August 16, 2019
Motortrivia Team (10019 articles)

2019 Toyota Majesty เปิดตัวเป็นทางการ ราคาเริ่มต้น 1.709 ล้านบาท

ภาพ : motortrivia

●   โตโยต้า ประเทศไทย เปิดตัว HiAce รุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่น 6 (Toyota Ventury) โดยเป็นรถนำเข้าในกลุ่ม Light Commercial Van ใช้ชื่อในการทำตลาดบ้านเราว่า Toyota Majesty แยกจำหน่ายเป็น 3 เกรด Standard, Premium และ Grande ราคาเริ่มต้นที่ 1,709,000 บาท พร้อมนิยามทางการตลาด Toyota Majesty… Live Beyond the Class

●   งานแถลงข่าวมีขึ้นที่ ไบเทค บางนา ภายในงาน BIG Motor Sale 2019 โดยมี มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, มร. ทาคุโอะ อิชิกาวะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถ

มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

ทำไมต้อง “Majesty”?

●   มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ ให้ความเห็นว่าว่า “ทุกท่านคงสงสัยว่า Toyota Majesty คืออะไร? เนื่องจากฟังดูไม่คุ้นเคยในเวลานี้ รถรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เข้ามาแทน Toyota Ventury แต่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าในทุกมิติอย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นเหตุผลที่เราตั้งชื่อใหม่ว่า Toyota Majesty”

●   “ประเทศไทยมีแนวโน้มความต้องการรถตู้ระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าในกลุ่มนี้กำลังมองหารถส่วนตัวเพื่อใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในแง่การใช้งานเป็นรถประจำตำแหน่ง ตลอดจนเป็นยานพาหนะสำหรับครอบครัวในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งลูกค้าบางส่วนในกลุ่มนี้เลือกใช้ Toyota Alphard ในวันนี้ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับอีกหนึ่งทางเลือก นั่นคือ Toyota Majesty ในฐานะที่เป็นรถตู้ระดับพรีเมียม และเป็นยานพาหนะที่ใช้ได้ในทุกรูปแบบ ผมอยากให้ทุกท่านได้ทดลองสัมผัสรถคันนี้ ซึ่งจะทำให้ทุกท่านเข้าใจว่าทำไมเราจึงตั้งชื่อใหม่ว่า Majesty”

มร. ทาคุโอะ อิชิกาวะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น

●   มร. ทาคุโอะ อิชิกาวะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ข้อมูลในการพัฒนาว่า Majesty เกิดจากการที่โดโยต้าค้นพบว่า ความต้องการใช้รถตู้แบบพรีเมียมมีมากขึ้น จึงได้พัฒนารถตู้ภายใต้แนวคิด Luxury Mover โดยมีเป้าหมายในการสร้างรถที่ให้ทั้งความสะดวกสบาย และความหรูหราตลอดการเดินทาง ซึ่งตัวรถจะมี (1) การออกแบบที่หรูหรา ทันยุคสมัย (2) ความสะดวกสบายในการโดยสาร ด้วยที่นั่งแบบ Captain seats และแบบ Big seats เครื่องยนต์วางหน้า พร้อมโครงสร้างแบบวงแหวน และช่วงล่างด้านหลังใหม่แบบ 4 ลิงค์ คอล์ยสปริง ช่วยสร้างความเงียบภายในห้องโดยสาร (3) ระบบความปลอดภัยล่าสุด Toyota Safety Sense ในรุ่น Grande (4) อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน และ (5) คุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือของแบรนด์โตโยต้า

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

●   นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ กล่าวว่า “ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถตู้ระดับพรีเมียม หรือ Luxury Van นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลูกค้ามองหารถขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการรถตู้ระดับพรีเมียม คือ (1) กลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ ที่ต้องการใช้รถสำหรับตนเองและครอบครัว โดยมีปัจจัยในการเลือกซื้อรถ คือ ความกว้างขวาง ความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและความคุ้มค่า และ (2) กลุ่มนักธุรกิจและผู้บริหาร ที่ต้องการรถเพื่อดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจหรือรถประจำตำแหน่ง โดยลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการรถที่มีภาพลักษณ์หรูหราและความสะดวกสบายเป็นเลิศ”

●   “เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า Toyota Majesty จึงได้รับการออกแบบและพัฒนารูปลักษณ์ให้มีความหรูหรา พรีเมียม และเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เมื่อเปรียบเทียบกับ Alphard เช่น ที่นั่งแบบ Captain seat นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกมากมายที่จะทำให้การเดินทางของทุกท่านสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และภายใต้แนวคิดการพัฒนาแบบ Ever-Better Car ทำให้ Toyota Majesty มาพร้อมกับระบบ Toyota Safety Sense ที่ถือเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุดในตลาด ด้วยคุณสมบัติของ Toyota Majesty ที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่เหนือกว่า เราจึงใช้สโลแกนในการสื่อสารว่า Live Beyond The Class โดยมีเป้าหมายการขายกว่า 300 คันต่อเดือน”

●   Majesty มากับ กระจังหน้าโครเมียม, ชุดไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟ DLR สำหรับวิ่งกลางวัน, ไฟตัดหมอกออกแบบใหม่, กระจกมองข้างฝังไฟเลี้ยว, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และประตูข้างสไลด์อัตโนมัติ 2 ด้าน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ

●   ห้องโดยสารแบบ 11 ที่นั่ง (3 + 2 + 2 + 4) มีอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ตกแต่งด้วยลายไม้, มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron, จอแสดงข้อมูลการขับ MID, เบาะปรับนอนไฟฟ้า พร้อมที่รองขาปรับอัตโนมัติ, จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก 4 ตำแหน่ง, ชุดเบาะแบบ Captain Seat พร้อมระบบนวดหลังไฟฟ้า, เบาะหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ, ที่วางแก้วน้ำและช่องต่อ USB 7 ตำแหน่ง, ม่านบังแดด, ไฟแอมเบียนท์สร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร และบันไดขึ้น-ลงที่มีขนาดกว้างขึ้น

●   ชุดระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบเบรค ABS พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA, ฟังก์ชั่นกะพริบสัญญาณไฟเมื่อเบรคกะทันหัน Emergency Stop Signal, เฟืองท้ายแบบ Auto Limited Slip Difference, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind Spot Monitor, ระบบช่วยเตือนขณะถอย Rear Cross Traffic Alert, กล้องรอบคัน Panoramic View Monitor และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC

●   เสริมด้วยชุดระบบ ADAS : Toyota Safety Sense ประกอบด้วยระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Alert, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beams

●   นอกจากนี้ยังมีบริการ T-CONNECT Telematics ประกอบด้วยฟังก์ชั่น GEO-Fencing แจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณที่กำหนด, Find My Car เช็คตำแหน่งรถผ่านแอพพลิเคชั่น, SOS Emergency Service ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในบางกรณี), My Toyota Wi-Fi เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุด 9 เครื่อง (ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแพ็คเกจ), Parking Alert แจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ทหรือเคลื่อนที่ และ OPS หรือ Operator Service ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านอาหาร

●   บ้านเราจะใช้งานเครื่องยนต์ดีเซลรหัส 1GD-FTV แบบ 4 สูบ ความจุ 2.8 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่น แบบคอมมอนเรล อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 42.7 กก.-ม. ที่ 1,600 – 2,200 รอบ/นาที ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร รองรับการใช้งานดีเซล B20

●   ชุดช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์ คอล์ยสปริง พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า-หลัง ระบบเบรคเป็นแบบดิสค์ พร้อมครีบระบายความร้อนทั้งหน้าและหลัง ยางขนาด 235/60 R17

●   ห้องโดยสารของ Majesty เกรด Standard เบาะแถวที่ 1 แบบ 2 ที่นั่ง ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมที่วางแขนแบบพับได้ แถว 2 แบบ 2 ที่นั่ง ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมที่วางแขนแบบพับได้ และแถว 3 แบบ 4 ที่นั่ง พับแยก 50:50 ได้

●   ห้องโดยสารของเกรด Premium เบาะแถวที่ 1 แบบ 2 ที่นั่งสไตล์ Captain Seat ปรับได้ 4 ทิศทาง (ปรับเอนไฟฟ้า) พร้อมที่รองขา และระบบบริหารหลังไฟฟ้า แถว 2 แบบ 2 ที่นั่ง ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมที่วางแขนแบบพับได้ และแถว 3 แบบ 4 ที่นั่ง พับแยก 50:50 ได้

●   ส่วนรุ่นท๊อป ห้องโดยสารของเกรด Grande เบาะแถวที่ 1 แบบ 2 ที่นั่งสไตล์ Captain Seat ปรับได้ 4 ทิศทาง (ปรับเอนไฟฟ้า) พร้อมที่รองขา และระบบบริหารหลังไฟฟ้า แถว 2 แบบ 2 ที่นั่ง ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมที่วางแขนแบบพับได้ และแถว 3 แบบ 4 ที่นั่ง พับแยก 50:50 ได้เช่นเดียวกัน

ราคาจำหน่าย

●   Toyota Majesty มีสีภายนอกให้เลือก 2 สี ขาวมุก White Pearl (เพิ่ม 15,000 บาท) หรือดำ Black Mica แยกจำหน่ายเป็น 3 เกรดรุ่นย่อย:

– Grande 2,199,000 บาท
– Premium 1,899,000 บาท
– Standard 1,709,000 บาท

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ เว็บไซท์ www.toyota.co.th หรือติดต่อสำรองวันทดลองขับได้ที่ ศูนย์ขับทดสอบรถยนต์โตโยต้า Toyota Driving Experience Park ที่ถนนบางนา – ตราด กม. 3  ●


2019 Toyota Majesty : Motortrivia

2019 Toyota Majesty : Official