January 4, 2019
Motortrivia Team (10197 articles)

4 ความท้าทายที่รอคอย Robert Kubica ใน Formula 1 ฤดูกาล 2019

Posted by : Fascinator.

 

●   7 ปี นับจากที่เขาเกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงในการแข่งขันแรลลี โรเบิร์ต คูบิคซ่า ต้องพบกับความยากลำบากในการกลับมายังวงการ F1 แต่ในที่สุดเขาก็ผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ และวิลเลียมส์ตัดสินใจเซ็นเขาเป็นนักแข่งของทีมในปี 2019

●   กว่าจะกลับมาถึงจุดนี้ได้ นักแข่งชาวโปแลนด์จะต้องฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะแขนขวาของเขาซึ่งบาดเจ็บหนักจนเกือบจะใช้การไม่ได้ และจากกล้องติดรถในขณะเขาขับ คุณคงจะเห็นแล้วว่าแขนของเขายังคงเป็นปัญหาและดูเหมือนว่าเขาจะขับมือเดียวเสียด้วยซ้ำ

●   คูบิคซ่าได้เปิดเผยว่า แทนที่จะใช้แขนขวาผลักพวงมาลัยในการเข้าโค้งซ้าย เขาใช้แขนซ้ายดึงพวงมาลัยแทน มันเป็นเทคนิคที่เขาบอกว่าใช้แขนซ้าย 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังผลให้แขนซ้ายของเขาแข็งแรงและแม่นยำมากขึ้น

●   มันเป็นเรื่องปกติที่นักแข่งรถจะต้องปรับตัว อย่างเช่น กับตัวรถหรือกฎใหม่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยมีใครปรับตัวได้ท้าทายแบบคูบิคซ่ามาก่อน แน่นอนว่านักแข่งโปลได้ก้าวข้ามความท้าทายนี้ไปเรียบร้อย จากการที่วิลเลียมส์ยอมรับและเซ็นสัญญาเขาเป็นนักขับตัวจริง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความท้าทายเพียงอย่างเดียวที่คูบิคซ่าจะต้องพบเจอในปีถัดไป ยังมีอีกอย่างน้อยก็ 4 อย่าง ที่เรานับได้จนถึงขณะนี้

เขาออกจาก F1 ไปนานมาก

●   เมื่อคูบิคซ่าลงสนามที่ออสเตรเลีย 2019 มันจะเป็นเวลาถึง 8 ปี 4 เดือน และ 4 วัน นับจากวันที่เขาลงแข่งขันครั้งสุดท้าย นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ยาวนานที่สุด ซึ่ง 3 อันดับแรก พีท เลิฟลี คัมแบ็คหลังจากที่หายไป 8 ปี 10 เดือน, ลูก้า บาดัว (9 ปี 9 เดือน 23 วัน) และ แจน แลมเมอร์ (10 ปี 3 เดือน 22 วัน) อย่างไรก็ตามทั้ง 3 อันดับแรก ต่างไม่มีใครกลับมาหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุรุนแรง แต่ก็อีกนั่นแหละ ทั้ง 3 คนข้างต้น ต่างก็ไม่มีใครได้รับการยอมรับสูงเท่ากับคูบิคซ่า

●   การกลับมาหลังจากที่ห่างหายไปนานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มิคาเอล ชูมัคเกอร์ เป็นตัวอย่างที่ดีหลังจากที่หายไปจากวงการ 4 ปี เขากลับมาอีกครั้งในรถเมอร์เซเดสแต่ก็ไม่อาจสู้ทีมเมทอย่าง นิโค รอสเบิร์ก ได้ดีเท่าใดนัก อีกคนหนึ่งคือ ไนเจล แมนเซล ซึ่งหลังจากห่างหายไป 3 ปี ความเร็วของเขาหายไปอย่างเห็นได้ชัด

●   ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนที่คัมแบ็คแล้วแย่ลง นิกิ เลาด้า เป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จที่นักแข่งโปลจะเอาเป็นแบบอย่างอย่างแน่นอน เลาด้านั้นไม่เพียงแต่กลับมาแข่งขัน 6 สัปดาห์ หลังจากที่เกือบจะถูกเผาทั้งเป็นในปี 1976 แต่ยังคว้าแชมป์โลกในปีถัดไปได้อีกด้วย หลังจากนั้นเขายังมีช่วงเวลาอีก 2 ปี ที่ใช้ชีวิตนอกการแข่งขัน แต่ก็กลับมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ

ทีมเมทคนใหม่ของเขานั้นเครดิตสูงมาก

●   สิ่งหนึ่งที่คูบิคซ่าจะต้องพบเจออย่างแน่นอนก็คือ การถูกตัดสิน เขาจะเป็นนักขับที่มีฝีมือ หรือจะเป็นแค่อีกคนหนึ่งที่จ่ายเงินเพื่อซื้อเก้าอี้นักขับ ทีมเมทคนใหม่ของเขา จอร์จ รัสเซล จะเป็นคนที่จัดตำแหน่งให้กับนักแข่งโปล

●   เจ้าหนูวัย 20 จากสหราชอาณาจักรฯ จอร์จ รัสเซล ได้รับการยอมรับว่าจะเป็นอนาคตแชมป์โลก F1 จากการที่เขาโดดเด่นอย่างมากในซีรีย์จูเนียร์ เขาคว้าแชมป์โลกทั้ง GP3 และ F2 ซึ่งต่างเป็นฤดูกาลที่เขาเป็นรูกี้ทั้งสิ้น อันที่จริงแล้วอาชีพนักแข่งของรัสเซลนั้นเหมือนส่องกระจก ชาร์ล เลอแคลร์ ออกมาเลยทีเดียว เด็กปั้นของเฟอร์รารี ชาวโมนาโค ทำผลงานกับเซาเบอร์ในปี 2018 ได้อย่างโดดเด่น เป็นผลให้เฟอร์รารีโปรโมตเขาขึ้นมายังทีมใหญ่ในปีนี้ รัสเซลเองก็เช่นกัน เขาเป็นเด็กปั้นในสังกัดของเมอร์เซเดสซึ่งนั่นตอบทุกอย่างอย่างชัดเจน เพราะทีมแชมป์โลก 5 สมัย และทีมแชมป์โลกปัจจุบันคิดว่าเขามีดีพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตของทีม

●   และนั่นคือความท้าทายอันมหาศาลของคูบิคซ่า ถ้าเขาสามารถแมตช์หรือแม้กระทั่งเอาชนะรัสเซลได้ เขาก็จะได้รับเครดิตที่สมควรได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มพ่ายแพ้แม้จะเพียงเล็กน้อย การมองหาเก้าอี้ในปีหน้านั้นก็จะเริ่มมืดมน เพราะแน่นอนว่าตอนนี้เรามีนักแข่งรุ่นใหม่ที่มีฝีมือหลายคนผุดขึ้นมาให้เลือกมากมาย ทำไมทีมจะต้องเลือกนักแข่งวัย 30 กว่าๆ ที่ทำได้แค่เกือบจะดี?

วิลเลียมส์ไม่ใช่ที่ที่ดีในตอนนี้

●   ใครก็ตามที่ดู F1 มาตั้งแต่ยุค 90 คงรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของวิลเลียมส์ได้ดี ทีมแข่งจากฐานกรูฟคว้าชัยชนะและเป็นแชมป์โลกหลายสมัยในยุคนั้น ยุค 2000 เองพวกเขาก็ขึ้นมาท้าทายยักษ์ใหญ่อย่างเฟอร์รารีด้วยกันหลายครั้ง หรือแม้กระทั่งไม่กี่ปีก่อนพวกเขายังคงเก็บโพเดียมได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน

●   FW41 นั้นปรากฏตัวบ่อยครั้งที่ด้านล่างสุดของตารางเวลาในปีที่ผ่านมา ปัญหาอากาศพลศาสตร์และระบบหล่อเย็นพื้นฐานของตัวรถนั้นถูกแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถแก้ไขได้ในระหว่างฤดูกาล นั่นทำให้วิลเลียมส์ต้องพบเจอกับฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดตลอดประวัติศาสตร์ 41 ปี ของทีม นอกจากนั้น มาร์ตินี สปอนเซอร์หลัก ก็ได้สิ้นสุดความสัมพันธ์กับทีมไปหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา แน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนักสำหรับคูบิคซ่า แต่อย่างน้อย แพดดี้ โลว์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนปัจจุบัน ผู้ซึ่งเคยออกแบบรถแชมป์โลกให้กับเมอร์เซเดสมาแล้ว ก็ได้เฝ้าดูและติดตามความคืบหน้าของรถมาตลอดทั้งปี เขาน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานของตัวรถและทำมันออกมาได้ดีกว่าเดิม เพราะมันไม่ควรจะแย่ไปกว่านี้แล้ว!

●   คูบิคซ่าเองนั้นก็ได้ใช้เวลาทั้งปี 2018 ในการทำงานกับรถและเก็บข้อมูลสำหรับการพัฒนามาโดยตลอด เขาย่อมรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น และถ้าวิลเลียมส์สามารถพัฒนาจนกลับมายืนในทีมกลุ่มกลางได้ เขาก็จะได้เครดิตและได้รถที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยให้เขาพิสูจน์ตัวเองได้ แต่ถ้าไม่… 2019 ก็จะเป็นปีแห่งความยากลำบากที่ยาวนานสำหรับเขา

ความคาดหวังนั้นสูงมาก

●   มันเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่คูบิคซ่าสามารถกลับมาแข่งขันได้หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุหนักไป แต่นั่นไม่ใช่ความคาดหวังสูงสุดของผู้คน เหตุผลที่เขาได้รับการคาดหวังอย่างสูงก็คือ เขาได้รับการยอมรับว่ามีฝีมือในระดับเดียวกับ ลูวอิส แฮมิลตัน, เซบาสเตียน เวทเทล และ เฟอร์นันโด อลองโซ เหนือสิ่งอื่นใด คูบิคซ่านั้นเป็นนักแข่งชาวโปแลนด์คนแรกและคนเดียวที่ F1 มีมาจนถึงขณะนี้ เขามีฐานแฟนๆ มากมายทั้งในประเทศและทั่วโลกซึ่งต่างมองเขาเป็นอนาคตแชมป์โลก

●   และนั่นคืองานหินในการตอบสนองต่อความคาดหวังอย่างสูงของผู้คนสำหรับผู้ที่ห่างหายจากวงการไปถึง 8 ปี   ●


ที่มา :
•   wtf1.com.
•   Twitter Williams F1 (ภาพ).