2023 Pininfarina Battista Nino Farina Edition

119views

motortrivia

● Automobili Pininfarina เปิดตัวไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า Pininfarina Battista รุ่นพิเศษ Pininfarina Battista Nino Farina Edition ผลิตแบบจำกัดจำนวนเพียง 5 คันเท่านั้น ตัวรถได้รับการออกแบบเป็นพิเศษแบบเฉพาะตัวเพื่อรำลึกถึงนักแข่ง Formula One ในตำนาน Giuseppe Antonio ‘Nino’ Farina ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะแชมป์ F1 อย่างเป็นทางการคนแรกของโลก (First official Formula One World Champion) ในการแข่งขัน F1 ฤดูกาล 1950

● Giuseppe Farina หรือ Nino Farina เป็นนักขับสัญชาติอิตาลี และยังเป็นหลานชายของนักออกแบบระดับตำนานอย่าง Battista ‘Pinin’ Farina ด้วย ซึ่ง Battista รุ่นพิเศษนี้ จะเผยโฉมที่งาน Goodwood Festival of Speed ระหว่างวันที่ 13 – 16 กรกฎาคม 2023 โดยจะเปิดตัวใกล้กับ Goodwood Circuit ซึ่งเป็นสนามที่ Nino Farina คว้าชัยชนะในรายการ Goodwood Trophy ปี 1951 ผู้ที่จะรับหน้าที่ขับโชว์ในงานคือ Nick Heidfeld อดีตนักขับ F1 ชาวเยอรมันซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะที่ปรึกษาของ ออโตโมบิลี พินินฟารินา และเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการพัฒนา Battista

● ทั้งนี้ Battista Nino Farina Edition รุ่นพิเศษทั้ง 5 คันจะมีการตกแต่งแบบเฉพาะคัน และทำหน้าที่บอกเล่า 5 ช่วงเวลาสำคัญของ Nino Farina ในการแข่งขัน Formula One ซึ่งประกอบด้วย:

(1) วันที่และสถานที่เกิดของนิโน่ คือปี 1906 ในเมืองทูริน
(2) คว้าโพล โพสิชั่น F1 เป็นครั้งแรก และคว้าชัย British Grand Prix ในปี 1950
(3) ชัยชนะครั้งที่ 2 จากรายการ Swiss Grand Prix ในปี 1950
(4) ชัยชนะครั้งที่ 3 และครั้งสุดท้ายในปี 1950 จากรายการ Italian Grand Prix
(5) การคว้าแชมป์โลก F1 ในปี 1950

● Battista ‘Pinin’ Farina ผู้ก่อตั้งบริษัทโคชบิลเดอร์อันโด่งดังอย่าง Carrozzeria Pininfarina ในปี 1930 ชื่อของเขาได้ถูกนำมาใช้เป็นชื่อของรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตโดยพินินฟารินาอย่าง Pininfarina Battista เพื่อเป็นการยกย่องความฝันของเขาในการผลิตรถภายใต้แบรนด์พินินฟารินา

● ในฐานะลุงของ Nino Farina เขาเป็นผู้จุดประกายความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ตของหลานชาย ผู้จะกลายเป็นแชมป์โลกในอีกไม่กี่ปีให้หลัง Battista เคยพา Nino ในวัย 16 ปีเข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกในฐานะผู้โดยสาร ซึ่งสิ่งนี้ได้สร้างความกระหายในการแข่งขันให้กับ Nino ส่งผลให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันและชิงแชมป์รายการต่างๆ หลายรายการทั่วอิตาลีในช่วงทศวรรษ 1930

● ในปี 1950 Nino ลงแข่งกรังด์ ปรีซ์ ครั้งแรกที่จัดอย่างเป็นทางการโดย FIA (หรือการแข่งขัน Formula One ชิงแชมป์โลกในปัจจุบัน) โดยเป็นผู้นำทีมแข่งรถจำนวน 3 คัน โดยในปีแรกของการแข่งขัน Nino สามารถเอาชนะการแข่งขันในอังกฤษ (ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ Silverstone Circuit), สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ยังผลให้เขาคว้าตำแหน่งแชมป์โลกเป็นครั้งแรก และเป็นคนแรกของโลก (อย่างเป็นทางการ) ได้

● Paolo Dellachà ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลี พินินฟารินา กล่าวว่า “Battista Edizione Nino Farina คือตัวแทนแห่งวิสัยทัศน์ของทีมออกแบบที่มีความสามารถของเรา โดยเป็นการยกย่องตำนานและมรดกตกทอดที่ไม่มีใครเทียบได้ของตระกูลพินินฟารินา บอกเล่าเรื่องราวที่ยังไม่เคยมีผู้ใดรับรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณและความกล้าหาญของชายผู้เดินหน้าด้วยความหลงใหลในการแข่งรถที่ไม่เหมือนใคร”

● “ลูกค้าของเราต้องการสิ่งพิเศษ หายาก มีคุณภาพและการออกแบบที่ไม่เหมือนใครจากพินินฟารินาในอดีต ดังนั้น Battista Edizione Nino Farina จึงผสมผสานองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้เข้ากับประสิทธิภาพที่น่าอัศจรรย์ของรถยนต์ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีการผลิตในอิตาลีอย่าง Battista เราเชื่อว่า Nino คงมีความฝันที่จะได้ลองขับรถด้วยกันกับคุณลุง Battista เพื่อทดสอบขีดจำกัดของรถยนต์เหมือนทุกครั้งที่เขาทำตอนลงแข่ง”

● “การขับรถคันนี้ไม่ต่างจากการได้สวมชุดซูเปอร์ฮีโร่ รับประกันถึงประสบการณ์และความรู้สึกสุดพิเศษ ผมตั้งตารอที่จะได้เปิดตัว Battista Edizione Nino Farina เป็นการส่วนตัวที่งาน Goodwood Festival of Speed ในปีนี้”

● Dave Amantea ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการออกแบบของ ออโตโมบิลี พินินฟารินา ระบุว่า Battista Nino Farina Edition แต่ละคันเป็นเสมือนเครื่องบรรณาการให้กับเรื่องราวและช่วงเวลาสำคัญที่ไม่มีใครเทียบได้ในชีวิตของ Nino Farina

● ตัวรถมากับสีพิเศษ Rosso Nino สื่อถึงสีแดงของตัวแข่งในอิตาลีที่ทำให้เขาคว้าชัยอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนล่างตกแต่งด้วยแถบทูโทน สีขาว Bianco Sestriere และสีฟ้า Iconica Blu เสริมด้วยหมุดสั่งทำพิเศษบนกระจกมองข้าง และด้านล่างของปีกหลัง นอกจากนี้ยังมีลายกราฟฟิคพิเศษรูปช่อมะกอก และหมายเลข 01 ตกแต่งตามจุดต่างๆ ของตัวรถ

● Battista Nino Farina Edition จะมากับแอร์โรพาร์ท Furiosa Pack เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ประกอบด้วยสปลิทเตอร์หน้า คาร์บอนไฟเบอร์ โฉมใหม่, สเกิร์ทข้าง และดิฟฟิวเซอร์รีดอากาศทางด้านท้าย ตกแต่งด้วยหมุดสี Bianco Sestriere และยังมีการตกแต่งภาพลักษณ์เพิ่มเติมด้วยแพคเกจ Carbon Accent Pack ด้วย

● หลังคาตกแต่งด้วย Goccia สีเข้ม พร้อมด้วย Jewellery Pack อลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ, คาลิเปอร์เบรคสีดำ, ล้อแบบเซ็นเตอร์ล็อคมากับฝาดุมล้ออลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ ตัวเป็นแบบอลูมิเนียมอัลลอยลาย 10 ก้าน ขึ้นรูปแบบฟอร์จ สี Glorioso เคลือบผิวด้วยสี Satin Gold

● ห้องโดยสารตกแต่งด้วยธีมทูโทน พวงมาลัยหุ้มอัลคันทารา, เบาะผู้ขับหุ้มหนังสีดำ, เบาะฝั่งผู้โดยสารหุ้มหนังสีเบจ และอัลคันทารา, ตัวเบาะผู้ขับและผู้โดยสารเล่นคู่สีต่างกัน, การตกแต่งมีอาทิ การปักชื่อ Nino Farina บริเวณพนักพิงหลัง, เบาะผู้ขับปักลายช่อมะกอกพร้อมเบอร์ 01, ตราสัญลักษณ์พินินฟารินาตกแต่งด้วยสีแดงบนเบาะผู้โดยสาร ส่วนด้านหลังของเบาะนั่งทั้ง 2 ฝั่งตกแต่งด้วยสี Rosso Nino ปิดท้ายด้วยเข็มขัดนิรภัยสี Iconica Blu

● ระบบขับเคลื่อนไม่เปลี่ยนแปลง Battista Nino Farina Edition ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แยกติดตั้งสำหรับหมุนล้อคู่หน้า-หลัง แบ่งเป็นแพคเกจวางกลางเชื่อมต่อเพลาชุดละ 2 ตัว, ชุดระบบส่งกำลังแยกเป็น 2 ชุด ชุดแรกที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าเป็นแบบซิงเกิลสปีด ส่วนชุดที่ 2 เป็นแบบ 2 สปีด และมีระบบ AWTV หรือ All Wheel Torque Vectoring ช่วยกระจายแรงบิดในล้อทั้ง 4

● แบตเตอรี่แพคเป็นแบบ ลิเธียม แมงกานีส นิคเกิล ระบายความร้อนด้วยของเหลว ความจุ 120 กิโลวัทท์-ชม. วางกระจายน้ำหนักเป็นรูปตัว T เซลล์แบตเตอรี่บรรจุอยู่ในแพคเกจคาร์บอนไฟเบอร์ ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 476 กม. ตามมาตรฐาน WLTP เดิมของยุโรป

● กำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ 1,900 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 234 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 1.86 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 350 กม./ชม. โหมดในการขับเลือกได้ 5 โหมด ระหว่าง Calma, Pura, Energica, Furiosa หรือ Carattere

● ราคาจำหน่ายดุสุดๆ… พินินฟารินา เปิดราคา Battista Nino Farina Edition ออกมาที่ 3,100,000 ยูโร หรือประมาณ 119.8 ล้านบาทครับ ●