April 8, 2024
Motortrivia Team (10236 articles)

Porsche AG มุ่งสู่ปีแห่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ประชาสัมพันธ์

●  ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) กล่าวปิดท้ายสถานการณ์ในปี 2566 ที่ผ่านมาด้วยงบประมาณที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โอลิเวอร์ บลูเม (Oliver Blume) ประธานคณะกรรมการบริหารกล่าวว่า “ใน ปี 2567 นี้ นับเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่ บริษัทจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ถึง 4 รุ่นได้แก่ พานาเมร่า (Panamera), มาคันน์ (Macan), ไทคานน์ (Taycan) และ 911 ด้วยความตั้งใจของทีมงานปอร์เช่ทุกคน ด้วยรากฐานบริษัทที่แข็งแกร่งและระบบการเงินที่มั่นคง ทำให้ในปี 2567 นี้จะมีการเปิดตัวรถปอร์เช่รุ่นใหม่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่ เรามุ่งมั่นที่จะมอบรถสปอร์ตสมรรถนะดีเยี่ยมที่สุดเพื่อสร้างความพึงพอใจและความหลงใหลให้กับลูกค้าคนสำคัญของเรา”

●  ในปี 2566 ยอดการจัดจำหน่ายของบริษัทสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 7.7 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ารวม 40.5 พันล้านยูโร ในขณะที่ปีก่อนหน้ารายได้จากยอดการจัดจำหน่ายอยู่ที่ 37.6 พันล้านยูโร เท่านั้น บริษัทได้รับกำไรเพิ่มขึ้น 7.6 เปอร์เซ็นต์คิดเป็น 7.3 พันล้านยูโร เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 6.8 พันล้านยูโร ในอีกด้านหนึ่ง เงินเฟ้อทั่วโลกมีอัตราที่สูงขึ้นมีผลให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะเหตุนี้จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และการให้บริการจะได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้เกิดความชะลอตัวในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ผลตอบแทนจากการขายของจึงทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 18.0

ปอร์เช่มีผลกำไรสูงและบรรลุเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้

●  ลุทซ์ เมชเค่ (Lutz Meschke) รองประธานคณะกรรมการบริหารและสมาชิกคณะกรรมการฝ่ายการเงินและไอทีกล่าว “แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น แต่บริษัทยังได้ผลลัพธ์ทางการเงินที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะความต้องการของลูกค้าในผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ในระดับสูงและ บริษัทมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างเข้มงวด” รายงานกระแสเงินสดสุทธิของหมวดยานยนต์ในปีงบประมาณ 2566 อยู่ที่ 4.0 พันล้านยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่ทำได้เพียง 3.9 พันล้านยูโร

●  Porsche ประกาศผลประกอบการปี 2566 ที่แสดงให้เห็นถึง ความแข็งแกร่ง ของแบรนด์ โดย กำไรต่อหุ้น อยู่ที่ 5.66 ยูโรสำหรับหุ้นสามัญ และ 5.67 ยูโรสำหรับหุ้นบุริมสิทธิ คณะกรรมการบริหาร และ คณะกรรมการกำกับดูแล เตรียมเสนอจ่าย เงินปันผล จำนวน 2.1 พันล้านยูโร คิดเป็น 40% ของ กำไรสุทธิหลังหักภาษี เงินปันผล นี้ สะท้อนถึง ความมุ่งมั่น ของปอร์เช่ในการ คืนกำไร ให้กับ ผู้ถือหุ้น แผนระยะกลาง ของปอร์เช่มุ่งเน้นไปที่การจ่ายเงินปันผล 50% ของ กำไรสุทธิหลังหักภาษี ผลประกอบการ ที่ดี กลยุทธ์ ที่ชัดเจน และแผนงาน ที่มุ่งเน้น การตอบแทนผู้ลงทุน แสดงให้เห็นถึง ความมั่นคง และอนาคตที่ดีของปอร์เช่

ปี 2024 ปอร์เช่เปิดตัวรถรุ่นใหม่ 4 รุ่น มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่

●  โอลิเวอร์ บลูเม (Oliver Blume) กล่าวว่า “ทีมงานปอร์เช่หายเหนื่อยจากผลตอบรับที่ดีเกินคาดในปี 2023 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของบริษัท อย่างไรก็ตามรถปอร์เช่ทุกรุ่นยังสร้างความตื่นเต้นในกับลูกค้าของเราได้อย่างดีเยี่ยม” ตัวเลขการส่งมอบรถให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น 3.3 เปอร์เซ็นต์ เป็น 320,221 คัน ยอดขายทุกแห่งมีความสมดุลกว่าในปีก่อนเป็นอย่างมาก ทำให้ปอร์เช่ตั้งเป้าหมายในการการปรับปรุงสมรรถนะรถรุ่นเดิม และนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 4 รุ่นในปีนี้

●  เปิดประเดิมด้วย พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชันที่ 3 กับการออกแบบใหม่ทั้งภายนอกและภายในของรถ โดยยังคงรักษาลักษณะความเป็นรถสปอร์ตซีดานเอาไว้พร้อมใส่ความหรูหราอีกระดับเพิ่มเข้ามาในรถ รถคันนี้มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่และถูกยกระดับระบบการควบคุมที่คมชัดแม่นยำยิ่งขึ้น อีกจุดเด่นของรถรุ่นนี้คือ สมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตสไตล์ปอร์เช่ ผสมผสานกับความรู้สึกสบายด้วยระบบกันสะเทือน Porsche Active Ride ใหม่ ที่อยู่ใน พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชันที่ 3 คันนี้เท่านั้น

●  เมื่อกระแสตอบรับดีไม่มีตก รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ไทคานน์ (Taycan) รุ่นใหม่ จ่อวางจำหน่ายต่อในฤดูใบไม้ผลินี้ มาพร้อมพละกำลังมากขึ้น ระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางไกลขึ้น รวมถึงการตอบสนองต่อการเร่งความเร็วได้อย่างฉับพลัน โดยใช้ระยะเวลาชาร์จไฟน้อยลง ความตื่นเต้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะ ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) เปิดตัวครั้งแรกไปได้ไม่นานก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ปอร์เช่จึงตัดสินใจต่อยอดความเป็น GT ให้แก่การขับเคลื่อด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พละกำลังสูงสุดถึง 815 กิโลวัตต์ (1108 แรงม้า) และอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลา 2.2 วินาที

●  นับตั้งแต่มีการเปิดให้สั่งสื่อปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) รถรุ่นนี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี ปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) เจเนอเรชันที่ 2 จะถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด จำหน่ายควบคู่ไปกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป (ICE) รุ่นเดิม ซึ่งรถปอร์เช่รุ่นนี้มีฐานการผลิตที่เมืองไลพ์ซิก (Leipzig)

●  บริษัทได้วางแผนอัพเกรด 911 เพื่อปล่อยในช่วงต้นฤดูร้อน มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดประสิทธิภาพสูง โอลิเวอร์ บลูเม (Oliver Blume) กล่าวอีกว่า “เป็นอีกครั้งที่เราได้นำเทคโนโลยีโมเดลการผลิตแบบซีรีส์มาจากมอเตอร์สปอร์ต บอกเลยว่าลูกค้าของเราจะต้องตั้งตารอการนำเทคโนโลยีแบบนี้มาใช้ในการผลิตในรถรุ่นอื่นๆ อีกแน่นอน”

●  ในช่วงปลายปี 2566 คาเยนน์ (Cayenne) รถเอสยูวีสุดหรูเจเนอเรชันที่ 3 ได้รับการปรับปรุงและออกสู่ตลาดเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการอัพเกรดทุกส่วนตั้งแต่ระบบส่งกำลัง ช่วงล่างแชสซี การออกแบบ อุปกรณ์ต่างๆ และแนวคิดการควบคุม

กลยุทธ์ในระยะยาวของปอร์เช่

●  ปอร์เช่ตั้งใจสร้างมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ เห็นได้จากตัวเลือกในการปรับแต่งรถที่หลากหลาย และสร้างรากฐานในการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างมีคุณภาพ บริษัทตั้งใจเสนอนวัตกรรมในการผลิตที่ผสมผสานระบบส่งกำลัง 3 ประเภททั้งเครื่องยนต์สันดาป(ICE) ที่มีประสิทธิภาพ, ปลั๊กอินไฮบริด (plug-in hybrid) และรถพลังงานไฟฟ้าล้วน (all-electric) กลยุทธ์สำคัญในการรักษาความสมดุลคือการสร้างความยืดหยุ่นระดับสูงในการผลิตระบบส่งกำลังในประเภทต่างๆ ในขณะเดียวกันบริษัทตั้งใจจะสร้างประสบการณ์และการบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า จึงปรับเปลี่ยนระบบให้มีความยั่งยืนในระยะยาวมากขึ้น ทั้งการลงทุนเรื่องการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืน ให้กับทุกๆ คนในบริษัท

●  ในยุคปัจจุบันแนวโน้มความต้องการในระยาวของลูกค้ามีมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไป ปอร์เช่ไม่หยุดพัฒนา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า บริษัทเดินหน้าพัฒนายนตรกรรมไฟฟ้าไปอีกขั้น เช่น รุ่น 718 จะเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในช่วงกลางปีนี้ ตามมาด้วยคาเยนน์รุ่นพลังงานไฟฟ้าล้วน ในอนาคตอันใกล้ ปอร์เช่จะพัฒนารถเอสยูวี (SUV) รุ่นใหม่ให้เหนือกว่าคาเยนน์ไปอีกขั้น ให้มีประสิทธิภาพอันทรงพลัง พร้อมด้วยฟังก์ชันการขับขี่แบบอัตโนมัติ ภายในห้องโดยสารรูปแบบใหม่ และทำให้รถมีความสปอร์ตมากกว่าคาเยนน์ ด้วยพื้นฐานแพลตฟอร์ม SSP Sport ซึ่งจะผลิตขึ้นที่เมืองไลพ์ซิก ความตั้งใจทั้งหมดนี้มีเป้าหมาย คือการดึงศักยภาพของลูกค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มคนในสหรัฐอเมริกาและจีน

ปอร์เช่เปิดตัว ซัจจาด ข่าน (Sajjad Khan) คณะกรรมการบริหาร IT คนใหม่

●  ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ซัจจาด ข่าน (Sajjad Khan) เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารของปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) รับผิดชอบในฝ่าย IT รถยนต์ใหม่ บลูเม (Blume) กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่หน้ายินดีของบริษัทเป็นอย่างมากที่เราได้ ซัจจาดข่าน ผู้เชี่ยวชาญในด้าน IT มากประสบการณ์มาร่วมทีมกับเรา” โดยในการทำงานครั้งนี้ ซัจจาด (Sajjad) จะเข้ามาทำงานร่วมกับกับ ไมเคิล สไตเนอร์ (Michael Steiner) ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารด้านการวิจัยและพัฒนา ที่ Porsche Development Center ในเมืองไวส์ซาค (Weissach)

●  ไตรมาสแรกของปี 2567 ปอร์เช่ลงทุนในด้านดิจิตัล และซอฟต์แวร์เป็นหลัก บริษัทยังเข้าเทคโอเวอร์ฝ่ายบริหารที่ปรึกษาด้านไอทีของ MPH และบริษัท Applied Intuition ซึ่งบริษัทนี้ตั้งอยู่ในในซิลิคอนวัลเลย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ปอร์เช่มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในด้านไอทีรถยนต์ และเข้าใจถึงประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อปอร์เช่มากขึ้น การร่วมงานกันในครั้งนี้จะจัดตั้งขึ้นที่บริษัทเม้าเทน วิว (Mountain View)

ปอร์เช่ยังคงยึดมั่นในความยั่งยืน

●  สิ่งที่ปอร์เช่ให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือการทำให้บริษัทมีความยั่งยืน ในปี พ.ศ. 2573 ปอร์เช่มีเป้าหมายที่จะส่งมอบรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วโลก ปอร์เช่ยังคงมุ่งเน้นในการใช้ eFuels เชื้อเพลิงสังเคราะห์ระบบหมุนเวียนที่ช่วยระบบเครื่องยนต์สันดาปสามารถทำงานได้จนเกือบมีคาร์บอนเป็นกลาง ปอร์เช่ยังคงคำนึงถึงรุ่นรถปัจจุบันที่มีทั่วโลกมีประมาณ 1.3 พันล้านคันที่มีเครื่องยนต์สันดาป ที่ยังคงใช้งานอยู่ในระยะเวลา 30 ปีหรือมากกว่า ทั้งนี้ปอร์เช่ร่วมมือกับโรงงาน eFuels ซึ่งเป็นโรงงานเชิงพาณิชย์แห่งแรกในประเทศชิลี ปอร์เช่และพันธมิตรได้แสดงให้เห็นว่าการผลิต eFuels สามารถทำงานในระดับอุตสาหกรรมได้ และหากเติมเชื้อเพลิง eFuels ก็สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้

●  ปอร์เช่ตั้งเป้าในการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการผลิตรถรุ่นใหม่ให้มากขึ้น ในการผลิตมาคันน์ (Macan) รุ่นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จะให้คาร์บอนมีค่าความเป็นกลาง และ รถมาคันน์จะถูกผลิตในโรงงานที่เมืองไลพ์ซิก (Leipzig) ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียวในการผลิตทั้งหมด รวมถึงรักษาสัดส่วนความร้อนของไบโอมีเทนและชีวมวล นอกจากนี้ ปอร์เช่ยังสนับสนุนในการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการในการใช้ไฟฟ้าในการผลิตรถมาคันน์ (Macan) อีกด้วย

ปอร์เช่คาดหวังผลลัพธ์การขายของกลุ่มบริษัทในเครืออยู่ที่ 15 ถึง 17 เปอร์เซ็นต์

●  การเปิดตัวของรถรุ่นใหม่หลากหลายรุ่นในปี 2567 ทำให้เกิดค่าเสื่อมสูงขึ้นจากการใช้ต้นทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น เพราะฉะนั้น ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) จึงคาดหวังผลตอบแทนจากการขายของกลุ่มบริษัทให้อยู่ระหว่าง 15 ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ตลอดทั้งปี 2567 เนื่องจากมีการลงทุนต่อเนื่องในการพัฒนาแบรนด์และระบบนิเวศของปอร์เช่ การคาดการณ์ในปี 2567 เมื่อรวมรายได้จากการขายที่คาดไว้อยู่ระหว่าง 40 ถึง 42 พันล้านยูโร เมชเค่ (Meschke) กล่าว “เราคาดการณ์ผลตอบแทนจากการขายที่ประมาณ 17 ถึง 19 เปอร์เซ็นต์ เราตั้งเป้าที่จะสร้างผลตอบแทนจากการขายของกลุ่มบริษัทในเครือให้มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ให้ได้”

●  เพื่อบรรลุผลตอบแทนในระยะยาว ปอร์เช่ จึงเดินหน้าโครงการ Road to 20 โดยเมชเค่ (Meschke) กล่าวเสริมว่า “เรากำลังทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อพัฒนาแหล่งรายได้ใหม่ ซึ่งโครงการแรกของโปรแกรม คือ Road to 20 โครงการนี้เป็นการนำข้อเสนอและบริการสุดพิเศษที่เรากำลังพัฒนาขึ้นมาอยู่ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ และการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าคนสำคัญของเรา”

●  ในช่วงสิ้นปี 2566 ปอร์เช่ กรุ๊ป (Porsche Group) มีพนักงานในสังกัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 นับเป็นจำนวณ 42,140 คน โดยตำแหน่งที่รับเพิ่มส่วนใหญ่จะต้องเชียวชาญด้านเทคนิคและซอฟต์แวร์ เพราะปอร์เช่มีเป้าหมายในการทำให้ระบบไอทีของบริษัทมีความพัฒนาและแข็งแกร่งมากขึ้น

Porsche AG GroupFY 2023FY 2022Change
Deliveries320,221309,884+3.3%
Sales revenue€40,530 million€37,637 million+7.7%
Operating profit€7,284 million€6,772 million+7.6%
Operating return on sales18.0%18.0% –
Automotive net cash flow€3,973 million€3,866 million+2.8%

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ facebook.com/porsche.thailand.aas ●

Tags Porsche