2018 Mazda Flair Wagon เตรียมจำหน่ายในญี่ปุ่นต้นปีหน้า

885views

Posted by : AREA 54

● มาสด้าเตรียมทำตลาด K-Car ในญี่ปุ่นด้วย Mazda Flair Wagon รุ่นใหม่ 2 รุ่น โดยยังคงใช้วิธีรีแบดจ์รถจากซูซูกิเช่นเดิม การจำหน่ายจะแยกเป็น 2 เกรดใหญ่ๆ ตามการตกแต่ง ประกอบด้วย Mazda Flair Wagon รุ่นพื้นฐาน และ Mazda Flair Wagon Custom Style ที่ตกแต่งออกมาได้น่าสนใจ (สำหรับคนส่วนใหญ่) กว่ามาก

● เดิมที Mazda Flair Wagon รีแบดจ์มาจาก Suzuki Palette โดยทางซูซูกิได้เปิดตัว Palette ในปี 2008 จากนั้นมาสด้าจึงขอรีแบดจ์ออกมาทำตลาดบ้างในชื่อ Flair Wagon ช่วงปี 2012 ส่วนรุ่นปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปใช้พื้นฐานของ Suzuki Spacia แทน เนื่องจากซูซูกิได้ตัดสินใจใช้ Spacia ทำตลาดแทนที่ Palette ตั้งแต่ช่วงปี 2013 เป็นต้นมา

● Flair Wagon รุ่นพื้นฐานสัดส่วนยังคงมีความโค้งมนตามขนบของ K-Car น่ารักๆ (ผู้แปลคิดว่ามันสวยกว่ามาก) ในขณะที่ Flair Wagon Custom Style จะเน้นการตกแต่งในสไตล์ MPV หรูแบบย่อส่วน ซึ่งน่าจะถูกใจคนส่วนใหญ่มากกว่า ด้านหน้าออกแบบใหม่ทั้งหมดไล่ไปตั้งแต่ชุดไฟ กระจังหน้า กรอบไฟตัดหมอก กันชน ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยวัสดุโครเมียม และมีชุดแอร์โรพาร์ทเฉพาะตัวให้รอบคันครบทุกส่วน

● ชุดระบบความปลอดภัยนับว่าครบสำหรับรถเล็ก อาทิ ระบบ Forward Collision Warning ส่งสัญญาณเตือนในกรณีที่อาจเกิดการชนทางด้านหน้า พร้อมชาร์จแรงเบรคเตรียมเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน, ระบบ Lane Departure Warning System ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ, ระบบ High Beam Assist ช่วยปรับระดับไฟสูง-ไฟต่ำอัตโนมัติ และมีการใช้เทคโนโลยีกล้องจับภาพ 3 มิติแบบ high-def หรือ stereo camera ที่ใช้ชื่อว่าระบบ Dual Camera Brake Support (DCBS) ช่วยในการตรวจจับวัตถุทางด้านหน้ารถตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ด้วยกันเอง หรือคนเดินถนน พร้อมส่งสัญญาณเตือนและช่วยเบรคในกรณีที่ผู้ขับตอบสนองต่อสถานการณ์นั้นๆ ได้ไม่ทันท่วงที

● รุ่นเครื่องยนต์แน่นอนว่าต้องเป็นเครื่องยนต์เบนซินความจุ 660 ซีซี. ตามกฏหมาย รุ่นพื้นฐานมากับกำลังสูงสุด 52 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 6.1 กก.-ม. รุ่นท๊อปเพิ่มความกระฉับกระเฉงให้ด้วยเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 64 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 9.9 กก.-ม. ระบบส่งกำลังเป็นแบบเดียวกันคือ CVT รุ่นใหม่ ระบบขับเคลื่อนในรุ่นพื้นฐานเป็นแบบขับ 2 ล้อหน้า และมีรุ่น all-wheel drive ให้สำหรับการใช้งานบนถนนเปียกลื่นหรือมีหิมะปกคลุม

● ทั้งคู่ถูกเซ็ทอัพมาในแบบไฮบริด เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเอาท์พุท 2 กิโลวัทท์ หรือเทียบเท่า 3 แรงม้า และมีแรงบิดแถมให้อีก 5 กก.-ม. ระดับการใช้เพลิงสมตัว 30 กม./ลิตร โดยประมาณ ตามมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่น

● ราคาจำหน่ายรุ่นพื้นฐานเริ่มต้นที่ 1,333,800 เยน หรือประมาณ 3.9 แสนบาท ส่วนรุ่นท๊อปจบที่ 1,908,360 เยน หรือราว 5.6 แสนบาทเท่านั้น… เห็นราคากับสเปคแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจครับ ●