2020 Land Rover Defender เอสยูวีหรูที่ลุยได้จริง
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ • ภาพ : JLR ไทย
● บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ จัดกิจกรรมทดลองขับออฟโรดหรูรุ่นใหม่ Land Rover Defender รุ่นที่นำมาให้ทดลองขับเป็นรุ่น 110 ตัวถัง 5 ประตู รุ่นย่อย D240
● D240 ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 240 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุด 188 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 5.8 ล้านบาท
● ก่อนได้สัมผัสกับรุ่นไฮไลต์ อุ่นเครื่องเบาๆ กันด้วย Range Rover รุ่นย่อย Autobiography P400e และ Range Rover Sport รุ่นย่อย P400e HSE รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 300 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 กิโลวัตต์ หรือ 115 แรงม้า และแบตเตอรี่ขนาด 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกลสุด 51 กิโลเมตร ในโหมดไฟฟ้าทำความเร็วสูงสุดได้ 137 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้า 7 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่เต็มภายประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อรวมเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า จะมีกำลังขับเคลื่อนสูงสุดรวม 404 แรงม้า (PS) แรงบิด 640 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.8 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 31-32 กิโลเมตรต่อลิตร คาร์บอนไดอ็อคไซด์ในไอเสีย 72-75 กรัมต่อกิโลเมตร
● ทั้ง 2 รุ่น ขับในเส้นทางเดียวกัน คือ การไต่เนินชัน เพื่อทดลองระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน โดยระบบจะคงแรงดันน้ำมันเบรกไว้อีกประมาณ 3 วินาที หลังยกเท้าจากแป้นเบรก ช่วยให้รถไม่ไหลถอยหลัง ขณะขี้นเนินชัน หน้ารถจะเชิดขึ้นทำให้มองไม่เห็นเส้นทางด้านหน้า ก็สามารถเปิดกล้องหน้าแบบมุมกว้าง เพื่อตรวจสอบว่ามีอุปสรรคกีดขวางอยู่หรือไม่ ภาพที่แสดงบนจอมีความคมชัดและระยะไม่หลอกตา จึงใช้งานได้จริงทั้งการเลี้ยวให้อยู่บนถนนและมองทาง
● ขณะลงทางลาดชันก็มีระบบช่วยเหลือ การทำงานเนียนกว่าการเบรกด้วยผู้ขับเอง เมื่อรถเริ่มปักหัวลง ระบบก็จะทำงานทันทีอย่างนุ่มนวล ไม่มีช่วงดิ่งวูบหรือเหวอก่อนจะเบรก ตลอดการลงเนิน ระบบจะเบรกให้อย่างนุ่มนวล ไม่มีอาการหัวทิ่มหัวต่ำ และสามารถปรับเพิ่มลดความเร็วในการลงเนินได้ด้วย
● อัตราเร่งเป็นสิ่งที่รถทั้ง 2 รุ่นทำได้ดีจนน่าแปลกใจ ดูภายนอกรถคันใหญ่น่าจะอุ้ยอ้าย แต่เมื่อกดคันเร่งเต็มๆ ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกัน ให้อัตราเร่งที่ดี ดึงนุ่มๆ แต่ต่อเนื่อง
● ช่วงลุยทางขรุขระ เนินลูกระนาดต่อเนื่อง แค่ปล่อยให้รถขับเคลื่อนไปในแบบ Walking Speed รถก็จะเคลื่อนผ่านได้อย่างนุ่มนวล ไม่กระตุกกระชากเหมือนกดคันเร่งเอง ช่วงล่างแบบถุงลมทำงานได้นุ่มนวลทั้งจังหวะยืดและยุบตัว ระยะห่างใต้ท้องเหลือเฟือสำหรับการลุย การขับบนทางโคลนลื่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะจัดการทุกอย่างให้ ทั้งการเบรกในล้อที่หมุนฟรี และส่งกำลังไปยังล้อที่มีการยึดเกาะ รถผ่านไปได้ง่ายๆ โดยผู้ขับแทบไม่ต้องใช้ฝีมือ แค่ประคองพวงมาลัยไว้เท่านั้น
● ความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่น คือ Range Rover Sport จะออกแนวนุ่มหนึบกว่า การตอบสนองดีกว่าเล็กน้อย ส่วน Autobiography P400e จะเหมาะสำหรับนั่งเบาะหลัง เพราะเซตมาให้นุ่มนวล ดูดซับแรงสะเทือนได้ดี
● อีกรุ่นที่ได้ทดลองขับบนเส้นทางเดียวกัน คือ Range Rover Evoque รุ่นย่อย D180 SE ใช้เครื่องยนต์ดีเซลดทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร 180 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 9.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 196 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความรู้สึกจะแตกต่างจาก 2 รุ่นแรกอย่างชัดเจน คือมีความกระชับมากกว่า ด้วยขนาดตัวรถและการเซตช่วงล่าง ลุยได้เหมือน 2 รุ่นแรก แต่จะด้อยกว่าเล็กน้อยในเรื่องความนุ่มนวล
Land Rover Defender 110 D240
● เพื่อให้สมศักดิ์ศรีรุ่นไฮไลต์ จึงต้องขับในเส้นทางที่แตกต่าง ลองแรงบิดในการไต่ทางชันด้วยความชันที่มากกว่าเดิม เรียกได้ว่าชันจนหน้ารถแหงนเห็นแต่ท้องฟ้า แต่แรงบิดของเครื่องยนต์ที่เหลือเฟือ ทำให้ไม่ต้องเร่งส่งหรือใช้ความเร็วสูงในการไต่เนินให้เสี่ยงอันตราย แค่เดินคันเร่งเบาๆ รถก็ไต่เนินได้อย่างสบายๆ ช่วงลงเนินก็โหดกว่า เพราะเนินชันกว่าแถมมีเลี้ยวนิดๆ ด้วย แต่ด้วยระบบช่วยเหลือที่ให้มาอย่างครบครันและใช้งานได้ดีจริง ทำให้ขับผ่านมาได้แม้ผู้ขับจะแทบไม่มีประสบการณ์ด้านออฟโรด
● ต่อเนื่องด้วยการขับลงบ่อน้ำ ที่มีโหมดให้เลือกเสมือนเป็น Walking Speed สำหรับลุยน้ำ มาพร้อมมาตรวัดระดับความลึกของน้ำว่า ห่างจะความสามารถในการลุยน้ำสูงสุดของรถที่ 35.4 นิ้ว หรือ 90 เซนติเมตรแล้วหรือยัง อัตราเร่งไม่อืดอาด ขับบนทางเรียบได้อย่างคล่องแคล่ว ช่วงล่างนุ่มนวลบนทางเรียบ และให้ตัวได้มากเมื่อขับผ่านทางขรุขระ จึงมีความนุ่มนวลไม่กระแทกกระทั้น
● ภายนอกของ Defender ออกแบบให้ลุยบนทางวิบากได้จริง ทั้งความสูงใต้ท้องรถ มุมปะทะ มุมคร่อม และมุมจาก ระบบขับเคลื่อนที่เป็นมิตรกับสายออฟโรดหน้าใหม่ ด้วยฟังก์ชั่นการขับที่เลือกให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางได้ และสั่งงานได้ง่ายผ่านหน้าจอ ภายในตกแต่งสไตล์ออฟโรดแท้ๆ ด้วยวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศ ลุยน้ำลุยฝนได้จริง ถ้าเจ้าของรถกล้าขับลุย หรือจะใช้งานบนทางเรียบเป็นหลักก็นุ่มนวลหรูหราสมราคา และยังคงความสามารถในการลุยไว้อย่างครบถ้วนเผื่อในสถานการณ์ฉุกเฉิน ●
ข้อมูลเพิ่มเติม : landrover.co.th/vehicles-defender