April 29, 2020
Motortrivia Team (10203 articles)

Volvo S60 T8 Twin Engine AWD R-Design แรง หรู คุ้มค่า

เรื่อง-ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

●  ช่วงปลายเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เปิดตัวซีดานขนาดกลางรุ่นใหม่ S60 T8 Twin Engine AWD มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย Momentum 2.19 ล้านบาท และ R-Design 2.59 ล้านบาท ข้อมูลตัวรถอ่านได้จากลิงก์วันเปิดตัว ทิ้งช่วงหลังการเปิดตัวประมาณ 1 เดือน ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย มีโอกาสสัมผัสทั้ง S60 และ V60 ตัวถังสเตชั่นแวกอน เป็นการทดลองขับสั้นๆ ในสนามปิด จากนั้นในช่วงปลายเดือนเมษายนจึงได้ทดลองขับแบบเดี่ยวๆ กับรุ่นสูงสุด S60 T8 Twin Engine AWD R-Design

สปอร์ตแบบสุขุมทั้งภายนอกและภายใน

●  รูปลักษณ์ของวอลโว่รุ่นหลังๆ มีความร่วมสมัยมากขึ้น แต่ยังคงให้อารมณ์ความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่แนวสปอร์ตหวือหวา ซึ่งเห็นได้ชัดจาก S60 ที่ดูสปอร์ตด้วยแนวเส้นตัวถังหลัก ทั้งฝากระโปรงหน้าที่ยาวและแบนกว้างลาดต่ำ แต่เปิดได้เบาแรงเพราะผลิตจากอะลูมิเนียมและมีโช้กอัพช่วยผ่อนแรง แนวหลังคายังมีช่วงกลางที่ราบตรง ไม่ใช่ทรงเกือบครึ่งวงกลม ทำให้นั่งสบายไม่อึดอัด เสาหลังเอนลาดรับกับแนวฝากระโปรงท้าย บนตัวรถมีเส้นสายตกแต่งเพียงเล็กน้อยบริเวณเหนือซุ้มล้อหน้าและหลัง และที่ด้านล่างของตัวรถ โดยรวมทำให้ตัวรถดูสะอาดตา เส้นสายไม่รก แต่ก็ไม่เกลี้ยงเกินไปจนดูเลี่ยน สำหรับรุ่นย่อย R-Design จะเพิ่มความสปอร์ตขึ้นอีกระดับด้วยชุดแต่งที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ

●  ตัวรถที่กดต่ำดูสปอร์ตมั่นคง รับกับล้อแม็กขนาดใหญ่ 8×19 นิ้ว ลาย 5-Triple Spoke Matte Black Diamond Cut พร้อมยางสมรรถนะสูงขนาด 235/40/19 เท่ากันทั้ง 4 ล้อ ด้านท้ายให้มุมมองที่สปอร์ตดุดันด้วยโคมไฟท้ายทรงเฉียง รับกับเส้นบนฝากระโปรงท้ายที่ออกแบบคล้ายเป็นสปอยเลอร์ในตัว ปลายท่อไอเสียโครเมียมแยกออกซ้าย-ขวา รวมอยู่กับชุดกันชนท้ายตามสมัยนิยม คันที่ได้รับมาทดลองขับเป็นสีขาว ทำให้สีดำเงาเปียโนแบล็คที่ตกแต่งอยู่ตามจุดต่างๆ ถูกขับให้เด่นชัดสวยงามยิ่งขึ้น ภายนอกโดยรวมของ S60 T8 Twin Engine AWD R-Design เป็นซีดานหรูที่ให้ความสปอร์ตแบบพอดีๆ

●  มิติตัวรถมีความยาว 4,761 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,431 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,872 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,603 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถประมาณ 1,960 กิโลกรัม

●  สภาพแวดล้อมภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกหรูหรามากกว่าความสปอร์ต ใช้วัสดุคุณภาพสูง การประกอบเนี๊ยบสมราคา และการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน แฝงความเป็นวอลโว่ยุคใหม่ไว้ในจุดต่างๆ เติมอารมณ์สปอร์ตด้วยเบาะนั่ง พวงมาลัย แป้นเหยียบ และกาบบันได R-Design พวงมาลัย 3 ก้านก็จริง แต่ทรงยังไม่สปอร์ตเท่าไร และมี Paddle Shift มาให้ เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่งทั้งซ้าย-ขวา เบาะกระชับนั่งสบาย ปรับความยาวที่รองต้นขาได้ด้วยระบบไฟฟ้า

●  ชุดมาตรวัดปรับเปลี่ยนได้จากจอสัมผัสขนาด 9 นิ้วที่คอนโซลกลาง ภาพคมชัดบาดตาทั้งกราฟิกและภาพจากกล้องรอบคัน ที่ให้ความสว่างใสแม้ในสภาพแสงน้อย จอที่คอนโซลกลางนี้เป็นศูนย์กลางการควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถ ใช้งานไม่ยาก แค่มีเวลาทำความคุ้ยเคยสักพักก็ปรับเปลี่ยนได้คล่อง คอนโซลเกียร์ดูหรูหราด้วยปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์และสวิตช์ปรับโหมดการขับที่เจียระไนงดงาม

●  เบาะหลังมีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอสำหรับผู้โดยสารที่สูงประมาณ 170-175 เซนติเมตร พนักพิงเบาะหลังตั้งชันไปเล็กน้อย หมอนรองศีรษะปรับพับลงได้ด้วยระบบไฟฟ้า มีสวิตช์อยู่บนแผงลำโพงด้านหลัง กระจายความเย็นทั่วถึงด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ติดตั้งบริเวณเสากลางซ้าย-ขวา มีที่เท้าแขนตรงกลางพร้อมช่องเก็บของและที่วางแก้วน้ำ ถ้าจะนั่งหลังแล้วมีคนขับให้ก็พอได้ไม่ต้องเขิน เพียงแต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกด้านหลังจะน้อยไปนิด เพราะเป็นรถที่ออกแบบให้เจ้าของขับเองเป็นหลัก

รีดความแรงจาก 3 เทคโนโลยี

●  ไฮไลต์ของรถรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นตัวเลขกำลังสูงสุด 407 แรงม้า กับแรงบิดมหาศาล 640 นิวตันเมตร ซึ่งมาจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี พ่วงทั้งซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบ ได้กำลังสูงสุดเฉพาะเครื่องยนต์ 320 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหน้า บวกกับระบบไฮบริดแบบปลั๊ก-อิน และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง จึงเป็นรถแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ตามสเปคเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.4 วินาที ท๊อปสปีด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●  เห็นตัวเลขแรงม้าแรงบิดที่ค่อนข้างดุเดือด แต่ขับใช้งานจริงได้อย่างนุ่มนวล ขับสบายควบคุมง่าย แต่ละโหมดการขับจะมีการตอบสนองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนสัมผัสได้ ทั้ง Constant AWD, Pure, Hybrid และ Power ตามสเปคระบบถ้าขับด้วยไฟฟ้าล้วนๆ จะได้ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ในโหมด Pure แปรผันขึ้นลงตามสภาพแวดล้อมขณะขับ ใช้งานจริงไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้น แค่โหมด Hybrid ก็ครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่แล้ว เพราะในโหมดนี้ ระบบจะจัดการการใช้พลังงานให้ตามความเหมาะสมกับกำลังไฟฟ้าในแบตเตอรี่และลักษณะการขับ ยกเว้นนึกสนุกอย่างเพลิดเพลินกับอัตราเร่ง ก็เปลี่ยนเป็น Power ได้

●  ในโหมด Power การตอบสนองจะฉับไวขึ้น แรงฉุดดึงหนักหน่วงต่อเนื่องขึ้น ถ้าชอบขับรถที่ตอบสนองแบบดุดัน โหมดนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง และมีข้อดีตรงที่ยังพอจะขับให้สุภาพนุ่มนวลได้บ้าง ไม่กระชากกระชั้นจนเกินไปนัก ส่วนโหมดอื่นๆ เน้นการขับใช้งานทั่วไป ชอบใจโหมด Pure ที่ดูเหมือนตัวรถจะพยายามใช้ไฟฟ้าให้มากที่สุด กดคันเร่งไม่ลึกเกินไปจะมีเสียงวี๊ดเบาๆ ของมอเตอร์ไฟฟ้า ให้อารมณ์คล้ายขับรถไฟฟ้าล้วนๆ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่

●  จากการลองขับในหลายสภาพการจราจรกับหลายโหมดการขับ รู้สึกว่าตัวรถจะปรับการตอบสนองตามลักษณะการขับเป็นหลัก ถ้าขับนุ่มๆ ในโหมด Power ก็ยังมีความนุ่มนวล แต่ถ้ากดคันเร่งหนักๆ ในโหมด Pure หรือ Hybrid ตัวรถก็ยังพุ่งกระโจนได้อย่างทันใจอยู่ดี แต่ละโหมดการขับจึงน่าจะมีไว้เพื่อปรับการตอบสนองของรถไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เหมาะกับลักษณะการขับ

●  การทำงานของเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหน้า และมอเตอร์ที่ขับเคลื่อนล้อหลัง เป็นไปอย่างนุ่มนวลต่อเนื่องไม่มีอาการสะดุดให้สัมผัสแม้แต่น้อย ตอนเครื่องยนต์ทำงานหรือดับลง ก็ไม่รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนเช่นกัน จุดนี้วอลโว่ทำได้ดีสมราคารถ การเร่งออกตัวแรงๆ ไม่รู้สึกถึงอาการ Torque Steer แบบรถขับเคลื่อนล้อหน้า หรือท้ายเลื้อยแบบรถขับเคลื่อนล้อหลัง ตัวรถพุ่งออกไปตรงๆ อย่างมั่นคง แค่ดูว่าถนนด้านหน้าปลอดภัยดีก็พอ

●  เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Geartronic เป็นคันเกียร์แบบไฟฟ้า การเปลี่ยนเกียร์บางจังหวะต้องดึงหรือดัน 2 ครั้ง มี Paddle Shift มาให้เฉพาะในรุ่น R-Design การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวลแม้จะลากรอบสูงๆ ก่อนเปลี่ยนเกียร์ หรือคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเกิน 1 จังหวะ รวมทั้งการใช้ Paddle Shift เกียร์ก็ยังเปลี่ยนจังหวะได้อย่างนุ่มนวล ส่วนการไล่เกียร์ขึ้นก็ทำได้รวดเร็วต่อเนื่อง ช่วยให้อัตราเร่งดี

ช่วงล่างคุมม้าอยู่มือ

●  ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ ปีกนก 2 ชั้น ด้านหลัง Integral Link เซตมากลมกล่อม ยาง 235/40 R19 ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ต้องระมัดระวังกว่าเดิมบ้าง ขับความเร็วต่ำยังมีความนุ่มนวลให้สัมผัส เพราะช่วงล่างมีการให้ตัวยืดยุบได้บ้าง แต่เป็นความนุ่มแบบแน่นกระชับ ไม่ใช่นุ่มนิ่มยวบย้วย ซึ่งจะส่งผลดีตอนเล่นแรงๆ ตัวรถมีการยึดเกาะถนนที่ดี ใช้แรงม้าแรงบิดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย แต่โดยส่วนตัวแล้วก็ยังอยากได้ช่วงล่างที่หนึบกว่านี้อีกนิด และยอมรับได้ถ้าจะสะเทือนขึ้นอีกหน่อยที่ความเร็วต่ำ

●  พวงมาลัยมีการสื่อสารกับมือผู้ขับได้ดี ไม่หวิวๆ ลอยๆ เหมือนพวงมาลัยไฟฟ้าแบบเก่าที่ให้ความรู้สึกเหมือนพวงมาลัยเกม ใช้ความเร็วในโค้งได้อย่างมั่นใจและให้การควบคุมที่เป็นธรรมชาติไม่ต้องฝืนหรือเกร็ง ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยครบครัน ให้แรงเบรกที่สัมพันธ์กับน้ำหนักที่กดแป้นเบรก จึงไม่ต้องปรับตัวกันนานก็ใช้งานเบรกได้เต็มประสิทธิภาพทั้งในแง่พลังการเบรกและความนุ่มนวล

●  Volvo S60 T8 Twin Engine AWD R-Design เครื่องยนต์พ่วงซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบ ทำงานร่วมกับระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด และมอเตอร์ไฟ้า จัดจ้านด้วยกำลังรวมทั้งระบบ 407 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร แรงแต่นุ่มนวลจึงขับใช้งานทุกวันก็ได้ ขับแบบสปอร์ตก็รองรับได้ดีเพราะมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และการเซตช่วงล่างที่ลงตัว มาพร้อมระบบช่วยเหลือที่ครบครัน ภายนอกสปอร์ตแบบคลีนๆ เรียบหรูดูได้นาน ภายในเน้นหรูเป็นหลัก เบาะหลังนั่งสบายถ้าตัวไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่ง R-Design ทั้งคัน จ่ายเงิน 2.59 ล้านบาท เพื่อแลกกับรถที่มีความแรงระดับไม่ธรรมดา กับความหรูหราที่ไม่น้อยหน้าใคร คุ้มหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าของเงิน  ●

ขอบคุณ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย (จำกัด) เอื้อเฟื้อรถทดสอบ


2020 Volvo S60 T8 Twin Engine AWD R-Design : Test Drive