Porsche 911 GT3 RS เซ็ทเวลาใหม่ที่ลูป Green Hell

Press Release

●   วันที่ 16 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา คืออีกหนึ่งวันที่ประวัติศาสตร์แห่งโลกความเร็วต้องจดจำ เมื่อ Porsche 911 GT3 RS รถสปอร์ตจากสายการผลิตปกติที่ลงวิ่งทดสอบใน Nürburgring ฝั่งเหนือ (Nordschleife) ประเทศเยอรมนี ภายใต้การขับของ Kévin Estre นักแข่งสังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ สามารถทำเวลาต่อรอบได้ภายในระยะเวลาเพียง 6:56.4 นาที

●   ด้วยพละกำลังกว่า 520 แรงม้าของ GT3 RS นักขับฝรั่งเศสสามารถทำเวลาได้รวดเร็วกว่าสถิติที่ดีที่สุดที่เคยทำได้จาก GT3 RS รุ่นก่อนหน้าถึง 24 วินาที จากผลงานการขับร่วมกันของ 2 นักแข่งมือดี ประกอบด้วยนักขับทดสอบของโรงงานปอร์เช่ Lars Kern และ Estre ทำให้ GT3 RS รุ่นล่าสุด ทำสถิติเวลาต่อรอบได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง และนับเป็นรถสปอร์ตจากสายการผลิตปกติลำดับที่ 3 ต่อจาก Porsche 918 Spyder และ Porsche 911 GT2 RS ที่สามารถทำเวลาต่อรอบได้ต่ำกว่า 7 นาที บนสนามระดับตำนานอันเป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าบรรดาสาวกผู้บูชาความแรงรู้จักกันดี ในเส้นทางสุดหฤโหดนามว่า ‘Green Hell’ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หลักสำหรับการขับเพื่อทำสถิติ โดยมีระยะทางต่อรอบที่ 20.6 กิโลเมตร

●   Frank Steffen Walliser รองประธานกรรมการ ผู้ดูแลรับผิดชอบส่วนงาน Motorsport และ GT Cars ของปอร์เช่ แสดงความคิดเห็นว่า “ไม่มีปอร์เช่รุ่นไหนที่จะมีความใกล้เคียงกับรถแข่งสายพันธุ์แท้ได้เท่ากับ GT3 RS ใหม่ นวัตกรรมการสร้างสรรค์ที่กำเนิดขึ้นจากวงการกีฬาความเร็วระดับโลกได้รับการถ่ายทอดมายังรถสปอร์ต ทุกคัน ของเราอย่างเต็มเปี่ยม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ Porsche 911 GT3 R ซึ่งถูกสร้างขึ้น ด้วยหลักปรัชญาในการพัฒนายนตรกรรมสายพันธุ์ GT นั่นคือ ความล้ำเลิศแห่งเทคโนโลยียานยนต์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยมนต์เสน่ห์ และสนองตอบต่อการใช้งานได้อย่างแท้จริง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น Nordschleife คือสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทดสอบแนวความคิดดังกล่าวของเรา”

●   Andreas Preuninger ผู้อำนวยการส่วนงาน GT Model Line กล่าวเสริมว่า “การวิ่งรอบสนามทั้ง 4 รอบของนักขับทั้งคู่นั้น ล้วนแล้วแต่ทำเวลาได้ต่ำกว่า 7 นาที และแตกต่างกันไม่เกิน 10 วินาที นี่คือการพิสูจน์ให้เห็นว่า Porsche GT3 RS ไม่ได้มีเพียงความโดดเด่นจากพละกำลังมหาศาล แต่ยังเต็มไปด้วยศักยภาพในการขับขี่ที่สามารถ ใช้สมรรถนะของตัวรถจนถึงขีดสุดได้อย่างไร้ข้อจำกัด ส่วนประกอบทุกชิ้นทำงานร่วมกับขุมพลังเครื่องยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบส่งผลต่อประสิทธิภาพของตัวรถ ในส่วนของนักแข่งนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่า พวกเขาทั้งคู่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนนับพันของตัวรถและรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดให้ออกมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งหมดนี้คือความแข็งแกร่งที่ไร้คู่ต่อกรของ GT3 RS และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง คือการได้เห็นว่า Lars และ Kévin สนุกสนานเพียงใดเมื่อได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถคันนี้”

●   Kévin Estre นักแข่งวัย 29 ปี ลงทำการขับขี่ในรอบแรกเมื่อเวลา 11:40 น. ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม อุณหภูมิอากาศ 14 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิพื้นผิวสนาม 18 องศาเซลเซียส “การขับในรอบนี้คือประสบการณ์ที่ดี สำหรับผม” เขากล่าวหลังจากการขับ “ทุกทางโค้งที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเบรกที่อยู่ภายใต้การควบคุม ไม่น่าเชื่อว่า GT3 RS ให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับรถแข่ง GT3 R เอามากๆ ต้องยกประโยชน์ส่วนหนึ่งให้กับยางรุ่นใหม่ที่ช่วยให้รถคันนี้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นไปอีกขั้น ผมชื่นชอบเครื่องยนต์ของ GT3 RS ในขณะที่รอบเครื่องพุ่งขึ้นไปเกินกว่า 9,000 รอบต่อนาที ขุมพลัง 6 สูบลูกนี้ให้ความรู้สึกที่มหัศจรรย์จริงๆ สุ้มเสียงของมันสะกดให้ผมตกอยู่ในความฝัน ทั้งหมดนั้นมาพร้อมกับแรงบิดระดับมหาศาล”

●   ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา Kévin Estre ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักขับสังกัดโรงงานปอร์เช่ เขาลงแข่งขันด้วยรถแข่ง Porsche 911 RSR ในรายการ FIA World Endurance Championship (WEC) รวมทั้งรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง และเข้าร่วมการแข่งขันรายการ ADAC GT Masters ด้วยรถแข่ง Porsche GT3 R

●   การวิ่งในสนาม Nürburgring ครั้งนี้ Porsche 911 GT3 RS ได้รับการติดตั้งยาง Michelin Pilot Sport รุ่นล่าสุด ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับการขับทั้งในสนามและบนถนนสาธารณะ ทั้งนี้ยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 R ได้รับการอนุญาตให้วางจำหน่ายเฉพาะในภูมิภาคยุโรปผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือศูนย์บริการยางรถยนต์ที่ได้รับการคัดเลือกเท่านั้น รวมทั้งเป็นยางรถยนต์ที่แนะนำให้ใช้งานกับ Porsche 911 GT3 RS และ Porsche 911 GT2 RS

●   Porsche 911 GT3 RS พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของโครงสร้างตัวถังที่ใช้ในรถแข่งความเร็วสูง เครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบ 4.0 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 520 แรงม้า เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show เมื่อเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมา มันมีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียง 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 312 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 7.81 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียเพียง 291 กรัมต่อกิโลเมตร

●   สำหรับแฟนๆ ในประเทศไทย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ AAS Auto Service ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ หรือ Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655, Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการ โทร. 02-369-1111 และ Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911   ●