2025 Genesis GV80 ครอสโอเวอร์หรูรุ่นปรับโฉม เปิดราคาในสหรัฐฯ

196views

เรื่อง : AREA 54

● รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดกลาง Genesis GV80 ของซับ-แบรนด์หรูจากฮุนได เปิดตัวรุ่นปรับโฉม MY2025 ในสหรัฐฯ ตัวรถได้รับการปรับปรุงภาพลักษณ์หลายจุด พร้อมเติมอุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสาร การจำหน่ายแยกเป็น 7 รุ่นย่อย รุ่นมาตรฐานราคาเริ่มต้นที่ 57,700 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.2 ล้านบาท

● นับจากการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2020 Genesis GV80 นับเป็นรถ SUV ในกลุ่มลักชัวรี่รุ่นแรกของแบรนด์เจเนซิส ในสหรัฐฯ คู่แข่งในกลุ่มลักชัวรี่คือ บีเอ็มดับเบิลยู, แคดิลแลค, เลกซัส, เรนจ์ โรเวอร์ และเมอร์เซเดส รุ่นปรับโฉมยังคงใช้กระจังหน้าทรงเพชร พร้อมชุดโคมไฟหน้าและไฟท้ายแบบแยกส่วนเป็น 2 ชั้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทว่ามีการปรับลวดลายใหม่ทั้งด้านหน้าและหลัง เสริมด้วยล้อลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว และเพิ่มทางเลือกด้วย 2 สีใหม่ Storr Green หรือ Storr Green Matte

● ห้องโดยสารเลย์เอาท์คล้ายๆ กับรุ่นน้องอย่าง Genesis GV70 ซึ่งเพิ่งได้รับการอัพเกรดไปเช่นกัน อุปกรณ์มาตรฐานมีจอคู่ OLED ขนาดรวม 27 นิ้ว แยกเป็นมาตรวัดดิจิทัล และจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ วางเรียงไว้ในกรอบเดียวกัน, ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ Dual-zone, คอนโซลกลางออกแบบใหม่ให้ดูเรียบหรูมากยิ่งขึ้น และมีปุ่มเลือกเกียร์แบบโรตารี่สไตล์ Crystal-like พร้อมปุ่มเลือกเมนู วางเรียงคู่ไปกับช่องวางแก้วน้ำขนาดใหญ่

● ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ซึ่งได้รับการอัพเดทระบบปฏิบัติการเป็นรุ่นล่าสุด ยังคงรองรับคำสั่งเสียง และการเขียนด้วยนิ้ว หรือ Handwriting Recognition สามารถอัพเดทซอฟท์แวร์ได้แบบ OTA ด้านความเงียบขณะเดินทางจะมีระบบ Road-Noise Active Noise Control System ช่วยตรวจสอบสภาพถนนด้วยคลื่นเสียงแบบรีลไทม์ และสร้างคลื่นเสียงที่หักล้างกันเพื่อลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ปิดท้ายด้วยชุดซาวด์ซิสเต็ม Bang & Olufsen พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง

● รุ่นมาตรฐานเกรด 2.5T Standard AWD คุ้มค่ายิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มระบบ Fingerprint Authentication สำหรับตรวจสอบลายนิ้วมือ, ระบบอินโฟเทนเมนท์สามารถอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ OTA, เพิ่มพอร์ท USB Type-C และยังมีการอัพเกรดประสิทธิภาพเบรคหน้าด้วยการติดตั้งคาลิเปอร์ โมโนบลอค แบบ 4 สูบมาให้ด้วย

● ชุดระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS หลักๆ มีระบบ Smart Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Front Collision Avoidance Assistance ช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะทางด้านหน้า, ระบบ Rear Side Collision Avoidance Assistance ช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะจากด้านหลัง

● ต่อด้วยระบบ Highway Assist System ใช้ความสามารถของเซนเซอร์และข้อมูลแผนที่ช่วยขับแบบอัตโนมัติบนไฮเวย์, ระบบ Driver Attention Warning ช่วยเตือนเมื่อตรวจพบว่าผู้ขับอาจมีอาการเหนื่อยล้าโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับสายตาผู้ขับ, ระบบ Rear Cross-traffic Collision Avoidance Assist ช่วยป้องกันการชนในขณะถอยออกจากช่องจอด และระบบ Parking Collision Avoidance Assist ช่วยป้องกันการชนขณะถอยจอด

● รุ่นเครื่องยนต์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ สามารถเลือกได้ระหว่างรุ่นเบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. หรือรุ่น V6 ความจุ 3.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 375 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 54 กก.-ม. ทั้งคู่เป็นเครื่องยนต์ในตระกูล Smartstream และจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะ ทุกรุ่นย่อยหมุนล้อแบบ All-wheel drive

● ราคาจำหน่ายทั้ง 7 รุ่นย่อยในสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่ 57,700 ดอลลาร์ จนถึง 79,300 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.2 – 3 ล้านบาทครับ ●