August 10, 2023
Motortrivia Team (10205 articles)

2023 Mercedes-Benz GLC เจนเนอเรชั่น 3 พลัง PHEV เปิดตัวในไทย

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

●   เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัว SUV ขนาดคอมแพคท์ Mercedes-Benz GLC เจนเนอเรชั่น 3 รหัสตัวถัง X254 บ้านเราเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยรุ่นย่อย GLC 350e 4MATIC AMG Dynamic พลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด ขึ้นไลน์ผลิตในประเทศแบบ Local production ตัวรถมากับแนวคิด “Ready For It” ใช้งานได้เอนกประสงค์ทั้ง On-Road และ Off-Road ทว่ายังคงความหรูตามแบบฉบับของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์

●   มร. มาร์ทิน ชเวงค์ (Martin Schwenk) ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 1,019,200 คันทั่วโลก มีอัตราการเติบโตที่ 5% โดยส่วนหนึ่งคือยอดขายในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตัวเลขสูงถึง 102,600 คัน เติบโตกว่า 121% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสำหรับยอดขายในประเทศไทย มีการเติบโตกว่า 6% ปิดยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกได้กว่า 7,700 คัน เป็นผลมาจากการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้นับเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศไทย ต่อเนื่องจาก 2 รุ่นแรกอย่าง EQS และ EQB เรามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมกัน 2 รุ่น ในอีก 6 สัปดาห์นับจากนี้ และในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดให้เครือข่ายผู้จำหน่ายฯ สามารถจำหน่ายและให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครอบคลุมมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ ยกระดับความสะดวกสบายให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและเข้ารับบริการแบบครบวงจรได้ในทุกพื้นที่”

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   “นอกจากการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานทางเลือกในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยรถปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำตลาดในประเทศไทย สามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย และสำหรับผู้ที่ขับขี่ระยะทางไกลก็ยังสามารถขับขี่ต่อเนื่องได้ด้วยเครื่องยนต์สันดาปโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องระยะทางและการหาจุดชาร์จไฟฟ้าระหว่างทาง เช่นเดียวกับ The new GLC ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้”

●   “The new GLC เป็นอีกขั้นของยนตรกรรมเอสยูวีที่สืบทอดดีเอ็นเอมาจาก Mercedes-Benz GLK ที่เปิดตัวในปี 2008 ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชั่นแรกของรถเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก่อนที่จะต่อยอดมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2015 ภายใต้ชื่อ Mercedes-Benz GLC เอสยูวีที่ถูกพัฒนาและปรับโฉม ให้มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ตและดีไซน์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงจุดแข็งในด้านของการเป็นรถเอสยูวีที่เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จนทำให้ GLC ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวมกว่า 2,600,000 คันทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ The new GLC เจเนอเรชั่นที่ 3 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด โดยขึ้นไลน์ผลิตในชื่อรุ่น “GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic”

มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   มร. บีเยิร์น กุซเทรา (Björn Gustera) รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “The new GLC โมเดลปี 2023 เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในตระกูลเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” วางกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลที่มองหารถเอสยูวีระดับลักชัวรี่ พร้อมนำเสนอยนตรกรรมที่มีความเพียบพร้อมและสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือการขับขี่ระยะทางไกล ครอบคลุมทั้งรูปแบบ On-Road และ Off-Road โดยเปิดตัวในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ตามปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ผสานความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว”

●   “รถรุ่นนี้ติดตั้งเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ยกระดับการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มีสมรรถนะที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 31.2 kWh ซึ่งสามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP โดยเทคโนโลยีปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจเนเรชั่นล่าสุด จะรองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งแบบ DC Charge สูงสุด 60 kWh และ AC Charge สูงสุด 11 kWh นอกจากนี้ GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ยังเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยทั้งในด้านของฟังก์ชันอำนวยความสะดวก ระบบการเชื่อมต่อและการสื่อสารที่เหนือระดับ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของหนึ่งในยนตรกรรมเอสยูวีที่ดีที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ”

●   GLC 350e 4MATIC AMG Dynamic ภายนอกตกแต่งด้วยแพคเกจ AMG bodystyling จากโรงงาน กระจังหน้าแบบ Star pattern, กันชนใหม่แบบ A-shape, ชุดไฟหน้าความละเอียดสูง 1.3 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงแบบ Digital Light และ Ultra Range High beam ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร เสริมด้วยระบบ Adaptive Highbeam Assist Plus ปรับไฟสูงอัตโนมัติ และระบบ Cornering light ปรับไฟหน้าตามองศาการเลี้ยว

●   ตัวรถให้ภาพลักษณ์ความดุดันในแบบ SUV ด้วยราวหลังคาอลูมิเนียม, บันไดข้างสแตนเลสแบบสปอร์ต, ล้ออัลลอย AMG 5-Twin Spoke ขนาด 20 นิ้ว มิติตัวรถมีความยาว 4,721 มม. กว้าง 1,918 มม. สูง 1,631 มม. ระยะฐานล้อ 2,888 มม. ด้านท้ายมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระแบบใหม่ Flat trunk floor ความจุ 470 ลิตร และเพิ่มเป็นสูงสุดถึง 1,530 ลิตรเมื่อพับเบาะราบ พร้อมฟังก์ชั่นเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มือ

●   ห้องโดยสารตกแต่งด้วยแพคเกจ AMG Interior Package เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Seats ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อม memory seat 3 ตำแหน่ง และระบบดันหลัง 4 ทิศทางแบบ Lumbar support, แผงคอนโซลกลางใช้วัสดุแบบ High-Gloss Black สีดำเงา และ Metal Structure trim, คอนโซลหน้าและแผงประตูหุ้มหนัง ARTICO man-made ตกแต่งลวดลายแบบ Nappa, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันเจเนอเรชั่นที่ 5 ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ หุ้มด้วยหนัง Nappa และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

●   อุปกรณ์มาตรฐานมีมาตรวัดฟูลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX7 ขนาด 11.9 นิ้ว สามารถเรียนรู้ผู้ใช้งานได้ด้วย AI และปรับระบบการใช้งานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึงการประเมินสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อระบบเข้ากับผู้ขับและผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น ตัวระบบทำงานร่วมกับฟังก์ชั่น Mercedes me connect เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต รองรับการสั่งงานด้วยเสียง 27 ภาษา ปลอดภัยด้วยการเข้าใช้งานด้วย User profile แบบ Fingerprint scanner ใช้ลายนิ้วมือยืนยันผู้ใช้งานในตำแหน่งผู้ขับผ่านการเชื่อมข้อมูลใน Mercedes me PIN บนสมาร์ทโฟน, รองรับ Android Auto™ และ Apple CarPlay™, ถาดชาร์จสมา์ทโฟนแบบไร้สาย และพอร์ท USB Type C รวม 6 ตําแหน่ง

●   นอกจากนี้ยังมีระบบแผนที่แบบ Hard-disc navigation แสดงผลแบบ 3 มิติ พร้อมระบบ MBUX Augmented Reality เทคโนโลยี AR แสดงภาพสัญลักษณ์การนำทางบน Navigation display ที่แสดงภาพถนนจริง ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการนำทางมากยิ่งขึ้น ต่อด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system พร้อมลำโพง 15 ตำแหน่ง, ไฟตกแต่งห้องโดยสารแบบ Premium Ambient Lighting ปรับได้ 64 เฉดสี, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC, ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละออง PM 2.5

●   ชุดระบบขับเคลื่อน ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจเนอเรชั่นที่ 4 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า Permanently Excited Synchronous Machine ส่งกำลังด้วยเกียร์ 9G-TRONIC เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอออน แรงดันสูง ความจุ 31.2 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 กิโลวัทท์ จาก 10 – 80% ภายในเวลาประมาณ 20 นาที ส่วนการชาร์จด้วยไฟกระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 กิโลวัทท์ จาก 0 – 100% ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที

●   กำลังรวมทั้งระบบของ GLC 350e ผลิตได้ 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 56 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 218 กม./ชม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 120 กม. ตามมาตรฐาน WLTP และสะดวกด้วยระบบปรับรูปแบบการขับ Dynamic Select

●   ชุดระบบความปลอดภัยมี ระบบ Active Distance Assist DISTRONIC ควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่นรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า, ระบบ Blind Spot Assist ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา, ระบบ Active Lane Keeping Assist รักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร, ระบบเบรค Adaptive Brake, ฟังก์ชั่น Adaptive brake light ไฟเบรคกระพริบฉุกเฉิน, ระบบ Tyre pressure loss warning system แจ้งเตือนแรงดันลมยาง, ระบบ Attention Assist ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับ, ระบบ exit warning แจ้งเตือนก่อนออกจากรถ และระบบ Parking Package with 360° camera ช่วยจอดอัตโนมัติแบบมุมมอง 360°

●   นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง OFF-ROAD Engineering Package สำหรับปกป้องตัวถังแบบใหม่ที่แข็งแรงทนทานด้วยโครงสร้างแบบ Underbody protection และมีจอแสดงผลที่สามารถรายงานข้อมูลภายนอกตัวรถโดยอาศัยความสามารถของกล้องรอบคัน 360° ที่ให้แสดงผลแบบ Transparent bonnet ช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นภาพจริงในจุดอับสายตาบริเวณหน้ารถด้วย

ราคาจำหน่าย

●   ผู้ที่สนใจ GLC 350e 4MATIC AMG Dynamic สามารถเลือกสีตัวถังได้ 6 สีระหว่าง ขาว Polar White, น้ำเงิน Nautic Blue, เทา Graphite Grey, เงิน Mojave Silver, เงิน High-tech Silver หรือดำ Obsidian Black

●   ราคาจำหน่ายเริ่มต้น GLC 350e 4MATIC AMG Dynamic เปิดออกมาที่ 4,180,000 บาท

●   นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังระบุว่่า GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic จะเป็นหนึ่งในรุ่นรถที่เข้าร่วมโปรแกรมการขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery) ที่ติดตั้งในรถกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยรับประกันคุณภาพเป็นระยะเวลา 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง หรือ Unlimited mileage 10-year warranty for HV Battery ด้วย

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.mercedes-benz.co.th หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/MercedesBenzThailand หรืออินสตาแกรม : instagram.com/mercedesbenzthailand หรืออี-เมล [email protected]

Grand Opening : 2023 Mercedes-Benz GLC 350e 4MATIC AMG Dynamic