2018 Nissan Teana เปิดตัวรุ่นปรับโฉมแบบ Virtual Reality เป็นครั้งแรกในไทย

2.3Kviews

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

● นิสสัน ประเทศไทย เปิดตัว Nissan Teana รุ่นปรับโฉม พร้อมจัดงานเปิดตัวในแบบเสมือนจริง Virtual Reality Vehicle Launch เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งผู้ที่มี VR Box อยู่แล้วก็สามารถชมวีดิโอแบบ 360 องศาย้อนหลังได้ที่ URL ของ Youtube Nissan Thailand โดยมี คุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานสายงานการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เกียรติบรรยายจุดเด่นของรถ และนอกจากจะมีงานเปิดตัวแบบเสมือนแล้ว นิสสันยังจัดรถคันจริงให้ผู้สื่อข่าวได้เก็บภาพ Teana ใหม่พร้อมๆ กันไปด้วย ณ ศูนย์ฝึกอบรม โรงงานนิสสัน ถนนบางนา-ตราด กม. 22

● มร. อันตวน บาร์เตส (Antoine Barthes) ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดตัวด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะที่ทันสมัยในครั้งนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม พฤติกรรม และความคาดหวังของผู้บริโภคชาวไทยที่มีการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ ทั้งวิดีโอ ภาพถ่าย และการรีวิวต่างๆ ที่มากขึ้น ในขณะที่นิสสันยังคงมุ่งเน้นไปที่ฟีเจอร์ความปลอดภัย และเทคโนโลยี อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ อันถือเป็นแนวทางหลักของเราในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ”

● “ที่นิสสัน เราให้ความสำคัญกับลูกค้า เพราะเป็นหัวใจสำคัญในทุกๆ สิ่งที่เราทำ ผมเชื่อว่าด้วยการออกแบบ ฟีเจอร์ และเทคโนโลยีต่างๆ จากนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ที่ทันสมัยนี้ จะทำให้เทียน่าใหม่สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าของเราได้ดีที่สุด”

(จากขวา) มร. อันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย

● อย่างไรก็ตาม… ใครที่รอ Teana โฉมใหม่แบบ All-New อาจจะผิดหวังสักหน่อย เพราะรุ่นที่เปิดตัวในวันนี้คือ Teana เจนเนอเรชั่น 3 ซึ่งมีการปรับโฉมไปในปี 2015 (ตีตราจำหน่ายเป็นรถรุ่นปี 2016) ถึงกระนั้นตัวรถก็มีการปรับปรุงใหม่ให้รอบคันภายใต้แนวคิด Energetic Flow และเพิ่มเทคโนโลยีติดรถใหม่ๆ ให้หลายรายการ ตัวรถมากับกระจังหน้าใหม่ V-Motion ทรงสปอร์ต, ชุดไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ ทรงบูมเมอแรง ปรับไฟสูง/ต่ำแบบอัตโนมัติ, ไฟ Daytime Running Light สำหรับวิ่งกลางวัน, กระจกมองข้างฝังไฟเลี้ยว LED และซันรูฟระบบ One-Touch พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-Jam โดยตัวกระจกมีการปรับเป็นกระจกนิรภัยที่สามารถกรองแสงแดด และรังสีอัลตราไวโอเลต

● เทียบกับรุ่นก่อนหน้า Teana ใหม่มากับความยาว 4,875 มม. (+25 มม.) กว้าง 1,830 มม. (+35 มม.) สูง 1,485 มม. (+10 มม.) ระยะฐานล้อ 2,775 มม. เท่าเดิม ถังน้ำมันจุ 65 ลิตร ห้องสัมภาระความจุ 488 ลิตร น้ำหนักตัวอยู่ในระหว่าง 1,461 – 1,532 กก. ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย

● ห้องโดยสารตกแต่งใหม่หลายจุด เพิ่มวัสดุตกแต่งสีเงิน ฟังก์ชั่น Remote Engine Start System สามารถเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าได้, ระบบปรับอากาศ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย/ขวา, เบาะ Spinal Support Seat ออกแบบรับสรีระตามแนวกระดูกสันหลัง และรองรับจุดกดทับทั้งหมดโดยใช้แนวคิดมาจากสภาวะไร้น้ำหนักของนักบินอวกาศ ตัวเบาะมีเมมโมรี่จดจำตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง เมื่อใช้งานร่วมกับฟังก์ชั่นสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบ Welcome Seat ของเบาะผู้ขับจะเลื่อนไปยังตำแหน่งที่ตั้งค่าไว้ และจะถอยหลังให้อัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการลงจากรถให้สะดวกขึ้น ในขณะที่เบาะหลังจะมีช่องแอร์แยกส่วนให้

● ผู้ขับสะดวกด้วยจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมจออัจฉริยะใหม่ Intelligent 3D Display ขนาด 4 นิ้วที่ฝังอยู่ในมาตรวัดหลังวงพวงมาลัย ควบคุมได้ผ่านพวงมาลัย ตัวจอแสดงผลแบบ 3D โชว์ฟังก์ชั่น อาทิ ข้อมูลการขับ เช่น ความเร็วเฉลี่ย, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง, ระยะทางในการขับ, รายละเอียดการใช้วิทยุ, การเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพา หรือสมาร์ทโฟน, แสดงสัญญาณเตือนต่างๆ เช่น ประตูปิดไม่สนิท หรือเปิดไฟทิ้งไว้

● นอกจากนี้ จอ Intelligent 3D Display ยังสามารถแสดงสัญลักษณ์การนำทางเป็นลูกศรบอกทางก่อนถึงทางแยก เมื่อเชื่อมต่อกับระบบนำทางส่วนกลางเอาไว้ ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนไปดูเนวิเกเตอร์ส่วนกลางได้ หรือจะให้แสดงผลระบบความปลอดภัย เช่น Lane Departure Warning หรือ Blind Spot Warning ก็ได้ เป็นต้น… นอกจากนี้ชุดเครื่องเสียงยังอัพเกรดเป็นของ BOSE พร้อมระบบ Digital Signal Processing (DSP) และมีชุดลำโพง 9 จุดด้วย

● ชุดระบบความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility หลักๆ ประกอบด้วย ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ ทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. ขึ้นไป, ระบบ Blind Spot Warning ช่วยเตือนจุดอับสายตาในขณะเปลี่ยนเลน, เทคโนโลยี MOD หรือ Movimg Object Detection อาศัยความสามารถของกล้องรอบคัน ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวรอบๆ ตัวรถ, กล้องมองภาพรอบทิศทาง Around View Monitor และระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

● ส่วนระบบพื้นฐานอื่นๆ มี ครูสคอนโทรล, ระบบ Vehicle Dynamic Control ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบ Active Trace Control ช่วยรักษาเสถียรภาพในขณะเข้าโค้งด้วยการส่งแรงเบรคไปยังล้อด้านที่อยู่ในโค้ง, ระบบ Traction Control ช่วยป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบเบรค ABS, ระบบกระจายแรงเบรค EBD, ระบบเสริมแรงเบรค BA และถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด คู่หน้า, ด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง

● เครื่องยนต์มี 2 ทางเลือก ประกอบด้วยเบนซินรหัส MR20DE แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร วาล์วแปรผัน CVTC กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.3 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที และเครื่องยนต์รหัส QR25DE แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 2.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Twin CVTC ควบคุมการเปิด/ปิดวาล์วไอดี/ไอเสียให้สัมพันธ์กัน กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 23.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ทั้งคู่ส่งกำลังด้วยเกียร์ Xtronic CVT โหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง Normal, Eco และ Sport

● รุ่นย่อยแบ่งเป็น 4 รุ่น ประกอบด้วย 2.0 XE, 2.0 XL, 2.0 XL Navi และรุ่นท๊อป 2.5 XV Navi สีภายนอกมีให้เลือก 6 สี ประกอบด้วย แดง Radiant Red (สีใหม่), ขาว Storm White (เพิ่ม 12,000 บาท), ม่วงเทา Deep Iris Gray, ดำ Black Star, เงิน Brilliant Silver และน้ำตาล Grayish Bronze

ราคาจำหน่าย

– Nissan Teana 2.0 XE ราคา 1,339,000 บาท
– Nissan Teana 2.0 XL ราคา 1,426,000 บาท
– Nissan Teana 2.0 XL Navi ราคา 1,476,000 บาท
– Nissan Teana 2.5 XV Navi ราคา 1,674,000 บาท

● ใครอยากได้ชุดแต่งเพิ่มเติมจากโรงงาน นิสสันมีจำหน่ายให้ 3 แพคเกจในเวลานี้ แบ่งเป็น (1) Superior Package ประกอบด้วยคิ้วขอบประตู, ฝาท้าย และกันสาดโครเมียม (2) Smart Package ไฟส่องสว่างพื้นรถ และคิ้วบันไดแบบสแตนเลส เรืองแสง (3) Utility Package ถาดวางของท้ายรถ และตาข่ายสำหรับกั้นสัมภาระ

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Teana ใหม่ เชิญได้ที่เว็บไซท์ www.nissan.co.th และขอขอบคุณ นิสสัน ประเทศไทย ที่ส่ง VR Box มาให้ชมการเปิดตัวแบบเสมือนในวันนี้ถึงที่บ้านครับ ●