![911 Carrera GTS เครื่องยนต์ T-Hybrid สมรรถนะที่เหนือกว่า](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-01-1270x724_c.jpg)
911 Carrera GTS เครื่องยนต์ T-Hybrid สมรรถนะที่เหนือกว่า
ประชาสัมพันธ์
● ปอร์เช่ ยกระดับรถสปอร์ต 911 อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วย Porsche 911 Carrera GTS ซึ่งเป็นรถ 911 รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดสมรรถนะสูงน้ำหนักเบาสุดพิเศษ ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานบนถนนทั่วไป พร้อมระบบส่งกำลังที่พัฒนาขึ้นใหม่ รวมถึงเครื่องยนต์ 3.6 ลิตร ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดย 911 Carrera GTS Coupé สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 312 กม./ชม.
● นอกจากนี้ ยังมี Porsche 911 Carrera ใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบนอน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงให้ทรงพลังกว่ารุ่นก่อน และ 911 รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ปรับโฉมใหม่ ระบบอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น การปรับเปลี่ยนห้องโดยสารภายใน อุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการอัพเกรด และการเชื่อมต่อที่ขยายวงกว้างมากขึ้น
● ปอร์เช่ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่มีความโดดเด่นถึง 4 รุ่นจากทั้งหมด 6 รุ่น ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ไม่ว่าจะเป็น Porsche Panamera, Taycan, Macan และ 911
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-02.jpg)
● โอลิเวอร์ บลูเม (Oliver Blume) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กล่าวว่า “กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ของเรามีความทันสมัยกว่าที่เคยและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้คือการมอบทางเลือกในการสัมผัสประสบการณ์ความพิเศษที่มากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา”
● ระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูงสุดล้ำ แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต : แฟรงค์ โมเซอร์ (Frank Moser) รองประธานควบคุมดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่น 911 และ 718 กล่าว “วิศวกรของปอร์เช่ได้นำความรู้จากการแข่งมอเตอร์สปอร์ต มาเป็นพื้นฐานในการออกแบบระบบไฮบริดของ 911 คาร์เรร่า จีทีเอส (911 Carrera GTS) ใหม่ เราพัฒนาและทดสอบแนวคิดและวิธีการต่างๆ มากมาย เพื่อให้ได้ระบบไฮบริดที่เหมาะสมกับ 911 อย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือ การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร เข้ากันได้กับแนวคิดโดยรวมของ 911 และช่วยยกระดับสมรรถนะได้อย่างเหนือชั้น”
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-03.jpg)
● ระบบ ‘T-Hybrid’ หรือ turbo-hybrid ที่มีน้ำหนักเบาและทรงพลัง มาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนาใหม่ มีมอเตอร์ไฟฟ้าในตัวซึ่งอยู่ระหว่าง Compressor และ Turbine Wheel ของระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ช่วยเร่งความเร็วรอบของเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ทันที ส่งผลให้ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าในเทอร์โบชาร์จเจอร์ ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) พลังงานนี้มาจากการดึงเอาไอเสียจากการเผาไหม้ ในส่วนของระบบการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าของรุ่นปัจจุบัน ที่มีเพียง 1 ลูก มีศักยภาพทดแทนการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ถึง 2 ลูก ของรุ่นก่อนหน้านี้ ส่งผลให้การส่งกำลังมีความคล่องตัวและตอบสนองได้ดีขึ้น
● ชุดระบบส่งกำลังยังรวมไปถึงมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรที่ติดตั้งในเกียร์คลัตช์คู่ (PDK) 8 สปีดใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น แม้จะอยู่ที่ความเร็วรอบที่ต่ำ มอเตอร์นี้ยังช่วยเสริมกำลังและแรงบิดให้กับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สูงสุด 150 นิวตันเมตร และสามารถเพิ่มกำลังได้สูงสุด 40 กิโลวัตต์ โดยปอร์เช่เชื่อมต่อมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัวมาต่อเข้ากับแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ซึ่งมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับแบตเตอรี่สตาร์ทเตอร์ขนาด 12 โวลต์ทั่วไป แต่สามารถเก็บพลังงานได้สูงสุด 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และทำงานที่แรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ นอกจากนี้ยังได้มีการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน น้ำหนักเบาสำหรับระบบไฟฟ้า 12 โวลต์ภายในรถอีกด้วย
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-04.jpg)
● หัวใจสำคัญของระบบขับเคลื่อน T-Hybrid คือ เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ แบบ 6 สูบนอน ความจุ 3.6 ลิตร ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ระบบไฟฟ้าแรงสูงนี้ช่วยให้คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศทำงานด้วยตัวเองโดยใช้ระบบไฟฟ้า ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบสายพาน ทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัด การปรับเปลี่ยนนี้ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับชุด Pulse Inverter และ อุปกรณ์ที่ใช้แปลงแรงดันไฟฟ้าในรูปแบบกระแสตรง (DC-DC converter) นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังถูกออกแบบให้มีกระบอกสูบที่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 97 มิลลิเมตร และช่วงชักที่เพิ่มขึ้นเป็น 81 มิลลิเมตร ส่งผลให้ปริมาตรกระบอกสูบเพิ่มขึ้น 0.6 ลิตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เครื่องยนต์มีระบบควบคุมเพลาลูกเบี้ยว (VarioCam) ที่จะรักษาอัตราส่วนส่วนผสมที่เหมาะสมของเชื้อเพลิงและอากาศ
● แม้ในช่วงที่ไม่ได้รับแรงช่วยเหลือจากระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ยังคงสามารถให้พละกำลังถึง 357 กิโลวัตต์ (485 แรงม้า) และแรงบิด 570 นิวตันเมตร พละกำลังรวมของทั้ง 2 ระบบอยู่ที่ 398 กิโลวัตต์ (541 แรงม้า) และแรงบิด 610 นิวตันเมตร ซึ่งมีพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนคือ 45 กิโลวัตต์ (61 แรงม้า) 911 Carrera GTS รุ่นใหม่นี้ ทำความเร็วช่วงจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สั้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ระบบไฮบริดสมรรถนะสูงนี้จะช่วยมอบการขับขี่ที่ทรงพลังคล่องตัว ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รถคันนี้มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้น เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-05.jpg)
● สำหรับ 911 Carrera ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ แบบ 6 สูบนอน ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ เครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเช่นกัน โดยได้นำเอาอินเตอร์คูลเลอร์จากรุ่น Turbo มาใช้ ซึ่งตอนนี้ติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงหลังเหนือเครื่องยนต์พอดี เทอร์โบชาร์จเจอร์ใน 911 Carrera รุ่นใหม่นี้ เคยถูกใช้ในรุ่น GTS ในโมเดลก่อนหน้า การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ ทำให้ปอร์เช่สามารถลดการปล่อยไอเสียและเพิ่มพละกำลังเป็น 290 กิโลวัตต์ (394 แรงม้า) พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ในส่วนของ 911 คาร์เรร่า คูเป้ (911 Carrera Coupe) รุ่นใหม่ใช้เวลาเพียง 4.1 วินาที ในการเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. (3.9 วินาที สำหรับรุ่นที่มีแพ็คเกจ Sport Chrono) และมีความเร็วสูงสุดที่ 294 กม./ชม. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ถือว่าเร็วขึ้น 0.1 วินาที และ มีความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้น 1 กม./ชม.
● ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งใหม่และระบบแอกทีฟแอโรไดนามิกส์ : ระบบกันสะเทือนของ 911 Carrera GTS ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพในขณะที่ใช้ความเร็วสูงและลดรัศมีวงเลี้ยว ปอร์เช่ได้รวมระบบควบคุมช่วงล่าง Porsche Dy-namic Chassis Control (PDCC) เข้ากับระบบไฟฟ้าแรงสูงของสมรรถนะไฮบริด ซึ่งช่วยให้สามารถใช้ระบบควบคุมไฟฟ้า-ไฮดรอลิกได้ (electro-hydraulic) ซึ่งทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและแม่นยำยิ่งขึ้น ในส่วนของระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตพร้อมระบบปรับความยืดหยุ่นของโช้คอัพ (PASM) และการลดความสูงห้องโดยสารลง 10 มิลลิเมตร ส่งผลให้การควบคุม GTS มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-06.jpg)
● ล้อแม็กมีให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ ขนาด 19/20 นิ้ว หรือ 20/21 นิ้ว สำหรับ 911 รุ่นใหม่ เป็นครั้งแรกที่รุ่น 911 Carrera มีล้อดีไซน์พิเศษ ที่เป็นก้านล้อคาร์บอน ช่วยในการลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน และเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่รถคันนี้ สำหรับ 911 Carrera GTS จะมาพร้อมกับล้อแม็กซ์ขนาด 21 นิ้ว หน้ากว้าง 11.5 นิ้ว และยางหลังขนาด 315/30 ZR 21 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนยางหน้าขนาด 245/35 ZR 20 บนล้อขนาด 8.5 นิ้ว กว้าง 20 นิ้ว เพื่อให้รองรับกับสมรรถนะที่มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งหน้ายางที่กว้างขึ้นของล้อหลัง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และการยึดเกาะถนนให้กับ 911 Carrera GTS รุ่นใหม่
● ภายนอกเฉี่ยว เร้าใจ : ปอร์เช่ปรับดีไซน์ภายนอกของ 911 ให้โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ด้วยการปรับแต่งที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์และสมรรถนะของรถสปอร์ต ทั้งการปรับเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ที่ออกแบบเฉพาะรุ่น นับเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ (Porsche) ได้รวมฟังก์ชั่นระบบไฟหน้าทั้งหมดเข้ากับไฟหน้าเมทริกซ์ LED มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของปอร์เช่ 911 พร้อมด้วยกราฟิก 4 จุดอันเป็นเอกลักษณ์ การออกแบบนี้ช่วยให้สามารถตัดระบบไฟหน้ารถออกไป และเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ที่ด้านหน้ารถแทนได้
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-07.jpg)
● สำหรับ 911 Carrera GTS ด้านหน้ารถจะมีช่องระบายความร้อนแบบแอคทีฟที่จัดวางในแนวตั้ง 5 ช่อง ซึ่งมองเห็นได้จากภายนอก และมีช่องลมที่ซ่อนอยู่ในแต่ละด้าน นับเป็นครั้งแรกใน Porsche 911 ที่มีการติดตั้งระบบดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าแบบปรับอากาศได้ที่ใต้ท้องรถ ซึ่งทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อน ช่องระบายอากาศเหล่านี้จะควบคุมการไหลเวียนของอากาศตามต้องการ เมื่อต้องการกำลังน้อย ช่องระบายอากาศที่ปิดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ เมื่อต้องการกำลังเครื่องยนต์สูง ตัวอย่างเช่น ในสนามแข่ง ช่องระบายอากาศจะช่วยส่งลมจำนวนมากไปยังหม้อน้ำของรถ ส่วนเซ็นเซอร์สำหรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ จะถูกติดตั้งอยู่ใต้ป้ายทะเบียน
● นอกจากนี้ ปอร์เช่ยังนำเสนอออฟชั่นไฟหน้าแบบใหม่ พร้อมฟังก์ชั่น HD matrix LED ซึ่งมีหลอดไฟมากกว่า 32,000 จุด เมื่อใช้ไฟสูงสามารถส่องสว่างไปบนถนนได้ไกลกว่า 600 เมตร นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นเสริมสุดล้ำอย่าง ไฟโค้งตามการหักเลี้ยว ที่ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่, ไฟส่องสว่างช่องทางเดินรถ, ไฟส่องสว่างบริเวณถนนที่กำลังก่อสร้างและช่องทางคอขวด รวมถึงระบบไฟสูงที่แม่นยำและมีความละเอียดถึงระดับพิกเซล
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-08.jpg)
● ด้านท้ายของ 911 โดดเด่นด้วย แถบไฟท้ายดีไซน์ใหม่พร้อมส่วนโค้งและโลโก้ “PORSCHE” ซึ่งช่วยให้ด้านท้ายของรถดูลึกและกว้างขึ้น กระจังหลังดีไซน์ใหม่พร้อมครีบฝั่งละ 5 แผ่น เชื่อมต่อกับกระจกหลังสปอยเลอร์แบบพับเก็บได้ ป้ายทะเบียนอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น พร้อมกันชนหลังดีไซน์โฉบเฉี่ยว ระบบท่อไอเสียเฉพาะรุ่นถูกจัดวางอย่างสวยงามผสานเข้ากับครีบดิฟฟิวเซอร์อันโดดเด่น รุ่น 911 Carrera จะมีระบบไอเสียแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์เสริม ส่วนรุ่น 911 Carrera GTS จะมีระบบท่อไอเสีย GTS แบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
● อุปกรณ์เสริมแอโรคิท เพื่อเสริมสมรรถนะของ 911 คูเป้ จะประกอบไปด้วย กันชนหน้า SportDesign ที่โดดเด่นพร้อมสปอยเลอร์หน้าที่ไม่เหมือนใคร แผงข้างตัวรถที่เข้าชุดกัน และสปอยเลอร์หลังแบบติดตายน้ำหนักเบา ชิ้นส่วนเหล่านี้ช่วยลดแรงยกและเพิ่มแรงยึดเกาะของรถสปอร์ตให้ดียิ่งขึ้น
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-09.jpg)
● ห้องโดยสารแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ และระบบเชื่อมต่อสุดล้ำ : สำหรับตัวถังคูเป้ ปอร์เช่ได้ทำการออกแบบภายใน 911 ใหม่ ให้เป็นแบบ 2 ที่นั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังสามารถเลือกที่นั่งแบบ 2+2 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ภายในห้องโดยสาร ปอร์เช่ผสมผสาน DNA การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ 911 เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ แนวคิด Porsche Driver Experience มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของคนขับ การทำงานที่รวดเร็วและใช้งานง่าย ปุ่มควบคุมที่สำคัญได้รับการจัดเรียงไว้โดยตรงบนหรือรอบๆ พวงมาลัย ซึ่งรวมถึงสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ และคันโยกควบคุมการช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และเป็นครั้งแรกใน 911 ที่มีปุ่มสตาร์ททางด้านขวาของพวงมาลัย ภายในช่องเก็บของคอนโซลกลางของ 911 รุ่นใหม่ ยังมีฟังก์ชั่นการชาร์จแบบไร้สาย พร้อมช่องแอร์ระบายความร้อนสำหรับสมาร์ทโฟน
● นับเป็นครั้งแรกที่ 911 มาพร้อมกับแผงหน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบ หน้าจอโค้งขนาด 12.6 นิ้ว ถูกออกแบบมาได้อย่างลงตัว ทั้งยังสามารถปรับแต่งได้ โดยมีหน้าจอให้เลือกถึง 7 แบบ รวมถึงหน้าจอ Classic แบบพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมาตรวัด 5 ช่องทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่พร้อมมาตรวัดความเร็วตรงกลาง
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-10.jpg)
● ระบบ Porsche Communication Management (PCM) ยังคงทำงานผ่านจอแสดงผลส่วนกลางที่มีความละเอียดสูงด้วยขนาดหน้าจอ 10.9 นิ้ว ความสามารถในการปรับแต่งโหมดการขับขี่และการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก โดย 911 รุ่นที่ได้รับการปรับปรุงนี้จะมีฟีเจอร์การเชื่อมต่อใหม่ๆ อย่าง รหัส QR ช่วยให้การเข้าสู่ระบบ PCM ด้วยรหัส Porsche ID ง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมถึง Apple CarPlay® ผสานรวมเข้ากับรถยนต์ได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น เมื่อต้องการใช้งาน ระบบจะแสดงข้อมูลบนแผงหน้าปัดและเปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของรถยนต์ได้โดยตรง เชื่อมต่อกับระบบของ Apple® เช่น ผ่านทางระบบสั่งงานด้วยเสียงของ Siri® และเป็นครั้งแรกที่สามารถเลือกรับชมวิดีโอสตรีมมิ่งขณะจอดรถได้ ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถใช้แอปพลิเคชัน เช่น Spotify® และ Apple Music® บนจอ PCM ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
● พร้อมให้สั่งซื้อได้แล้วในราคาตั้งแต่ 11.9 ล้านบาท : 911 Carrera รุ่นใหม่ สามารถสั่งซื้อได้แล้วในรูปแบบตัวถัง Coupé และ Cabriolet พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง รวมถึงรุ่น 911 Carrera GTS มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและตัวถังแบบ Targa ที่มีเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ทั้ง 2 รุ่นนี้จะมาพร้อมการติดตั้งระบบ Porsche Doppelkupplung (PDK) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
● ปอร์เช่นำเสนอ The new 911 Carrera Coupé ในราคาเริ่มต้นที่ 11.9 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอุปกรณ์เฉพาะประเทศ ส่วน 911 Carrera GTS Coupé ราคาจะเริ่มต้นที่ 17.4 ล้านบาท และราคาชุดแต่งแอโรคิทเสริมสำหรับ 911 Carrera GTS อยู่ที่ 300,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอุปกรณ์เฉพาะประเทศ
![](https://motortrivia.com/wp-content/uploads/2024/07/porsche-911-carrera-gts-t-hybrid-2024-11.jpg)
เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป
● ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ โดยได้รับการแต่งตั้ง จากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขาย ให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย
● เอเอเอส กรุ๊ปฯ ทุ่มงบการอบรมบุคลากรให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถ และคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี
● ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 4 แห่ง คือ Porsche Centre Bangkok , Porsche Centre Pattanakarn, Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 ,Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 และขยายเพิ่มอีก 3 แห่งในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ศูนย์ปอร์เช่ กัลปพฤกษ์, ศูนย์ปอร์เช่ บางนา และศูนย์ปอร์เช่ พัทยา ●