November 9, 2018
Motortrivia Team (10019 articles)

2019 Mitsubishi Triton เปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหญ่แบบเวิลด์พรีเมียร์ในไทย

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

 

●   มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป เปิดตัวรถปิคอัพรุ่นสำคัญ Mitsubishi Triton รุ่นปรับโฉมใหญ่ไมเนอร์เชนจ์ เป็นไฮไลท์ส่งท้ายปี 2561 โดยการเปิดตัวในวันนี้นับเป็นการเผยโฉมแบบเวิล์พรีเมียร์เพื่อโปรโมทเวอร์ชั่นตลาดโลก (หรือ Mitsubishi L200) ด้วย ตัวรถยังอยู่บนพื้นฐานของ Triton เจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่ทำตลาดมาตั้งแต่ช่วงปี 2015 ทว่ามากับภาพลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งการปรับโฉมครั้งใหญ่นี้ นับเป็นการฉลองครบรอบ 40 ปีในการผลิตปิคอัพ ของมิตซูบิชิด้วยนั่นเอง


มร. โอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น


●   ภายในงานวันนี้ มร. โอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “Mitsubishi Triton หรือ L200 เป็นหนึ่งในยานยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกที่สำคัญยิ่ง และความสำเร็จของมิตซูบิชิ ไทรทัน มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น”

●   “ทั้งนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ได้รับการพัฒนาต่อยอดสมรรถนะและความแข็งแกร่งที่ไว้ใจได้ รวมถึงความสะดวกสบายในการขับ ซึ่งเป็นจุดเด่นของรถกระบะมิตซูบิชิมาตลอดระยะเวลา 40 ปี ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า Mitsubishi Triton หรือ Mitsubishi L200 ใหม่นี้ จะสามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี”


มร. สึเนะฮิโระ คุนิโมโตะ, Corporate Vice President of Design, Mitsubishi Motors Corporation


●   Mitsubishi Triton ใหม่ ได้รับการปรับภาพลักษณ์ใหม่ตลอดคันด้วยกระจังหน้าใหม่สไตล์ Dynamic Shield ซึ่งเราคุ้นตากันดีจากงานออกแบบที่ใช้ใน Mitsubishi Pajero Sport นั่นเอง ชุดไฟหน้าเลนส์โปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED ถูกยกตำแหน่งให้มีมุมมองที่สูงขึ้น ซ้อนด้วยชุดไฟ LED Daytime Running Lights สำหรับวิ่งกลางวัน ด้านล่างรองรับด้วยกรอบไฟตัดหมอกใหม่ โดยมีระบบเปิด/ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และระบบปรับระดับไฟหน้าสูง/ต่ำอัตโนมัติให้ใช้งาน

●   ด้านข้างยังคงเป็นซุ้มล้อขนาดใหญ่ เด่นด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมบันไดข้างใหม่ ส่วนด้านหลังมีการออกแบบชุดไฟท้ายและกันชนใหม่หมด ไล่ไปตั้งแต่ฝากระบะท้ายที่มาพร้อมสปอยเลอร์ (หรือมือจับในบางรุ่น), ไฟท้าย, ชุดไฟเบรค LED, ชุดไฟ LED Light Guiding และกันชนท้าย

●   อย่างไรก็ตาม รุ่นตัวถังสีแดงที่เราเห็นในวันนี้ คือเวอร์ชั่นตลาดโลกหรือ L200 ครับ ส่วนรุ่นสีเงินจะเป็นรุ่นที่มิตซูบิชิใช้ทำตลาดในบ้านเรา


มร. โคอิจิ นามิกิ, Program Director, Mitsubishi Motors Corporation


●   สำหรับชุดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีให้เลือกทั้งแบบ Super-Select 4WD II และ Easy-Select 4WD ซึ่งผู้ขับสามารถเลือก/ปรับโหมดการขับได้แบบง่ายๆ โดยมิตซูบิชิระบุว่าทั้งระบบ Super-Select 4WD II และ Easy-Select 4WD จะมีการปรับปรุงใหม่ ให้สามารถรองรับการขับได้ดียิ่งขึ้นในทุกสภาพเส้นทาง ซึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเพิ่มโหมดใหม่สำหรับการใช้งานในแบบออฟ-โรด ได้แก่โหมด Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock (4LLc ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ) พร้อมด้วย Center Differential Lock แบบไฟฟ้า ช่วยล็อคเฟืองท้ายเพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังให้มีการหมุนเท่ากันตลอดเวลา

●   การทำงานในโหมดนี้ ระบบจะควบคุมกำลังของเครื่องยนต์, การทำงานของระบบส่งกำลัง รวมถึงการควบคุมเบรค และการกระจายแรงบิดไปยังล้ออย่างเหมาะสม โดยที่ผู้ขับสามารถมุ่งสมาธิไปที่การควบคุมพวงมาลัยตามเส้นทางที่ทุรกันดารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ช่วงล่างของ Triton ใหม่จะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย อาทิ ชุดดิสค์เบรคที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และช๊อคฯ หลังขนาดใหญ่ขึ้น

●   ทั้งนี้ระบบ Super Select 4WD II จะมีตัวเลือกการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ ประกอบด้วย 2H ขับเคลื่อน 2 ล้อบนถนนปกติ, ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H บนถนนที่เปียกลื่น เช่นฝนตก, 4HLC สำหรับเส้นทางขรุขระที่ยังคงใช้ความเร็วได้ และ 4LLC สำหรับเส้นทางทุรกันดารที่ใช้ความเร็วต่ำ

●   ชุดระบบความปลอดภัยใหม่ ประกอบด้วย ระบบ Blind Spot Warning with Lane Change Assist สัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Forward Collision Mitigation System เตือนการชนด้านหน้าตรง อาศัยการทำงานของเรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า, ระบบ Ultrasonic misacceleration Mitigation System ช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวขณะเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง D หรือ R ทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน

●   ต่อด้วยระบบ Rear Cross Traffic Alert เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด, ระบบ Multi Around Monitor ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านจอส่วนกลาง ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นภาพรอบตัวรถ, ระบบ Automatic High-Bea ปรับระดับไฟสูง/ต่ำ อัตโนมัติ, ระบบ Auto Lighting ON – OFF เปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าแสงสว่างจากภายนอกไม่เพียงพอ, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน

●   ปิดท้ายด้วยระบบพื้นฐาน เบรค ABS พร้อม EBD และ BA และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง คู่หน้า, ด้านข้าง, บริเวณหัวเข่าด้านผู้ขับ และม่านถุงลมนิรภัย ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ

●   ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่รายรายการ ไล่ไปตั้งแต่พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อม Paddle Shift, มีระบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง, ครูสคอนโทรลควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, มาตรวัดหลังวงพวงมาลัยใหม่, จอแสดงข้อมูลการขับแบบสี พร้อม 3D Animation, แผงแดชบอร์ดใหม่ทั้งชุด, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone, ช่องแอร์ด้านหน้าใหม่, คอนโซลกลางใหม่, ช่องแอร์พร้อมชุดควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลังใหม่, เบาะหนังใหม่, เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และผู้ขับจะสะดวกด้วยปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจอัจฉริยะ KOS

●   นอกจากนี้ บริเวณคอนโซลหน้ายังมีช่องจ่ายไฟกระแสตรง 12 โวลท์, พอร์ท USB ที่คอนโซลหน้า, พอร์ท USB 2 ตำแหน่งที่คอนโซลกลาง และฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth แบบ A2DP

●   ด้านพละกำลัง Triton จะมากับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมฟังก์ชั่น MIVEC (Mitsubishi Innovation Valve Timing Electronic Control) ควบคุมการเปิด/ปิดวาล์วไอดีแปรผัน ทำงานสอดคล้องกับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเลคทรอนิคส์ คอมมอนเรล ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะใหม่ พร้อม Sport Mode หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. เริ่มที่ 2,500 รอบ/นาที

●   รุ่นย่อยหลักๆ จะยังคงมีให้เลือก 3 กลุ่มใหญ่เช่นเคย ประกอบด้วยรุ่นตัวถัง Double Cab, Mega Cab และ Single Cab สีภายนอกมี 5 สี ได้แก่ขาว White Daimond, เงิน Sterling Silver, เทา Graphite Gray, ดำ Jet Black Mica และสีส้ม Sunflare Orange (รุ่น Single Cab เลือกได้ 2 สีระหว่าง ขาว Solid White หรือเงิน Sterling Silver)

●   สำหรับใครที่รอของแต่งจากโรงงาน Triton ใหม่จะมีออปชั่นตกแต่งเพิ่มเติม อาทิ แผงอะครีลิคกันแมลงบนฝากระโปรงหน้า, คิ้วกันสาดด้านข้าง, ชุดล๊อคยางอะไหล่แบบชุบโครเมียมกันสนิม, ฝาครอบบันไดแสตนเลส, ชุดพรมยางปูพื้นแบบเรียบ, ชุดพรมยางปูพื้นแบบมีขอบ และชุดพรมปูพื้นที่ผลิตจากพรมคุณภาพพิเศษ ทำความสะอาดง่าย

●   หลังจากการเปิดตัวแบบโกลบอลในวันนี้ มิตซูบิชิจะเริ่มจำหน่าย Triton ใหม่ในไทยตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป หลังจากนั้นจึงจะเป็นคิวของตลาดโลก เริ่มที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, โอเชียเนีย, ตะวันออกกลาง, ยุโรป, แอฟริกา และละตินอเมริกา ซึ่งจะครอบคลุมกว่า 150 ประเทศทั่วโลก

อัพเดท : ราคาจำหน่าย

01 – 2.5 5MT Single cab 2WD GL ราคา 524,000 บาท (โฉมเดิม)
02 – 2.4 6MT Single cab 4WD GL ราคา 654,000 บาท
03 – 2.5 5MT Mega cab 2WD GL ราคา 579,000 บาท (โฉมเดิม)
04 – 2.5 5MT Mega cab 2WD GLX ราคา 621,000 บาท (โฉมเดิม)
05 – 2.5 5MT Double cab 2WD GLX ราคา 672,000 บาท (โฉมเดิม)
06 – 2.4 6MT Mega cab 2WD Plus GLX ราคา 689,000 บาท
07 – 2.4 6MT Mega cab 2WD Plus GLS ราคา 729,000 บาท
08 – 2.4 6MT Mega cab 2WD Plus GT ราคา 776,000 บาท
09 – 2.4 6AT Mega cab 2WD Plus GT ราคา 826,000 บาท
10 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GLX ราคา 779,000 บาท
11 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GLS ราคา 819,000 บาท
12 – 2.4 6AT Double cab 2WD Plus GLS ราคา 882,000 บาท
13 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GT ราคา 873,000 บาท
14 – 2.4 6AT Double cab 2WD Plus GT ราคา 923,000 บาท
15 – 2.4 6MT Double cab 2WD Plus GT-P ราคา 930,000 บาท
16 – 2.4 6AT Double cab 2WD Plus GT-P ราคา 983,000 บาท
17 – 2.4 6MT Double cab 4WD GLS ราคา 935,000 บาท
18 – 2.4 6MT Double cab 4WD GT-P ราคา 1,041,000 บาท
19 – 2.4 6AT Double cab 4WD GT-P ราคา 1,099,000 บาท

●   และแน่นอนว่าฐานการผลิต/ส่งออกหลัก ยังคงเป็นศูนย์การผลิตที่แหลมฉบังของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยครับ… สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th   ●


2019 Mitsubishi Triton/L200 Global Launch


2019 Mitsubishi Triton/L200 : Official