May 2, 2019
Motortrivia Team (10203 articles)

Scania เผยระบบเครื่องยนต์พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับน้ำมัน B20

Press Release

 

●   สแกนเนีย ประเทศไทย เผยระบบเครื่องยนต์พร้อมรองรับน้ำมัน B20 หนุนนโยบายภาครัฐและการเติบโตในธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยอย่างต่อเนื่อง และให้บริการพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

●   นายสถิตย์ ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า “การเจริญเติบโตในธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยในปัจจุบัน มีการพัฒนาการใช้ระบบพลังงานทางเลือกมากขึ้น และจากการที่รัฐบาลมีนโยบายให้หันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 นั้น ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งหลายแห่งสนใจเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงทางเลือก อย่างไรก็ตาม โดยปกติน้ำมัน B20 จะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงกว่าน้ำมันดีเซลเล็กน้อย ดังนั้นสแกนเนียได้คิดพัฒนาโปรแกรมระบบในการฉีดน้ำมันที่หัวฉีดสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงาน และใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิม ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งนี้เล็กน้อย และจะต้องเป็นรถสแกนเนียที่ผลิตตั้งแต่ปี 2008 ขึ้นไป นำมาเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนอะไหล่บางส่วน รวมถึงลงระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ซึ่งลูกค้าสามารถพูดคุยสอบถามรายละเอียดกับเราก่อนได้”

●   ทั้งนี้จากภาพรวมของสแกนเนียทั่วโลก ได้มีนโยบายในการเลือกใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Sustainable Transport) เป็นหลัก มีการพัฒนาเพื่อช่วยให้ระบบการขนส่งของเราสะอาดปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการจราจรติดขัด และลดอุบัติเหตุ การผสานอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมพร้อมและเพิ่มประสิทธิภาพของยานพาหนะ เป็นพื้นฐานของโซลูชั่นของเรา ซึ่งจะสามารถเพิ่มผลกำไรให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

●   สแกนเนียมีหลัก 3 ประการเพื่อพัฒนาไปสู่ระบบการขนส่งอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย:

●   1.  การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy efficiency) หรือก็คือความประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง

●   2.  พัฒนาการใช้พลังงานทางเลือกและระบบขับเคลื่อนโดยไฟฟ้า (Alternative fuels and electrification

●   3.  พัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะและปลอดภัย (Smart and safe transport) จากหลักเหล่านี้ สแกนเนียได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ได้อย่างมาก ซึ่งด้านผลิตภัณฑ์สแกนเนียเป็นผู้ผลิตรถขนาดใหญ่รายแรกในยุโรปที่นำเครื่องยนต์มาตรฐานการปล่อยไอเสียยูโร 6 เข้ามาใช้จริงในตลาด และรถหลากหลายรุ่นที่รองรับพลังงานทางเลือกได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงล่าสุดกับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยทั้งหมดมีอัตราประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีมากและปล่อยปริมาณไอเสียที่ต่ำมาก เมื่อรวมกับการออกแบบภายนอกตามหลักอากาศพลศาสตร์ และเทคโนโลยีสนับสนุนการขับขี่ของรถบรรทุกรุ่นใหม่สแกนเนีย ช่วยให้อัตราประหยัดเชื้อเพลิงดีขึ้นถึงร้อยละ 5 เลยทีเดียว

●   ด้านบริการ สแกนเนียพัฒนาการบำรุงรักษาเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ (Flexible maintenance) ช่วยให้การบำรุงรักษารถยืดหยุ่นเหมาะสมตามการใช้งานของแต่ละคัน และระบบบริหารจัดการฟลีทรถ หรือ (Fleet Management System) ช่วยให้ลูกค้าที่มีรถจำนวนมากทราบได้ว่ารถแต่ละคันปฎิบัติงานอยู่บริเวณใด มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงเป็นอย่างไร พฤติกรรมการขับขี่แต่ละคันเป็นแบบใด และยังสามารถนำผลมาวิเคราะห์และปรับปรุงเพื่อพัฒนาในการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้สแกนเนียยังมีสัญญาซ่อมและบำรุงรักษา (Repair and Maintenance Contract) ช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องรถ มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมและบำรุงรักษาคงที่ คาดการณ์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เรามีบริการฝึกอบรมพนักงานขับให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรธุรกิจให้ลูกค้า

●   นายสถิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อพัฒนางานบริการหลังการขาย สแกนเนีย ในประเทศไทยได้จัดกิจกรรมพิเศษ ที่เรียกว่า Professional Maintenance Competition ซึ่งเป็นกิจกรรมแข่งขันเพิ่มทักษะ และศักยภาพด้านการบำรุงรักษารถสแกนเนีย ซึ่งจัดให้มีขึ้นทุกศูนย์บริการสแกนเนียทั่วประเทศไทย โดยมีระยะดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนกรกฎาคม 2562 นี้”

เกี่ยวกับ Scania ในประเทศไทย

●   ในประเทศไทย Scania เริ่มต้นด้วยการนำเข้ารถบรรทุกเพื่อจัดหน่าย โดยบริษัท โฟฟร้อนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี พ. ศ. 2529 และในปี 2543 บริษัท สแกนเนีย สยาม จากัด ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัท ในเครือของ Scania ประเทศสวีเดน ในปี 2552 ได้ลงทุนในสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 16 ไร่ดำเนินงานเป็นสำนักงานขายและศูนย์บริการหลังการขายที่ครบวงจร ขณะนี้เรามี 11 สาขาในประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่: www.scania.co.th   ●