September 26, 2016
Motortrivia Team (10196 articles)

กำแพง 1,000 ม้า เมอร์เซเดสก้าวข้ามผ่านมันได้หรือยัง?


Posted by : Fascinator 

 

  นับตั้งแต่ฟอร์มูล่าวันได้แนะนำให้รู้จักกับ เครื่องยนต์เทอร์โบไฮบริด ตัวใหม่ในปี 2014 มันถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสียๆ หายๆ มากมาย หลักๆ อยู่ที่เรื่องของเสียงอันทื่อไร้ซึ่งพลัง และการบีบการใช้ปริมาณน้ำมันซึ่งทำให้มันดูจะกลายเป็นการแข่งประหยัดเชื้อเพลิงไป แต่สิ่งหนึ่งที่เครื่องยนต์ตัวนี้ตอบโจทย์และทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีคือ “แรงม้า”

  ก่อนเปิดฤดูกาลเมอร์เซเดสออกมาเคลมว่า เครื่องยนต์ของพวกเขานั้นสามารถรีดแรงม้าได้เกินกว่า 900 แรงม้า แล้ว ทำให้มันมีแรงม้าสูงกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร V8 NA ที่ฟอร์มูล่าวันเคยใช้ในระหว่างปี 2006 – 2013 นอกจากนั้นมันยังสามารถสร้างค่าประสิทธิภาพทางความร้อนได้สูงถึง 45 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นประสิทธิภาพที่เครื่องยนต์น้อยเครื่องบนโลกนี้จะเอื้อมถึง คำถามมีอยู่ว่า ในระหว่างฤดูกาลที่พวกเขาอัพเกรดเครื่องยนต์มาเรื่อยๆ พวกเขาได้ก้าวข้ามไปยังตัวเลขหลักที่ 4 หรือ 1,000 แรงม้า แล้วหรือยัง?

  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาคำตอบ แน่นอนว่าทีมเทคนิคด้านเครื่องยนต์ของเมอร์เซเดสนำโดย แอนดี้ โคเวล (Andy Cowell) ย่อมปิดปากเงียบไม่กล่าวถึงรายละเอียดที่อาจจะทำให้คู่แข่งสามารถไล่ตามพวกเขาขึ้นมาได้ ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาแอบสืบราชการลับให้กับเราเสียหน่อย


Andy Cowell


  ผู้ผลิตรายหนึ่งซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับฟอร์มูล่าวันได้ลองดำเนินการเก็บข้อมูลจากการแข่งขันเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของเครื่องยนต์เวอร์ชันปัจจุบัน โดยการใช้การวิเคราะห์เสียงเปรียบเทียบกับการคำนวณประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และค่าพลังการบูสต์ทางไฟฟ้า พวกเขาพบว่า นับจากการอัพเกรดเครื่องยนต์ที่สปา เมอร์เซเดสสามารถสร้างแรงม้าได้ถึง 980 แรงม้า!

  แต่… นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดที่พวกเขาค้นพบ!!

  ในระหว่างการควอลิฟายที่สิงคโปร์ ทางผู้เชี่ยวชาญบุคคลที่ 3 ได้ลองทำการทดสอบแบบเดิม ผลที่ได้นั้นน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาพบว่า เมอร์เซเดสนั้นสามารถรีดแรงม้าได้แตะๆ ถึง 1,000 แรงม้า เป็นระยะเวลา 50 วินาที ซึ่งนี่ก็คือ “ปุ่มเวทมนต์” หรือ “Magic Button” ที่ทีมงานมักจะวอบอกให้นักแข่งใช้ในบางโอกาสนั่นเอง

  เจ้าปุ่มเวทมนต์ตัวนี้จะทำการปรับจูนแมพเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์สามารถรีดแรงม้าออกมาได้อีก 80 แรงม้า ในระยะเวลา 50 วินาที ลองเปรียบเทียบกับวิลเลียมส์ซึ่งเป็นทีมลูกค้าของเมอร์เซเดส วิลเลียมส์นั้นไม่มีปุ่มเวทมนต์เหมือนกับทีมโรงงาน และนั่นทำให้ทีมแข่งจากฐานกรูฟเวลาหายไปประมาณ 0.3 วินาที ในการควอลิฟาย เฉพาะจากปุ่มเวทมนต์ตัวนี้

  980 แรงม้า ที่เมอร์เซเดสผลิตได้นี้ มาจากระบบ ERS, MGU-K และ MGU-H ซึ่งรีดแรงม้าออกมาได้ประมาณ 160 แรงม้า นั่นหมายความว่าเฉพาะเครื่องยนต์ของเมอร์เซเดสก็รีดแรงม้าออกมาได้ถึง 820 แรงม้าแล้ว นั่นน่าตื่นตะลึงมากเมื่อคิดว่านี่คือเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่ถูกจำกัดอัตราการไหลของน้ำมันที่ 100 กิโลกรัม/ชั่วโมง ที่ระดับ 10,500 รอบ/นาที แถมยังถูกจำกัดวัสดุที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นอีกเสียด้วย

  ถ้าเราเอา 80 แรงม้า พิเศษนี้ออกไป เมอร์เซเดสจะสร้างแรงม้าได้ราวๆ 740 แรงม้า ในระหว่างการแข่งขัน นั่นไม่ใช่ตัวเลขที่เหนือกว่าเฟอร์รารีเสียเท่าไหร่ อาจจะประมาณ 20 แรงม้า ที่ม้าในคอกสีแดงน้อยกว่าม้าในคอกสีเงิน ในขณะที่เรโนลต์อาจจะห่างออกไปสักหน่อย ซึ่ง คริสเตียน ฮอร์เนอร์ (Christian Horner) เคยออกมากล่าวว่าเรโนลต์ตามเมอร์เซเดสอยู่ราวๆ 47 แรงม้า ส่วนฮอนด้านั้นมีแรงม้าที่ห่างออกไปจากเรโนลต์อีกพอสมควร

  ฉะนั้นสิ่งที่แตกต่างระหว่างเมอร์เซเดสกับอีก 4 ค่าย ที่เหลือที่ชัดเจนคือ เมอร์เซเดสสามารถเรียกแรงม้าออกมาใช้ได้บ่อยครั้งและนานกว่าในสถานการณ์ที่จำเป็น ยกตัวอย่างเช่นการรีสตาร์ทหลังเซฟตี้คาร์ที่สิงคโปร์ในรอบที่ 3 นิโค รอสเบิร์ก สามารถชิ่งหนีออกไปจากระยะ DRS ได้ ก่อนที่เขาจะปรับโหมดเครื่องยนต์และรักษาระยะห่างไว้กับ แดเนียล ริคคิอาร์โด

  เฟอร์รารีเองก็สามารถขึ้นมาต่อกรกับเมอร์เซเดสได้บ่อยครั้งในระหว่างการแข่งขัน แต่มันกลับเป็นหนังคนละม้วนเมื่อมาอยู่ในระหว่างการควอลิฟาย ทางค่ายม้าลำพองเองก็ได้พยายามพัฒนาศักยภาพเครื่องยนต์ในจุดนี้อย่างหนัก อย่างในปีที่ผ่านมาพวกเขาใช้วิธีกักน้ำมันที่ไหลผ่านตัววัดอัตราการไหลไปแล้ว ทำให้พวกเขาสามารถเรียกแรงม้าเพิ่มได้จากน้ำมันที่กักไว้เมื่อจำเป็น แต่สิ่งนี้ก็ถูกเอฟไอเอปิดกฎไปเรียบร้อย ทำให้พวกเขาต้องไปหาทางออกทางอื่นแทน

  แล้วถ้าถามว่าค่ายผู้ผลิตอื่นมีโอกาสที่จะสร้างแรงม้าได้ถึงระดับ 1,000 แรงม้า บ้างหรือไม่ อันดับแรกค่ายเหล่านี้ต้องกลับไปแก้ปัญหาเรื่องความเสถียรของเครื่องยนต์ให้เคลียร์เสียก่อน ซึ่งความเสถียรก็เป็นอีกสิ่งที่เมอร์เซเดสเหนือชั้นกว่าค่ายอื่นเช่นกัน   •


ที่มา :
•  www.motorsport.com.