45 นาที
● BMW iX2 xDrive30 M Sport ราคาจำหน่าย 3,399,000 บาท
● [2]. BMW 520d M Sport Pro : รถหรูพลังดีเซลรุ่นปรับโฉมทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร เสริมความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง M Sport Pro ผสานกับชุดแต่ง M Aerodynamics Package และล้ออัลลอย M สีดำ Jet Black ขนาด 20 นิ้ว ลาย Star-spoke และเบรค M Sport ภายในมากับเข็มขัดนิรภัย M เฉดสี Dark Silver M ตกแต่งด้วยขอบ Aluminium Rhombicle พร้อมพื้นผิวกระจกคริสตัลแบบ Crafted Clarity บนปุ่มควบคุม
● ตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ Steptronic 8 จังหวะ กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 233 กม./ชม.
● BMW 520d M Sport Pro ราคาจำหน่าย 3,779,000 บาท
● [3]. BMW 530e M Sport Pro : รถหรูพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นล่าสุด เพิ่มความวปอร์ตด้วยชุดแต่งแบบเดียวกับ 520d M Sport Pro และชุดแต่ง M Aerodynamics Package กระจังหน้าทรงไตคู่แบบ Iconic Glow ล้อสีเทาดำขนาด 20 นิ้ว สไตล์ M Aerodynamic และเบรคแบบ M Sport หลังคากระจก Panorama ภายในสี Dark Silver M พร้อมวัสดุตกแต่งคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุสีเงิน
● ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 299 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. แบตเตอรี่แพคความจุ 22.1 กิโลวัทท์-ชม. รองรับการชาร์จด้วยไฟ AC 7.4 กิโลวัทท์ โหมดไฟฟ้าล้วนใช้ความเร็วสูงสุดได้ 140 กม./ชม.
● BMW 530e M Sport Pro ราคาจำหน่าย 3,949,000 บาท
● [4]. BMW 220i Gran Coupe M Sport : รุ่นประกอบในประเทศ เติมความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้วลาย Double-Spoke แบบสลับสี หลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ ห้องโดยสารเน้นความหรูหราด้วยวัสดุพรีเมียม พื้นที่ใช้สอยออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครอบครัว และการเดินทางระยะไกล
● ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic คลัทช์คู่ กำลังสูงสุด 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 238 กม./ชม.
● BMW 220i Gran Coupe M Sport ราคาจำหน่ายพิเศษ 1,999,000 บาท
● ข้อเสนอพิเศษ : ราคารวมแพ็คเกจ BSI Standard 3 ปี หรือ 60,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ผู้ที่จองและส่งมอบรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2567 และทำสัญญาทางการเงินกับ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย รับฟรี ประกันภัยชั้น 1 BMW Protect นานสูงสุด 2 ปี พร้อมเลือกรับข้อเสนอพิเศษต่อไปนี้ (1) ผ่อนเริ่มต้น 19,999 บาท/เดือน หรือ (2) ดาวน์เริ่มต้น 199,999 บาท*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
● [5]. MINI Cooper S Hatch : รถแฮทช์แบคตัวถัง 3 ประตูสุดคลาสสิค ตกแต่งด้วยแถบสีขาวหรือสีดำบนฝากระโปรงหน้า หลังคาและฝาครอบกระจกตกแต่งด้วยสีขาวหรือสีดำ ไฟท้ายสไตล์ Union Jack เสริมความเฉี่ยวด้วยล้อสีดำขนาด 17 นิ้วลาย Pedal Spoke พร้อมยางรันแฟลท ห้องโดยสารมาพร้อมเบาะสีดำ Carbon Black พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa แพ็คเกจไฟตกแต่ง Lights Package และไฟในห้องโดยสารได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
● ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ส่งกำลังด้วยเกียร์ Steptronic 7 จังหวะ กำลังสูงสุด 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.7 วินาที
● MINI Cooper S Hatch ราคาจำหน่าย 2,599,000 บาท
● [6]. MINI Cooper S Clubman Multitone : อีกหนึ่งรถรุ่นสำคัญของมินิ คกแต่งใหม่ด้วยหลังคา Multitone Roof เพิ่มตัวเลือกใหม่กับหลังคา Multitone สีน้ำเงิน Soul Blue หลังคาสีแดงหรือฟ้าไล่เฉด เทคนิคการพ่นสีแบบ Wet-on-Wet ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากสายการผลิตมินิ ณ เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ผสานกับกระบวนการเคลือบสีแบบ Spray Tech ทำให้เกิดการไล่เรียงเฉดสีที่กลมกลืนไม่ซ้ำใคร และมีล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ลาย Multiray Spoke พร้อมยางรันแฟลท
● ห้องโดยสารมากับเบาะสปอร์ตสีดำ Carbon Black ตกแต่งพื้นผิวด้วยสีดำ Piano Black พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ Nappa และชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
● พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ส่งกำลังด้วยเกียร์ Steptronic 7 จังหวะ กำลังสูงสุด 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.2 วินาที ความเร็วได้สูงสุด 228 กม./ชม.
● MINI Cooper S Clubman Multitone ราคาจำหน่าย 2,999,000 บาท
● [7]. MINI Cooper S Countryman Highlands Edition : รถเอนกประสงค์รุ่นพิเศษ Highlands Edition ออกแบบโดยใช้แรงบันดาลใจจากความงามตามธรรมชาติของเทือกเขาในสกอตแลนด์ ตกแต่งเพิ่มเติมชุดแต่ง MINI ALL4 และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้วลาย Pin Spoke พร้อมยางรันแฟลท ห้องโดยสารมากับเบาะหนังสี Carbon Black และระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร Ambient Lighting System แบบปรับได้
● Countryman Highlands Edition ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ส่งกำลังด้วยเกียร์ Steptronic 7 จังหวะ คลัทช์คู่ กำลังสูงสุด 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.4 วินาที ความเร็วได้สูงสุด 224 กม./ชม.
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ พร้อมเฉดสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเขียว Sage Green, สีขาว Nanuq White, สีเงิน Melting Silver, และสีเทา Rooftop Grey
● MINI Cooper S Countryman Highlands Edition ราคาจำหน่าย 2,299,000 บาท
● [8]. BMW R 1300 GS : มอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง เอนดูโร ตระกูล GS รุ่นปรับโฉมใหม่ ลดน้ำหนักลงราว 12 กก. ชุดเฟรมหลังผลิตจากอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป แทนชุดเฟรมเหล็กกล้า 2 ชั้นแบบเดิม ระบบกันสะเทือนหน้าใหม่ EVO Telelever ระบบกันสะเทือนหลังมาพร้อมระบบ EVO Paralever ปรับจูนใหม่ พร้อมระบบปรับช่วงล่างแบบไดนามิก (DSA) ใหม่ สามารถปรับความหนืดของระบบกันสะเทือนหน้า/หลังให้เข้ากับอัตราการยุบตัวของสปริง
● อุปกรณ์มาตรฐานมีไฟหน้า Full-LED, ไฟเลี้ยว LED แบบใหม่ ติดตั้งที่บริเวณแฮนด์การ์ด, ระบบ Active Cruise Control ควบคุมความเร็วคงที่, ระบบ Front Collision Warning เตือนการชนด้านหน้า และระบบ Lane Change Warning ช่วยเตือนในขณะเปลี่ยนเลน
● สายผจญภัยทางวิบาก สามารถเลือกโหมดการขี่ใหม่แบบ Enduro พร้อมโหมดการขี่แบบ Rain และ Road ปิดท้ายด้วยโหมด Eco ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่มระยะการเดินทางได้สูงสุด
● เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ แบบ 2 สูบเรียง ความจุ 1,300 ซีซี. กำลังสูงสุด 145 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ทรงพลังที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยผลิตมา
● BMW R 1300 GS สี Triple Black ราคาจำหน่าย 1,125,000 บาท, สี GS Trophy ราคาจำหน่าย 1,125,000 บาท และสี Option 719 ราคาจำหน่าย 1,205,000 บาท
● [9]. BMW CE 02 : มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตในเมือง ภายใต้คอนเซ็ปท์ eParkourer เบาะนั่งทรงสเก็ตบอร์ด ตัวถังใช้สีดำเป็นหลัก ตกแต่งด้วยสีเทา Granite Grey Metallic Matt ตัวรถมาพร้อมชุดเฟรมเหล็กกล้า 2 ชั้น ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic ด้านหลังแบบสวิงอาร์มเดี่ยว ดิสค์เบรคหน้า/หลัง พร้อมระบบ ABS
● อุปกรณ์มาตรฐานมี มาตรวัดแบบจอสี TFT ให้ภาพคมชัด แสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขี่ อาทิ ความเร็ว, สถานะการชาร์จแบตเตอรี่, พอร์ทชาร์จ USB-C พร้อมแอพพลิเคชัน BMW Motorrad Connected
● ระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 15 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 55 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 50 กม./ชม. ภายใน 3 วินาที ความเร็วสูงสุด 95 กม./ชม. แบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอเอิน แยกเป็น 2 แพค แรงดันไฟ 48 โวลท์ ความจุ 1.96 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 95 กม. ระยะเวลาในการชาร์จจาก 0 – 100% ภายใน 210 นาที ชาร์จเร็วจาก 20 – 80% ภายใน 102 นาที โหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง Flow สำหรับการขี่ในขณะการจราจรหนาแน่นในเมือง หรือ Surf สำหรับการขี่ที่กระฉับกระเฉงเมื่อพ้นช่วงการจราจรพลุกพล่าน
● BMW CE 02 ราคาจำหน่าย 479,000 บาท
● [10]. BMW S 1000 RR : ซูเปอร์ไบค์รุ่นใหม่ มาพร้อมโฉมด้านหน้าใหม่ ฝาครอบเบาะนั่งซ้อนท้าย และส่วนท้ายแบบใหม่ รุ่นพื้นฐานสี Black Storm Metallic พร้อมรุ่นสี Light White/M Motorsport ใหม่ ตกแต่งด้วยแถบสีน้ำเงิน, ม่วง และแดง เอกลักษณ์ของของโลโก้ BMW M แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต
● S 1000 RR มากับโครงสร้างตัวถังแบบ Flex Frame ซึ่งเป็นแชสซีส์และระบบกันสะเทือนแบบใหม่ พร้อมตัวช่วยอย่างระบบควบคุม Dynamic Traction Control, ฟังก์ชั่นควบคุมการลื่นไถล Slide Control ผู้ขี่สามารถเลือกตั้งค่าการดริฟท์ได้ 2 ระดับขณะเร่งออกจากโค้ง นอกจากนี้ระบบ ABS ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันระบบควบคุมการเลื่อนเบรค Slide Control ช่วยให้สามารถตั้งค่ามุมดริฟท์เฉพาะสำหรับสไตล์การขับ หรือการดริฟท์เบรค ขณะที่ไถลเข้าโค้งด้วยความเร็วคงที่
● ตัวรถใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 4 วาล์วไทเทเนียมต่อลูกสูบ DOHC และ BMW ShiftCam ความจุ 999 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน กำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 303 กม./ชม. โหมดในการขี่แบบมาตรฐานเลือกได้ 4 รูปแบบระหว่าง Rain, Road, Dynamic หรือ Race รวมถึงแบบ Pro ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการควบคุมต่างๆ ให้ตรงกับรูปแบบการขี่แบบเฉพาะตัวได้
● BMW S 1000 RR ราคาจำหน่าย 1,005,000 บาท
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
ครองอันดับ 1 รวม 4 ปีซ้อน
● ในปี 2566 ที่ผ่านมา แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ สร้างสถิติใหม่ในประเทศไทยด้วยยอดจดทะเบียนรถใหม่รวม 15,477 คัน เพิ่มขึ้น 3% แบ่งเป็นบีเอ็มดับเบิลยู 14,128 คัน และมินิ 1,349 คัน
● ส่วนในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยูสามารถทำยอดขาย บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์รอยซ์ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นยอดส่งมอบรวม 2,555,341 คันทั่วโลก เพิ่มขึ้น 6.5% โดยรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้ามียอดขายเพิ่มขึ้น 74.4% คิดเป็นยอดส่งมอบทั่วโลกรวม 376,183 คัน รับกับเทรนด์พลังงานสะอาดที่ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คาดว่าเทรนด์ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายได้กว่า 500,000 คัน ในปี 2567 นี้
● ทั้งนี้ ในประเทศไทย รถไฟฟ้ารุ่นหลักของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประกอบด้วย BMWiX3, BMW iX, BMW i4, BMW i5, BMW i7 และ MINI Cooper SE ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 200% ในปี 2566 ที่ผ่านมา โดยมียอดจดทะเบียนรวม 1,604 คัน สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดระดับโลกและในประเทศไทย
● บีเอ็มดับเบิลยูระบุว่า หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มาจากการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และปลั๊ก-อิน ไฮบริด อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีรถไฟฟ้าให้เลือกครบทั้งจากแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เช่น BMW i5, BMW XM 50e, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า BMW CE04 รวมถึงรุ่นล่าสุดอย่าง BMW iX2 และมอเตอร์ไซค์ BMW CE 02
● ส่วนรถในกลุ่มลักชัวรี่ ยังมี BMW 7 Series, BMW i7, BMW 8 Series, BMW X7 และ BMW XM ที่มียอดจดทะเบียนในปี 2566 ทั้งหมด 668 คัน เพิ่มขึ้น 46% ด้วย
คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
แนวทางการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
● ในปี 2566 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับการประเมินคะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค หรือ Net Promoter Score (NPS) สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านยอดขายและการให้บริการหลังการขายใน ด้วยคะแนนการประเมินที่ 94 คะแนน และ 90 คะแนนตามลำดับ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศ เพื่อพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้าให้สูงที่สุด และมีบริการที่เยี่ยมยอดที่สุด รวมถึงส่งมอบสุนทรียะด้านการขับให้แก่ลูกค้าได้ในทุก ๆ ขั้นตอน
● ในช่วงปี 2565 – 2566 บีเอ็มดับเบิลยูได้ร่วมมือกับผู้จำหน่ายหลายราย เพื่อเปิดตัวโชว์รูมโฉมใหม่ในไทยมากกว่า 9 แห่ง ภายใต้คอนเซ็ปต์การออกแบบโชว์รูมและศูนย์บริการแบบใหม่ หรือ Retail Next โดยบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส เปิดตัวโชว์รูม เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ราชพฤกษ์ ที่มาพร้อมโชว์รูม BMW M ซึ่งได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากบีเอ็มดับเบิลยูเป็นแห่งแรก พร้อมด้วยศูนย์รถมือสอง BMW Premium Selection ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากบีเอ็มดับเบิลยู
● นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ขยายระบบนิเวศทางธุรกิจในพื้นที่ภาคใต้ โดยปักหมุดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรอย่างเป็นทางการ บีเอ็มดับเบิลยู และ มินิ มิลเลนเนียม ออโต้ สาขาสุราษฎร์ธานี ขยายเครือข่ายครอบคลุมภาคใต้ อาทิ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา, ภูเก็ต, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, กระบี่, พังงา และอื่น ๆ รวมถึงการร่วมมือกับเนลสัน ออโต้เฮ้าส์ ขยายพื้นที่ให้บริการลูกค้าในภูมิภาคตะวันออก ด้วยการเปิดตัวโชว์รูมแห่งใหม่ในจังหวัดระยอง พร้อมงบประมาณการลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท และยังร่วมลงทุนในการปรับโฉมโชว์รูมใหม่และขยายพื้นที่อีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อมร รังสิต, มิลเลนเนียม ออโต้ พระรามสี่, มิลเลนเนียม ออโต้ สยามพารากอน, และมิลเลนเนียม ออโต้ อุบลราชธานี และจะยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วย
คอนเซ็ปต์ Retail Next อีกหลายแห่งทั่วประเทศ ตลอดปี 2567 นี้
คุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย นำเสนอบริการใหม่
● ในปี 2566 บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งด้วยบริการใหม่ในรูปแบบดิจิทัล โดยมียอดสินเชื่อที่ 2% ซึ่งเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ หรือมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประมาณ 50% ยังคงให้ความไว้วางใจและเลือกรับบริการทางการเงินจาก บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ยังผลให้บริษัทได้รับการประเมินคะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค (NPS Score) สูงสุดในปี 2566 ที่ผ่านมา คิดเป็นคะแนนที่เพิ่มขึ้นถึง 10 คะแนน ในช่วงท้ายอายุสัญญาทางการเงิน แสดงให้เห็นถึงความพอใจของลูกค้าตลอดระยะเวลาสัญญา
● ทั้งนี้ ผลงานในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรถมือสองซึ่งเติบโตกว่า 25% ปีต่อปี มีอัตราการเข้าถึงตลาดลูกค้าองค์กรกว่า 62% จากการลงทุนเพิ่มเติมในปี 2566 เพื่อพลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้าหลากหลายรูปแบบ โดยในปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้เปิดตัว BMW Thailand Web Online Shop ช่วยให้ลูกค้ายืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID – NDID) รวมทั้งการรองรับลายเซ็นดิจิทัลในการให้บริการ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสมัครบริการทางการเงินได้อย่างสะดวกสบาย ลดกระบวนการสแกนหรืออัพโหลดเอกสาร รวมถึงช่วยลดระยะเวลาการยืนยันรายละเอียดของสัญญาให้เหลือเพียงไม่กี่คลิก โดยบริการด้านดิจิทัลเหล่านี้ช่วยประหยัดเวลาและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าขึ้นไปอีกขั้น ช่วยให้กระบวนการประเมินเพื่ออนุมัติการปล่อยสินเชื่อเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที และยังทำให้กระบวนการดำเนินงานหลังบ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
● สำหรับบริการ MyBMW Finance และ MyMINI Finance จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสัญญาทางการเงินและบริการอื่นๆ ได้ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวธุรกิจประกันภัยพร้อมบริการประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ภายใต้ชื่อ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกด้วย
● สำหรับในปี 2567 บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังวางแผนที่จะขยายส่วนธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเสนอบริการประกันรถยนต์ และบริการขยายระยะเวลาการประกันเพิ่มเติม
สนับสนุนโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคต
● บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงสนับสนุนโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดโครงการ BMW Service Apprentice ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่นักศึกษาอาชีวะในประเทศไทยที่มีศักยภาพ ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561 – 2580) ของรัฐบาล เสริมศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมบริการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยมุ่งเน้นการผลักดันการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะความเชี่ยวชาญตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยมีนักศึกษาทั้งหมด 282 คนที่ได้เข้าร่วมโครงการจาก 5 สถาบัน และในส่วนของโปรแกรม Dual Excellence ที่ดำเนินการโดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ก็ได้รับนักศึกษาเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 111 คนจาก 2 สถาบัน
● นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนรุ่นใหม่สนใจในแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้จับมือกับ 6 องค์กรพันธมิตร ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัล, มูลนิธิชัยพัฒนา, ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย, เอสซีจี, โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ และเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย จัดโครงการ CHOICEISYOURS 2023 ในปี 2566 เพื่อเปิดให้นิสิตนักศึกษาในไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมการฝึกอบรมและการลงมือปฏิบัติจริงเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมได้เข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ จากองค์กรพาร์ทเนอร์ทั้ง 7 ราย ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ ในการต่อยอดแนวคิดด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน นอกจากนี้ นิสิตนักศึกษายังได้รับโอกาสในการไปทัศนศึกษาเยี่ยมการดำเนินธุรกิจขององค์กรพาร์ทเนอร์ เพื่อเรียนรู้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การหมุนเวียนใช้ทรัพยากรในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากร โดยรักษาคุณค่าของทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรใหม่น้อยที่สุด และจะยังคงดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องในปีนี้เช่นกัน
● โครงการต่างๆ เหล่านี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่ต้องการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่ยั่งยืน แต่ยังรวมไปถึงการลงทุนกับเหล่าผู้นำและนวัตกรรุ่นใหม่ซึ่งจะช่วยผลักดันทั้งในภาคสังคมและภาคสิ่งแวดล้อมในอนาคต
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.bmw.co.th หรือ www.mini.co.th หรือ www.bmw-motorrad.co.th หรือ โทร. 1397 ●