January 18, 2024
Motortrivia Team (10229 articles)

Mazda เตรียมใช้ซอฟท์แวร์/ฮาร์ดแวร์ระบบ 90% ร่วมกับ Toyota

เรื่อง : AREA 54

●   มาสด้าเตรียมลดต้นทุนในการพัฒนารถยนต์ยุคต่อไป ด้วยการใช้ชุดระบบ In-Vehicle Systems ร่วมกับโตโยต้า โดยทั้ง 2 บริษัทจะร่วมกันพัฒนาและแชร์เทคโนโลยีในการผลิตเพื่อตั้งเป้าลดต้นทุนเป็นหลัก เนื่องจากการลงทุนกับหน่วยงานพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์เองแบบอิน-เฮาส์นั้น มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจนเกินไป

●   ทั้งนี้ ชุดระบบ In-Vehicle Systems ดังกล่าว จะนับรวมฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์หลายรายการ อาทิ ซอฟท์แวร์ของจอแสดงผลข้อมูลสำหรับผู้ขับ, ระบบปฏิบัติการสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์, การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล รวมถึงซอฟท์แวร์ควบคุมระบบอิเลคทรอนิคส์ภายในรถ และชุดไวร์ริง (สายไฟต่างๆ) ทั้งหมดด้วย โดยรถรุ่นใหม่ของฝั่งมาสด้าที่จะเปิดตัวตั้งแต่ช่วงปี 2027 เป็นต้นไปนั้น จะใช้ระบบ In-vehicle systems ที่เหมือนกับโตโยต้าถึง 90%

●   มีรายงานว่า ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์หรือซัพพลายเออร์บางราย จำเป็นต้องใช้เงินถึง 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในการสนับสนุนการพัฒนาซอฟท์แวร์ ซึ่งมาสด้าคาดว่าการทำงานร่วมกับโตโยต้านั้นจะช่วยประหยัดเงินไปได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี โดยในภาพรวมความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนการในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาลงได้ถึง 70 – 80% เลยทีเดียว

●   ชุดระบบ In-vehicle systems และระบบปฏิบัติการสำหรับควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการพัฒนารถ เนื่องจากผู้ผลิตจะสามารถแนบคอนเทนท์ต่างๆ ไปยังเจ้าของรถได้โดยตรง, อัพเกรดซอฟท์แวร์แบบ OTA หรือแม้แต่เปิดฟังก์ชั่นใหม่ๆ เช่น ระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS ให้กับรถโดยไม่จำเป็นต้องนำรถเข้าไปยังศูนย์บริการ

●   สำหรับแผนงานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของมาสด้านั้น ในช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา Masahiro Moro ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมาสด้าให้ความเห็นว่า มาสด้าวางแผนจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มความยืดหยุ่นสูงแบบใหม่ (สำหรับผลิตรถหลายเซ็กเมนท์) อย่างน้อย 7 – 8 รุ่นภายในปี 2030 และคาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายราวๆ 25 – 40% ในตลาดทั่วโลก         ●

หมายเหตุ : ภาพประกอบ 2024 Mazda MX-30 e-Skyactiv R-EV