March 8, 2024
Motortrivia Team (10210 articles)

2024 Dodge Charger Daytona มัสเซิลคาร์พลังไฟฟ้ารุ่นแรกจากดอดจ์

เรื่อง : AREA 54

●   นับจากการทำตลาดมาตั้งแต่ยุค 60s ในที่สุดรถมัสเซิล คาร์ ที่ยืนยงมากว่าครึ่งศตวรรษอย่าง Dodge Charger เจนเนอเรชั่น 8 ก็เปิดตัวรุ่นพลังไฟฟ้าล้วนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ใช้ชื่อในการทำตลาดว่า Dodge Charger Daytona หลักๆ ตัวรถจะยังคงรูปแบบตัวถังเอาไว้ทั้ง 2 ประตูคูเป้ และ 4 ประตูซีดาน รวมทั้งยังมีรุ่น ICE ซึ่งใช้ชื่อรหัสเก๋ๆ ว่า “SIXPACK” เป็นทางเลือกในแบบอนุรักษ์นิยม การทำตลาดรุ่น EV ในสหรัฐฯ จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2024 นี้

●   หนึงในไฮไลท์สำคัญของรถรุ่นนี้ก็คือ มันจะเป็นตัวแทนของการควบรวม Dodge Charger และ Dodge Challenger เข้าไว้ด้วยกัน หลังจากที่ดอดจ์ตัดสินใจหั่นโพนี่คาร์อย่าง Dodge Challenger ออกจากแผนการทำตลาด และได้ยุติสายพานการผลิตไปในวันที่ 22 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา สิ้นสุดการเดินทางด้วยอายุ 53 ปี

●   ทั้งนี้ Dodge Charger ใหม่ทั้งรุ่นพลัง ICE และพลัง EV ได้รับการพัฒนาขึ้นมาบนแพลทฟอร์มใหม่ STLA Large ซึ่ง Stellantis ออกแบบมาเพื่อใช้ผลิตรถแบตเตอรี่รุ่นใหม่ในเครือที่มีคิวเปิดตัวในช่วงปี 2024 – 2028 อาทิ อัลฟ่า โรเมโอ, ไครสเลอร์, ดอดจ์, จีพ หรือมาเซราติ เป็นต้น

●   ตัวรถออกแบบมาได้สวยงามและลงตัวอย่างถึงที่สุด Charger ใหม่มากับภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายในแบบรถแบตเตอรี่ยุคใหม่ แต่ก็ยังคงสัดส่วนความเป็นมัสเซิล คาร์ ในแบบดั้งเดิมได้ครบทุกมุมมอง โดยรวมขนาดตัวจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ทั้งรุ่น 2 และ 4 ประตูจะมีฐานล้อเท่ากันที่ 3,074 มม. และทุกรุ่นย่อยจะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ All-wheel drive เท่านั้น

●   อุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสารต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย เบื้องต้นมี จอ Head-up display, มาตรวัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว หรือ 16 นิ้ว, จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้ว รัยด้วยระบบอินโฟเทนเมนท์รุ่นใหม่ Uconnect 5 จับคู่ผู้ช่วยเสมือน Amazon Alexa, ฟังก์ชั่นกล้องรอบคัน 360 Surround View Camera, บริการออนไลน์ Dodge Connected Services, ฟังก์ชั่น Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, เบาะหุ้มผ้า – ไวนิล – หรือหนัง Nappa, ชุดไฟแอมเบียนท์ 64 สี และชุดเครื่องเสียง Alpine พร้อมซับวูฟเฟอร์ และชุดลำโพง 9 ตำแหน่ง หรือ 18 ตำแหน่ง เป็นต้น

รุ่น SIXPACK เครื่องยนต์สันดาปภายใน

●   รุ่น ICE ซึ่งจะใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซินตระกูล Hurricane แบบ 6 สูบเรียง ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ ทวิน เทอร์โบชาร์จ แยกเป็นรุ่นย่อย Charger SIXPACK S.O. (หรือ Hurricane Standard Output) กำลังสูงสุด 420 แรงม้า และ Charger SIXPACK H.O. (หรือ Hurricane High Output) กำลังสูงสุด 550 แรงม้า

●   ทั้งนี้ เวอร์ชั่น SIXPACK S.O. จะนับเป็นตัวแทนของรุ่นคลาสสิคพลังแรงอย่างเครื่องยนต์ V8 HEMI ความจุ 5.7 ลิตร ส่วน SIXPACK H.O. จะรับหน้าที่แทนที่รุ่น V8 HEMI ความจุ 6.4 ลิตร ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง SIXPACK S.O. และ H.O. จะมีตัวเลขกำลังสูงสุดที่มากกว่า +40 และ +65 แรงม้าตามลำดับ

รุ่น Daytona พลังไฟฟ้า

●   ส่วนรุ่นพลังไฟฟ้า แยกเป็นรุ่น Charger Daytona R/T และ Charger Daytona Scat Pack ทั้งคู่มีขนาดตัวใกล้เคียงกัน ทว่าจะมีความต่างในจุดที่ส่งผลต่อสมรรถนะในการขับบ้าง เช่น ระยะแทร็คของล้อทั้งคู่หน้าและหลัง ทั้งคู่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD ส่งกำลังด้วยเกียร์ซิงเกิลสปีด เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคความจุเท่ากัน และมีระบบเสียงสังเคราะห์ Fratzonic Chambered Exhaust system เพื่อสร้างเสียงกระหึ่มในแบบเครื่องยนต์ V8 HEMI Hellcat

●   รุ่นย่อย R/T พละกำลังผลิตได้ 456 แรงม้า (Power Base) สูงสุด 496 แรงม้า (Power Shot) เป็นเวลา 15 วินาทีเมื่อผู้ขับกดปุ่ม PowerShot บนพวงมาลัย แรงบิดสูงสุด 55.8 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 4.7 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ภายใน 13.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. โหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง Auto, Eco, Sport หรือ Wet/Snow ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 510 กม.

●   รุ่นย่อย Scat Pack พละกำลังผลิตได้ 630 แรงม้า (Power Base) สูงสุด 670 แรงม้า (Power Shot) แรงบิดสูงสุด 86.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 3.3 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ภายใน 11.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 216 กม./ชม. โหมดในการขับเพิ่มเติมมี Track, Drag, Donut และ Drift ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 418 กม.

●   ทั้งคู่ใช้แบตเตอรี่แพคความจุเท่ากัน 100 กิโลวัทท์-ชม. แรงดันไฟฟ้า 442 โวลท์ ออนบอร์ดชาร์จเจอร์ 11 กิโลวัทท์ ชาร์จด้วยไฟกระแสสลับ (AC) จาก 5 – 80% ได้ภายใน 6.8 ชม. หากชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) 175 กิโลวัทท์ จากตู้ชาร์จสาธารณะ 5 – 80% จะใช้เวลา 53 นาที หากเพิ่มกำลังไฟเป็น 350 กิโลวัทท์ จาก 5 – 80% จะใช้เวลาเพียง 33 นาที

●   นอกจากนี้ รุ่น Scat Pack จะมีออปชั่นพิเศษให้ติดตั้งเพิ่มเติมเป็นแพคเกจเสริมสมรรถนะ Track Package ประกอบด้วยชุดเบรค Brembo คาลิเปอร์หน้าแบบ 6 ลูกสูบ ด้านหลังแบบ 4 ลูกสูบ, จานดิสค์เส้นผ่านศูนย์กลาง 16 นิ้ว, ชุดแดมเปอร์แบบปรับระดับอัตโนมัติ, ยางสมรรถนะสูง Goodyear® Eagle F1 SuperCar 3 และฟังก์ชั่น Launch Control พร้อมชุดระบบ Drive Experience Recorder (DxR) สำหรับการเก็บภาพและประมวลผล/วิเคราะห์ข้อมูลการขับในขณะวิ่ง Track/Drag

●   ชุดระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในกลุ่ม ADAS มีระบบ Forward Collision Warning and Automatic Emergency Braking with Vulnerable Road Users Detection แจ้งเตือนการปะทะทางด้านหน้าพร้อมฟังก์ชั่นช่วยเบรคอัตโนมัติ และตรวจจับจักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือคนเดินถนน, ระบบ Active Lane Management / Active Driving Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน

●   ต่อด้วยระบบ Adaptive Cruise Control with Stop and Go ควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นหยุดและออกตัวตามการจราจร, ระบบ Blind Spot Detection with Rear Cross Path Detection เตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้างและตรวจสอบรถที่วิ่งตัดมาทางด้านข้างขณะถอย, ระบบ Traffic Sign Recognition ช่วยสังเกตุเครื่องหมายจราจร และระบบ Drowsy Driver Detection ช่วยเตือนเมื่อตรวจพบว่าผู้ขับอาจมีอาการเหนื่อยล้าจากการขับ

●   ดอดจ์จะเริ่มจำหน่ายเวอร์ชั่นไฟฟ้า Charger Daytona ก่อนภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 นี้ หรือตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนเป็นต้นไป ราคาจำหน่ายคาดว่าจะเริ่มต้นแถวๆ 50,000 จนถึง 60,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.8 – 2.2 ล้านครับ ส่วนรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในจะตามออกมาภายในช่วงปี 2025         ●

2024 Dodge Charger Daytona (EV)