September 28, 2022
Motortrivia Team (10203 articles)

Porsche และ Shell เปิดสถานีชาร์จ 180 กิโลวัทท์แห่งแรกในประเทศไทย

motortrivia

●   ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก และ เชลล์ ร่วมกันเปิดตัว Shell High Performance Charging หรือ HPC สถานีชาร์จแบตเตอรี่สมรรถนะสูงแห่งแรกที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์รูปแบบใหม่ หรือ ‘Site of the Future’ ต้นแบบสถานีบริการน้ำมันมาตรฐานระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทยย่านนนทบุรีเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางสำหรับอนาคตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

●   สถานี Shell HPC แห่งแรกนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการก่อสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จแบตเตอรี่แบบสมรรถนะสูง 180 กิโลวัทท์ และ 360 กิโลวัทท์ direct-current (DC : ไฟฟ้ากระแสตรง) ของเชลล์อีก 11 แห่งทั่วประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ซึ่งสถานี Shell HPC ในประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อและขยายเครือข่ายสถานี HPC ของเชลล์ตลอดทั่วภูมิภาค และจะดำเนินงานร่วมกับสถานีอีก 6 แห่งในประเทศมาเลเซีย และ 3 แห่งในสิงคโปร์ เพื่อช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเดินทางด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า

●   เส้นทางมลพิษต่ำมากกว่า 2,200 กิโลเมตรนี้ จะเชื่อมเขตแดนของ 3 ประเทศในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 800,000 ตารางกิโลเมตร และยังเป็นการเริ่มต้นความร่วมมือกันระหว่าง 2 บริษัทระดับโลกอย่าง ปอร์เช่ เอเชียแปซิฟิก และเชลล์ด้วย

●   Dr. Henrik Dreier (ดร. เฮนริค ไดรเยอร์) ผู้อำนวยการ New Business Fields ของ Porsche Asia Pacific กล่าวว่า “เรายังคงรักษาคำสัญญาในด้านการขับเคลื่อนอนาคตของการคมนาคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉกเช่นเดียวกับการยืนยันเจตนารมณ์อย่างต่อเนื่องเรื่องการลดสารประกอบคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030 ตามความมุ่งมั่นของเรา และความไว้วางใจที่เรามีต่อ Shell ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจนั้น กำลังนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางใหม่ ด้วยการเปิดตัวสถานีชาร์จสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง Shell High Performance Charging ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมาพร้อมสิทธิพิเศษมากมายสำหรับเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) รวมทั้งเครือข่ายการบริการที่มีระยะทางมากกว่า 2,200 กิโลเมตร เราคาดหวังถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ผู้ใช้เส้นทางจะได้รับจากการสัญจรทางไกล ตลอดจนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอีกแรงสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาเลือกใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น”

●   Amr Adel (อาเมอร์ อเดล) รองประธานกรรมการอาวุโสของ Shell Mobility Asia อธิบายต่อว่า “ผู้ใช้รถ EV ต่างคาดหวังถึงประสบการณ์ด้านการชาร์จพลังงานที่รวดเร็ว และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงวิธีในการลดมลภาวะที่เกิดจากการขับขี่ยานพาหนะของพวกเขา เมื่อพรมแดนของประเทศต่าง ๆ ในโลกเปิดกว้าง ผู้ใช้รถยนต์จึงเฝ้าค้นหาสถานีชาร์จพลังงานที่สามารถเชื่อถือได้ โดยเฉพาะการเดินทางสัญจรระยะยาวข้ามประเทศ ด้วยเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง HPC สถานีแห่งแรกของเราในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Shell (เชลล์) คือผู้ให้บริการเครือข่ายการบริการสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้ารูปแบบระหว่างประเทศที่แรกในภูมิภาค นี่คือบริการของ Shell Recharge EV network การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เป็นการประกาศผนึกกำลังและความสำเร็จระหว่างปอร์เช่ และเชลล์ เพื่อขยายการพัฒนาสถานีชาร์จไฟฟ้าสมรรถนะสูง ระหว่างสิงคโปร์ มาเลเซียและเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อตอบรับความต้องการและความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่รถพลังงานไฟฟ้า ทางเชลล์มีความตั้งใจเป็นอย่างสูงในการรับบทบาทสำคัญสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อพลังงานขับเคลื่อนแบบไร้คาร์บอน โดยการร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรและกลุ่มลูกค้า”

●   สถานี Shell HPC ทั้ง 11 แห่งในประเทศไทย จะมีการติดตั้งจุดชาร์จแบบ DC chargers กำลังไฟ 180 กิโลวัทท์ และ 360 กิโลวัทท์ รองรับระบบการชาร์จเร็วในประเทศไทย ผู้ขับสามารถเดินทางจากจังหวัดสงขลาไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดยระบบชาร์จที่รองรับกำลังไฟ 180 กิโลวัทท์ของ Porsche Taycan สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 80% (State of Charge หรือ SoC) ได้ภายในเวลาประมาณ 30 นาที พร้อมระยะทางขับเคลื่อนสูงสุดประมาณ 390 กิโลเมตร จากการทดสอบตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป

●   หากใช้งานระบบชาร์จ 270 กิโลทท์ ซึ่งเป็นกำลังสูงสุดที่ Taycan สามารถรองรับได้ จะช่วยร่นระยะเวลาในการชาร์จเหลือเพียง 22 นาทีเท่านั้น

●   เส้นทางกว่า 2,200 กิโลเมตรที่เริ่มตั้งแต่ประเทศสิงคโปร์, มาเลเซีย จนมาถึงประเทศไทย ยังมีการเสริมความร่วมมือทางธุรกิจด้านการดูแลลูกค้าด้วยสิทธิพิเศษสำหรับเจ้าของ Taycan ด้วย โดยเจ้าของ Taycan ในไทยจะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับสถานะสมาชิกระดับ Platinum ไม่มีค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี เสริมด้วยส่วนลดอัตราค่าบริการ Pay-Per-Use (PPU) 50% หรือการสำรองจุดชาร์จล่วงหน้าได้ระยะเวลาสูงสุด 1 ชั่วโมงก่อนเดินทางมายังสถานี Shell HPC ทุกแห่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และรับคะแนนสะสม Shell GO+ จำนวน 10,000 คะแนน สำหรับแลกรับส่วนลดผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของเชลล์

●   นอกจากนี้ ผู้ใช้งานแอพพลิเคชัน Sharge และ ParkEasy ในไทยและมาเลเซีย จะสามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จ Shell HPC และสถานีชาร์จ Porsche Destination Charging ในทั้ง 2 ประเทศได้อย่างสะดวก โดยที่ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสิงคโปร์, มาเลเซีย และไทย จะสามารถเข้ารับบริการในเครือข่ายสถานี Shell HPC ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายแบบ Pay-Per-Use (PPU) หรือเลือกสมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษได้

เกี่ยวกับ Porsche Asia Pacific Pte Ltd

●   Porsche Asia Pacific Pte Ltd เป็นบริษัทในเครือของ Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG ในฐานะผู้ผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับชั้นนำของโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองสตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี สำหรับยานพาหนะชั้นเลิศซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม 911 นอกจากนั้นปอร์เช่ยังสร้างสรรค์ยนตกรรมสปอร์ตหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) มาคันน์ (Macan) พานาเมร่า (Panamera) 718 บ๊อกสเตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) ในปี 2019 ได้เปิดตัวปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรก

●   ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิก เริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2001 ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการทำหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานในตลาดภูมิภาค เอเซีย แปซิฟิก อย่างใกล้ชิดโดยปอร์เช่สำนักงานใหญ่ มุ่งเน้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั้งในด้านของงานบริการ การพัฒนาธุรกิจ การตลาด สื่อสารมวลชนและประชาสัมพันธ์ รวมทั้งงานขาย ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิก รับบทบาทในการประสานงานครอบคลุม 13 ประเทศในภูมิภาค ประกอบด้วย: บรูไน, กัมพูชา, เฟรนช์ โปลีนีเซีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, มองโกเลีย, นิว แคลิโดเนีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ศรีลังกา, ไทย และเวียดนาม

เกี่ยวกับ ปอร์เช่ ประเทศไทย

●   ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 1989 ปัจจุบัน เอเอเอส กรุ๊ป มีโชว์รูมจัดจำหน่าย 4 แห่งในเขตกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ปอร์เช่ทุกคันที่นำเข้า และจัดจำหน่ายโดย เอเอเอส กรุ๊ป ผ่านการทดสอบตามลักษณะการใช้งานในประเทศไทย และปรับแต่งระบบการทำงานของเครื่องยนต์เป็นพิเศษเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับด้านมลภาวะ คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และสภาวะการขับขี่ในประเทศไทย ทีมงานบุคลากรของ เอเอเอสฯ มีความพร้อมทั้งในเรื่องของความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนเครื่องมือพิเศษ สำหรับดูแลรถยนต์ปอร์เช่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยด้วยความสมบูรณ์แบบ

●   เอเอเอสฯ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอสฯ ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

เกี่ยวกับ Shell Mobility

●   มากกว่า 46,000 สถานี ใน 80 ประเทศ Shell คือผู้ให้บริการสำหรับยานพาหนะที่ใหญ่ที่สุดเมื่อนับจากจำนวนสถานีบริการ และเป็นหนึ่งในบริษัท single-branded retailers ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

●   ในทุกวัน มีลูกค้าประมาณ 32 ล้านคน แวะเวียนมารับบริการที่สถานีบริการ Shell เพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิง จับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อความสะดวกสบาย ซึ่งรวมไปถึงอาหาร และเครื่องดื่มที่สดใหม่ หรือบริการอื่น ๆ อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น และทำความสะอาดรถยนต์ ในส่วนของการสร้างความเติบโต เรานำเสนอลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ และงานบริการที่ลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น biofuels สถานีชาร์จพลังงานรถยนต์ไฟฟ้า สถานีบริการพลังงาน hydrogen และเชื้อเพลิงทางเลือกหลากหลายชนิด ตัวอย่างเช่น LNG

●   ในประเทศไทย Shell มีสถานีตั้งอยู่มากกว่า 690 แห่ง (ข้อมูลเดือนสิงหาคม 2022) พร้อมบริการน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง ได้แก่ V-Power และ FuelSave จากหัวจ่าย รวมทั้งอาหาร และเครื่องดื่มมากมายภายในร้านสะดวกซื้อ Shell Select และร้านกาแฟ Shell Café / delicafe’ – รองรับทุกความต้องการของคุณเพื่อโลดแล่นไปบนท้องถนน ไม่ว่าการเดินทางจะยาวไกลเพียงใด     ●