2024 MG3 เจนฯ 3 พลังไฮบริด เปิดตัวที่ Geneva Motor Show

270views

เรื่อง : AREA 54

● หลังเผย ภาพสเกทช์และส่วนหน้าของคันจริง ไปไม่นาน เอ็มจี มอเตอร์ ก็เปิดตัวรถซับคอมแพคท์แฮทช์แบค All-New MG3 รุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น 3 ในงาน 2024 Geneva International Motor Show ที่ประเทศสวิทเซอร์แลนด์ ไฮไลท์สำคัญคือการติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด หรือ “Hybrid+” เป็นครั้งแรกในรถรุ่นนี้ โดยไม่มีรุ่นย่อย ICE เพียวๆ เป็นทางเลือกเลย ข้อดีก็คือจะช่วยเพิ่มทางเลือกและกระตุ้นตลาดรถมลพิษต่ำในกลุ่ม B-segment ให้กว้างขึ้น

● MG3 ใหม่มากับงานออกแบบที่ดูเฉี่ยวขึ้นกว่าเดิมมาก มองโดยรวมเรื่องความสวยงามผู้แปลยกให้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตัวรถยังคงเป็นแฮทช์แบคท้ายตัด 5 ประตู 5 ที่นั่ง ขนาดตัวมีความยาว 4,113 มม. กว้าง 1,797 มม. สูง 1,502 มม. ความยาวฐานล้อ 2,570 มม. น้ำหนักตัว 1,285 กก. โดยประมาณ เทียบกับรุ่นปัจจุบันตัวรถจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติ

● เบื้องต้นสีตัวถัง (สำหรับตลาดสหราชอาณาจักร) เลือกได้ 6 สีระหว่าง ขาว Arctic White, น้ำเงิน Battersea Blue, แดง Dynamic Red, ดำ Black Pearl, เงิน Monument Silver หรือเทา Hampstead Grey

● ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมด อุปกรณ์มาตรฐานมีจอคู่ Twin-screen cockpit แยกเป็นมาตรวัดฟูลดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.25 นิ้ว รันด้วยระบบปฏิบัติการ i-SMART รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay, ปุ่มเลือกเกียร์แบบโรตารี่, กล้องรอบคัน 360 องศา, USB 4 พอร์ท, Keyless entry และชุดลำโพง 6 ตำแหน่ง

● สำหรับชุดระบบไฮบริด ขับเคลื่อนล้อหน้า ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson-cycle แบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 13 กก.-ม. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.4 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3 จังหวะ และเก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอเอิน ความจุ 1.83 กิโลวัทท์-ชม.

● กำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ 194 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 170 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียราว 100 กรัม/กม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย เอ็มจีระบุตัวเลขเอาไว้ที่ 22 – 23 กม./ลิตร โหมดในการขับเลือกได้ 3 โหมดระหว่าง Eco, Standard หรือ Sport

ชุดระบบขับเคลื่อน Hybrid+

● ทั้งนี้ ชุดระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่เอ็มจีเรียกว่า Hybrid+ system จะมีโหมดในการขับเคลื่อนหลักๆ 5 รูปแบบ ประกอบด้วย:

● (1) EV : วิ่งแบบไฟฟ้าเพียวๆ โดยอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ (2) Series : ใช้เครื่องยนต์ทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ผลิตกำลังให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน (3) Series and Charge : ทำงานแบบซีรี่ส์ทว่าเพิ่มหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเมื่อระดับแบตเตอรี่ต่ำลง (4) Drive and Charge : ใช้เครื่องยนต์เพียวๆ ในการขับเคลื่อนพร้อมกับทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ชาร์จไฟไปยังแบตเตอรี่ และ (5) Parallel : เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อน

● ชุดระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเอ็มจีใช้ชื่อทางการค้าว่า MG Pilot มีอาทิ ระบบ Forward Collision Warning แจ้งเตือนการปะทะทางด้านหน้า, ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Lane Keep Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Lane Departure Warning แจ้งเตือนขณะเปลี่ยนเลน และระบบ Traffic Jam Assist ช่วยเบรคและเร่งความเร็วให้ในขณะขับท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด เป็นต้น

● ราคาจำหน่ายในสหราชอาณาจักร เริ่มต้นที่ประมาณ 20,000 ปอนด์ หรือประมาณ 8.2 แสนบาท… บ้านเรารอลุ้นกันไปอีกสักพักครับ ●