สรุปภาพรวมของยอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2023
เรื่อง : AREA 54
● ผ่านพ้นกันไปแล้วอีกหนึ่งปี ตัวเลขยอดจำหน่าย รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั่วโลกซึ่งนับรวมรถในกลุ่ม ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ด้วย เพิ่มขึ้น +31% ทว่าตัวเลขนี้ระบุว่าการเติบโตของตลาดนั้นกำลังชะลอตัวตามกลไก เนื่องจากเมื่อเทียบกับปี 2022 ยอดจำหน่ายในระดับโลกนั้นพุ่งขึ้นถึง +60% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2021 โดย Rho Motion ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการตลาดให้ข้อมูลกับ reuters.com ว่า ตัวเลขนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลแล้ว เนื่องจากการเติบโตในระดับ 2 เท่าต่อปีนั้นเป็นได้ยาก และในปี 2024 นี้ พวกเขาก็คาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายรถไฟฟ้าจะเติบโตอยู่ในช่วง 25 – 30% เช่นกัน ไม่น่าจะมากไปกว่านี้
● ตัวเลขโดยรวมของปี 2023 ยอดจำหน่ายรถ EVs ทั่วโลกอยู่ที่ 13.6 ล้านคัน แบ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ล้วน 9.5 ล้านคัน ส่วนรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด อยู่ที่ 4.1 ล้านคัน… สิ่งที่น่าสนใจคือสหรัฐอเมริกาและแคนาดานั้นมีอัตราส่วนการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง +50% ในขณะที่ฝั่งยุโรปเพิ่ม +27% ทว่าจีนซึ่งส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างหนักนั้น กลับมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นเพียง +15% เท่านั้น
● นอกจากนี้ Rho Motion ยังคาดว่าตัวเลขยอดจำหน่ายในยุโรปเมื่อสิ้นสุดปี 2024 อาจจะได้รับผลกระทบมากกว่านี้ เนื่องจากเยอรมนีกำลังจะจบแคมเปญการสนับสนุนส่วนลดสร้างแรงจูงใจในการเปลี่ยนให้ประชาชนมาซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วย อีกทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กในตลาดก็ยังมีเพียง 8% ของยอดจำหน่ายรถ EV ในยุโรป หมายความว่ารถไฟฟ้าขนาดเล็กราคาประหยัดในกลุ่ม Supermini (หรือ B-segment) จากแบรนด์ผู้ผลิตหลักๆ ยังมีไม่มาก และเข้าถึงคนทั่วไปไม่มากพอ
Tesla Model Y
ยอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2023
ตัวเลขจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2023
1 | Tesla Model Y | 1,085,580 คัน |
2 | BYD Song (นับรวม PHEV) | 560,497 คัน* |
3 | Tesla Model 3 | 472,080 คัน |
4 | BYD Qin Plus (นับรวม PHEV) | 411,605 คัน* |
5 | BYD Atto 3 (หรือ Yuan Plus) | 381,579 คัน |
6 | BYD Dolphin | 324,300 คัน |
7 | Wuling Hongguang Mini EV | 231,925 คัน |
8 | GAC Aion Y | 213,429 คัน |
9 | BYD Seagull | 212,654 คัน |
10 | BYD Han (นับรวม PHEV) | 206,219 คัน* |
11 | GAC Aion S | 206,166 คัน |
12 | Volkswagen ID.4 | 168,838 คัน |
13 | Wuling Bingo | 139,054 คัน |
14 | BYD Tang (นับรวม PHEV) | 127,533 คัน* |
15 | Changan Lumin | 124,981 คัน |
16 | Volkswagen ID.3 | 121,391 คัน |
17 | Li Xiang L7 | 113,661 คัน |
18 | Denza D9 (นับรวม PHEV) | 107,979 คัน* |
19 | Li Xiang L8 | 102,977 คัน |
20 | Li Xiang L9 | 99,464 คัน |
*ดูตัวเลขสัดส่วนระหว่าง BEV และ PHEV ได้จากตารางทางด้านล่าง
● ตัวเลขจากตารางนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจนิดหน่อย ในรถรุ่นที่มีรุ่นย่อย BEV และ PHEV นั้น สัดส่วนของรุ่น PHEV จะสูงกว่ารุ่น BEV อย่างชัดเจน แน่นอนว่านอกจากราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่านั้น ตัวเลขระยะทางในการวิ่งก็ยังคงเป็นอีกปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถเดินทางไกลบ่อยๆ ดังนั้นรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบสำคัญของผู้ผลิต และมีความเป็นไปได้ว่าพลังงานฟอสซิลจะยังคงอยู่กับพวกเราไปอีกพักใหญ่ๆ
● ใครสนใจเรื่องสัดส่วนตัวเลขความต่างระหว่างการจำหน่ายรุ่น BEV และรุ่นย่อย PHEV เช็คได้จากตารางทางด้านล่างนี้ครับ
BYD Song | BEV 79,230 คัน : PHEV 481,267 คัน |
BYD Qin Plus | BEV 111,262 คัน : PHEV 300,343 คัน |
BYD Han | BEV 99,964 คัน : PHEV 106,255 คัน |
BYD Tang | BEV 13,461 คัน : PHEV 114,072 คัน |
Denza D9 | BEV 65,27 คัน : PHEV 101,452 คัน |
● อย่างไรก็ตาม… หลังจากผ่านช่วงหลายปีที่ทั่วโลกมีการปรับตัวเข้าสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว เป็นธรรมชาติที่อุปสงค์ในทุกภูมิภาคจะมีการชะลอตัวลง นอกจากนี้ การที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีการปรับราคาลงอีก (บ้าง) ตามกลไกตลาด ก็จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 – 3 ปีข้างหน้า หรือจนกว่าผู้ผลิตรถยนต์ในกลุ่มหัวแถวจะจัดแถวไลน์อัพรถยุคใหม่ของตัวเองได้ลงตัว ●