October 28, 2021
Motortrivia Team (10202 articles)

Lamborghini Aventador รุ่นสุดท้าย LP 780-4 Ultimae

motortrivia

●   อะไรทำให้สปอร์ตเครื่องวางกลางลำสัญชาติอิตาลีอย่าง Lamborghini Aventador กลายเป็นหนึ่งในไอคอนของอุตสาหกรรมยานยนต์ และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา วันนี้เรามาย้อนดูหน้าประวัติศาสตร์ของ Aventador กับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ Aventador และเครื่องยนต์ V12 รุ่นนี้ พร้อมกับการเปิดตัว Aventador รุ่นสุดท้าย Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimae ก่อนยุติการผลิตภายในปี 2021 นี้

●   แลมบอร์กินีเปิดตัว Aventador เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2011 และมียอดจำหน่ายสะสมมากกว่า 10,000 คันในเวลา 9 ปี โดยในช่วง 5 ปีแรกนั้น Aventador มีจำนวนยอดจองมากกว่ารถสปอร์ตเครื่องยนต์ V12 ที่แลมบอร์กินีเคยผลิตมารวมกัน และรุ่นไฮไลท์ของ Aventador จนถึงปัจจุบันประกอบด้วย:

Lamborghini Aventador LP 700-4

●   Lamborghini Aventador LP 700-4 รุ่นแรกที่ผลิตในปี 2011 ตัวรถใช้โครงสร้างตัวถังแบบโมโนค๊อกที่ผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ประตูแบบ Scissor doors พร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตรเจเนเรชั่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับ Aventador โดยเฉพาะ กำลังสูงสุด 700 แรงม้า

●   จากนั้นในปี 2012 แลมบอร์กินีได้เปิดตัวเวอร์ชั่นเปิดประทุน Aventador Roadster เป็นรุ่นแรก หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์มีน้ำหนักน้อยกว่า 6 กก. การถอดเข้า/ออกสะดวก ต่อด้วยรุ่นพิเศษ Aventador J ที่ผลิตเป็นพิเศษแบบ One-off หรือคันเดียวในโลก ตัวถังเป็นแบบไร้หลังคาและกระจกหน้า และมีเพียงบังลมหน้าแบบมอเตอร์ไซค์เท่านั้น สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 300 กม./ชม.

Lamborghini Aventador Miura Homage

●   ปี 2016 แลมบอร์กินีเปิดตัว Lamborghini Aventador Miura Homage รถซีรีส์พิเศษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อฉลอง 50 ปีนับจากการผลิตซูเปอร์คาร์คันแรกอย่าง Lamborghini Miura จำนวนการผลิตจำกัดเอาไว้ที่ 50 คัน จากนั้นในปีเดียวกัน แลมบอร์กินีได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉม Aventador S โดยมีการปรับเปลี่ยนทั้งภาพลักษณ์ และปรับปรุงสมรรถนะ พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

●   ปี 2018 ตัวโปรโตไทป์ของ Lamborghini Aventador SVJ ลงวิ่งทำสถิติในลูป Nürburgring ฝั่งเหนือด้วยเวลา 6:44.97 นาที รถรุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 900 คัน ในขณะที่รุ่นพิเศษ Lamborghini Aventador SVJ 63 ผลิตจำกัดจำนวนเพียง 63 คัน เพื่อเป็นเกียรติในการก่อตั้งบริษัท Automobili Lamborghini S.p.A. ในปี 1963 ทั้ง 2 รุ่นออกแบบโดยใช้หลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูงแบบใหม่อย่างระบบ ALA หรือ Aerodinamica Lamborghini Attiva ช่วยให้ดาวน์ฟอร์ซเพิ่มขึ้นถึง 40%

Lamborghini Aventador S by Skyler Grey

●   ปี 2019 แลมบอร์กินีจัดแสดงรถรุ่นพิเศษ Lamborghini Aventador S by Skyler Grey เป็นสีสันให้กับงาน Monterey Car Week ตัวรถตกแต่งลวดลายโดยศิลปินสตรีทอาร์ท Skyler Grey ภายใต้คอนเซปต์ splash-effect นอกจากนี้ Aventador S ยังเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการรับรองและปกป้องในฐานะงานศิลปะด้วย

●   ในด้านวัฒนธรรมร่วมสมัย Aventador ได้ปรากฏโฉมในภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ The Dark Knight Rises ในปี 2012 โดยรุ่นที่เข้าฉากคือ Lamborghini Aventador LP 700-4 ที่มาพร้อมป้ายทะเบียน Gotham – 649 8227

●   Aventador นับเป็นสปอร์ตคาร์คันแรกของแลมบอร์กินีที่สามารถเลือกโหมดในการขับได้ 4 แบบ คือ Strada, Sport, Corsa หรือ Ego โดยในโหมด Ego นั้นผู้ขับสามารถตั้งค่าต่างๆ เองได้เพื่อให้เข้ากับสไตล์การขับ ไม่ว่าจะเป็นระบบส่งขับเคลื่อน ทั้งเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนแบบ 4WD, ระบบบังคับเลี้ยว รวมถึงชุดควบคุมระบบช่วงล่าง Magneride adaptive

●   สำหรับรถรุ่นสุดท้ายของซีรี่ส์ Aventador รุ่นล่าสุดอย่าง Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimae นี่คือ Aventador ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์การผลิตของแลมบอร์กินี คอนเซปต์หลักของรถรุ่นนี้คือการรวมสมรรถนะของ Aventador SVJ กับภาพลักษณ์ที่เหนือกาลเวลาของ Aventador S ไว้ในหนึ่งเดียว

●   สเตฟาน วิงเคิลแมน (Stephan Winkelmann) ประธานบริหารแลมบอร์กินีกล่าวว่า “Aventador LP 780-4 Ultimae เป็นตัวแทนของความสำเร็จสำหรับเครื่องยนต์ V12 ของ Lamborghini ตัวรถสามารถส่งต่อประสบการณ์การขับขี่สูงสุดและตอบโจทย์ในการเป็นตัวแทนส่งท้ายของรุ่นทั้งในเรื่องของสมรรถนะและดีไซน์อันเป็นตำนาน Aventador นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นรถที่จะเป็นตำนานไว้อยู่แล้วตั้งแต่เปิดตัว และ Aventador LP 780-4 คือการส่งต่อตำนานที่เหมาะสมที่สุด”

Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimae Roadster

รุ่นสุดท้ายก่อนยุติวสายการผลิตในปี 2021

●   Aventador LP 780-4 Ultimae มากับกันชนหน้าใหม่ที่ออกแบบมาให้ช่วยเพิ่มแรงกดบริเวณส่วนหน้าของรถ ระบบควบคุมการทรงตัวปรับจูนให้ตอบสนองได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ทำงานควบคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เน้นการถ่ายกำลังไปที่ล้อหลัง ชุดระบบอิเลคทรอนิคส์ต่างๆ ควบคุมด้วยสมองกลส่วนกลาง Lamborghini Dinamica Veicolo Attiva (LDVA) แบบรีลไทม์โดยใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์รอบคัน

●   สปอยเลอร์หลังเป็นแบบ Adaptive สามารถปรับได้ 3 ระดับ ประกอบด้วย Closed, Maximum Performance หรือ Maximum Handling ขึ้นอยู่กับโหมดการขับและความเร็วของรถ โหมดในการขับยังคงเลือกได้ระหว่าง Strada, Sport, Corsa หรือ Ego

●   Aventador LP 780-4 Ultimae ใช้เครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตร รุ่นปรับปรุง ส่งกำลังด้วยเกียร์ Independent Shifting Rod (ISR) แบบ 7 จังหวะ ความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ภายใน 0.05 วินาที กำลังสูงสุดผลิตได้ 780 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 73.3 กก.-ม. ซึ่งมีกำลังเพิ่มขึ้น +40 แรงม้าเมื่อเทียบกับ Aventador S และ +10 แรงม้าเมื่อเทียบกับ Aventador SVJ

●   Aventador LP 780-4 Ultimae ใช้ตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ โมโนค็อก ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,550 กก. โดยรุ่นตัวถังคูเป้จะมีน้ำหนักเบากว่า -25 กก. เมื่อเทียบกับ Aventador S อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักเทียบเท่ากับ SVJ ที่ 1.98 กก./แรงม้า รุ่นคูเป้อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที รุ่นโรดสเตอร์ 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม. ชุดเบรคเซรามิคสามารถหยุดรถจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนถึงจุดหยุดนิ่งภายใน 30 เมตร

●   ชุดระบบช่วยขับมีอาทิ ระบบช่วยเลี้ยว 4 ล้อ ซึ่งถูกติดตั้งเป็นครั้งแรกใน Aventador S ช่วยเพิ่มความคล่องตัวทั้งในย่านความเร็วต่ำและความเร็วสูง, ฟังก์ชั่นพวงมาลัยแปรผัน Lamborghini Dynamic Steering (LDS) ช่วยคำนวณน้ำหนักพวงมาลัย ยังผลให้ผู้ขับสามารถรับรู้ความรู้สึกจากพื้นถนนและตอบสนองกับการควบคุมรถได้ดีขึ้น

Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimae coupé

●   สีภายนอกและluภายในมีการเพิ่มโทนสีให้ใหม่สำหรับ Ultimae โดยเฉพาะ ซึ่งคอลเลคชั่นสีใหม่นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินที่มีสีมาตรฐานถึง 18 สี และยังสามารถเลือกได้สูงสุดถึง 300 กว่าสี สำหรับผู้ใช้บริการคัสตอม Ad Personam โดย Aventador LP 780-4 Ultimae รุ่นคูเป้นั้น ใช้สีโปรโมทเป็นสีเทาทูโทนตัดกับสีแดง Rosso Mimir บริเวณกันชนหน้า และบริเวณครีบด้านหลังของดิฟฟิวเซอร์

●   สำหรับ Aventador LP 780-4 Ultimae Roadster จะใช้สีตัวถังใหม่อย่าง Blu Tawaret และ Blu Nethuns พร้อมหลังคาแบบคาร์บอนเงา และยังสามารถเลือกหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์เป็นออปชั่นได้

Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimae Roadster

●   นอกจากนี้ สีภายนอกแบบด้านอย่าง Grigio Acheso และ Grigio Teca ได้ออกแบบให้รับกับสีภายในด้วยหนังดำ ตัดกับวัสดุอัลคันทาร่า พร้อมเดินด้ายสีเทา ไฮไลท์คือลายอักษรตัว ‘Y’ ที่ทำการเลเซอร์คัทลงไปบริเวณตัวเบาะและแผงแดชบอร์ด ตัวเบาะเป็นแบบปรับไฟฟ้าที่มาพร้อมคำว่า ‘Ultimae’ บริเวณปีกเบาะ เสา A ติดตั้งเพลทระบุซีเรียลนัมเบอร์จาก 001 จนถึง 350 ในรุ่นคูเป้ หรือ 250 ในรุ่นโรดสเตอร์ ซึ่งเป็นตัวเลขจำนวนการการผลิตในแต่ละรุ่นนั่นเอง

●   ทั้งนี้ ล้อฟอร์จอัลลอยน้ำหนักเบา Dianthus ขนาด 20 นิ้ว และ 21 นิ้ว จะเป็นล้อมาตรฐานจากโรงงาน ทว่าสามารถเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนเป็นลายอื่นๆ เช่น Leiron และ Nireo เป็นสีบรอนซ์ ดำ ไทเทเนียม และสามารถเลือกติดตั้งยาง Pirelli PZero Corsa ได้ด้วย ส่วนภายนอกของตัวรถ ยังสามารถตกแต่งเพิ่มเติมด้วยลายเส้นตัดกับสีตัวรถ เช่น สีขาว, สีเงิน หรือสีบรอนซ์ และสีคาลิปเปอร์เบรคมาตรฐานสีเงิน ก็สามารถเลือกสีอื่นๆ ได้เพื่อเสริมความดุดันของล้อแบบ Centerlock

●   อุปกรณ์มาตรฐานของของ Ultimae มีอาทิ จอ TFT สำหรับแสดงข้อมูลการขับ, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งออปชั่นอย่าง Lamborghini telemetry สำหรับช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการขับในแบบแทร็คได้

●   สำหรับราคาเริ่มต้น Aventador LP 780-4 Ultimae coupé อยู่ที่ 42,500,000 บาท และราคาเริ่มต้นของ Aventador LP 780-4 Ultimae Roadster อยู่ที่ 45,900,000 บาท

●   ใครสนใจติดต่อ ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ วิภาวดีรังสิต หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111 หรือเว็บไซท์: www.lamborghini.com     ●

2022 Lamborghini Aventador LP780-4 Ultimae