March 20, 2024
Motortrivia Team (10205 articles)

Chery เปิดตัวแบรนด์ Omoda & Jaecoo ในไทยอย่างเป็นทางการ

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

●   Chery Automobile ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน เปิดตัวซับ-แบรนด์ Omoda และ Jaecoo ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) (Omoda & Jaecoo (Thailand)) ภายในงานมีการจัดแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Omoda C5 EV รุ่นก่อนผลิตจริง (Pre-production) เสริมด้วย Jaecoo อีก 3 รุ่น ไฮไลท์คือการประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจในไทย พร้อมเตรียมการสร้างเครือข่ายศูนย์บริการอย่างน้อย 36 แห่ง ปิดท้ายด้วยแผนการลงทุน รองรับนโยบาย EV3.5 เพื่อใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาค โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เข้าร่วมงาน

●   โอโมดา แอนด์ เจคู ระบุว่า Omoda C5 EV คือรถรุ่นแรกที่จะเริ่มทำตลาดไทยภายในช่วงไตรมาส 2 นี้ ต่อด้วย Jaecoo 7 ในไตรมาสที่ 3 ปิดท้ายด้วย Jaecoo 6 และ Jaecoo 8 ในไตรมาสที่ 4 เป้าหมายหลักคือการเปิดโชว์รูมให้ได้มากกว่า 35 แห่ง และติด 1 ใน 3 ของแบรนด์จากประเทศจีนในไทย ส่วนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถในไทยนั้น จะเริ่มขึ้นในช่วงปี 2568 โดยจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Omoda C5 EV และ Jaecoo 7 PHEV

Omoda C5 EV

●   Omoda C5 EV เป็นรถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์ (C-segment) จากข้อมูลของโอโมดา ตัวถจะมากับอุปกรณ์มาตรฐานที่ทันยุคสมัย อาทิ กล้อง 540 องศา, มาตรวัดดิจิทัล และจอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเทนท์ที่มีขนาดรวม 24.6 นิ้ว, เบาะคู่หน้าพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศ, ชุดไฟแอมเบียนท์สำหรับสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร 64 สี และชุดลำโพง Sony 8 ตำแหน่ง

●   ระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.2 วินาที แบตเตอรี่แพคความจุ 61 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 505 กม. จากการทดสอบตามมาตรฐาน NEDC (มาตรฐานเก่าของยุโรป)

●   ชุดระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับมีอาทิ ระบบ Forward Collision Warning (FCW) เตือนการชนทางด้านหน้า, ระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Traffic Jam Assist (TJA) ช่วยขับในสภาพการจราจรติดขัด, ระบบ Lane Departure Warning (LDW) แจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบ Lane Departure Prevention (LDP) ป้องกันการออกนอกเลน, ระบบ Lane Keep Assist (LKA) ช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน} ระบบ Blind Spot Detection (BSD) ตรวจสอบจุดอับสายตา, ระบบ Car Lead Departure Sign (CLDS) แจ้งเตือนเมื่อรถคันหน้าออกตัว, ระบบ Driver Monitoring System (DMS) ช่วยตรวจสอบความเหนื่อยล้าของผู้ขับ, ระบบ Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบ Rear Cross Traffic Braking ช่วยเบรคอัตโนมัติขณะถอยหลัง

●   อย่างไรก็ตาม Chery ประเทศไทย ระบุว่า สเปคและรายละเอียดทางเทคนิคข้างต้นนั้น ยังเป็นของรุ่น Pre-production ก่อนผลิตจริง โดยคันจริงของ Omoda C5 EV ที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการนั้น จะมีรายละเอียดทางเทคนิคและฟังก์ชั่นที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย

Jaecoo 6 EV และ Jaecoo 8 PHEV

Jaecoo พลัง PHEV เตรียมจำหน่าย 3 รุ่น

●   สำหรับแบรนด์แจคูนั้น การจำหน่ายจะมีทั้งหมด 3 รุ่นตามกรอบเวลาข้างต้น เบื้องต้น Jaecoo 7 (หรือ Chery Tansuo 06 ในตลาดโลก) ซึ่งจะทำตลาดเป็นรุ่นแรก เป็นรถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์พลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ DHT หมุนล้อแบบ All-wheel drive กำลังสูงสุด 154 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม.

●   ต่อด้วย Jaecoo 6 (หรือ iCar 03 ในตลาดโลก) รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์พลังไฟฟ้า ตัวรถเลือกได้ระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 184 แรงม้า หรือมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ All-wheel drive กำลังสูงสุด 279 แรงม้า แบตเตอรี่แพค LFP ของ CATL ความจุ 69.8 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 470 กม. จากการทดสอบตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จเร็วจาก 30 – 80% ภายใน 30 นาที

●   ปิดท้ายด้วย Jaecoo 8 (หรือ Chery Tiggo 9 ในตลาดโลก) รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดกลางพลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ DHT หมุนล้อแบบ 4WD กำลังสูงสุดประมาณ 490 แรงม้า

นายเฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล

ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในภูมิภาค

●   นายเฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 27 ปี ในฐานะผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกของ Chery Automobile บริษัทฯ ได้ส่งออกรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีความพร้อมด้านการผลิต โดยมีโรงงานในต่างประเทศมากกว่า 10 แห่ง พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง ตลอดจนการมีศูนย์วิจัยและพัฒนาในต่างประเทศ เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น “มากกว่ารถยนต์” ทั้งในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล ที่พร้อมจะพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในทุกภูมิภาค จากจุดแข็งและความพร้อมในครั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้เตรียมความพร้อมและพัฒนาทีมในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในชื่อ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ Omoda & Jaecoo (Thailand) ที่พร้อมให้บริการแล้วในปี 2567 นี้”

●   “สำหรับประเทศไทยถือเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค เรามองเห็นแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมและการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาลไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์ให้เข้ากับผู้ขับขี่ชาวไทยและสอดคล้องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต่อไปในอนาคต”

นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด

โรงงานประกอบรถยนต์ในไทย คืบหน้าปี 2568

●   นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ถือเป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย และความตั้งใจในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม การดำเนินธุรกิจของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้กำหนดเป้าหมายและแผนการดำเนินการในระยะต่าง ๆ เพื่อจะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เตรียมพร้อมเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก Omoda C5 EV ในช่วงกลางปี 2567 นี้ ตามมาด้วย Jaecoo 7 ที่วางแผนจะเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 และในไตรมาสที่ 4 จะนำรถยนต์ Jaecoo 6 และ Jaecoo 8 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งจะได้เห็นความคืบหน้าในปี 2568”

●   “สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปริมาณการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 407,000 คันในปี 2566 โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มียอดจำหน่ายกว่า 73,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 603.66% จากปีก่อน ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นตลาดรถยนต์พลังงานแห่งใหม่ที่มีศักยภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ในการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และการลงทุนโรงงาน ที่จะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) พร้อมกับตั้งเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทย เพื่อตอกย้ำศักยภาพและความพร้อมของแบรนด์ในการเข้ามาทำการตลาดอย่างยั่งยืนในประเทศไทย และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในระดับโลก”

นายพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด

เปิดโชว์รูมมากกว่า 35 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค

●   นายพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2566 โอโมดา แอนด์ เจคู ได้รับความนิยมจากผู้คนเกือบ 20 ประเทศทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์การวางตำแหน่งทางการตลาด และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รถยนต์ Omoda มียอดขายส่งออก 11,432 คัน ติดอันดับ 5 อันดับแรกของการส่งออกยานยนต์ของจีน ภายในปี 2567 นี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายทั้งสิ้น 4 รุ่น โดยจะเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก Omoda C5 EV ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่จะถึงนี้ โดย รถยนต์ Omoda C5 EV เป็นยนตรกรรม EV 100% ที่ผสมผสานการออกแบบแห่งอนาคต เข้ากับเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะ ทั้งฟังก์ชันความปลอดภัยและความสะดวกสบายแบบจัดเต็ม ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ O-Universe เชื่อมต่อผู้ขับขี่เข้าด้วยกัน ผ่านประสบการณ์ที่เป็นมากกว่ารถยนต์ ตอบโจทย์ LOHAS Lifestyle ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ใส่ใจการมีชีวิตที่ดีควบคู่กับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”

●   “ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะนำรถยนต์ Jaecoo 7 PHEV เข้ามาจำหน่าย ซึ่งเป็นรถยนต์พรีเมียม เอสยูวี ออฟโรดประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย สามารถขับขี่ได้ทุกภูมิประเทศและสภาพพื้นผิวถนนสำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “From Classic, Beyond Classic” ของแบรนด์ Jaecoo และในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จะนำรถยนต์ Jaecoo 6 และ Jaecoo 8 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามลำดับ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้ขับขี่ชาวไทย อย่างไรก็ตาม โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะมุ่งหาแนวทางพัฒนาพลังงานใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับคนไทย”

●   “และเพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดในประเทศไทย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะเปิดโชว์รูม มากกว่า 35 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งล่าสุดต้นเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับผู้แทนจำหน่ายระดับประเทศครั้งแรก สะท้อนถึงความพร้อมและความก้าวหน้าในการก่อสร้างโชว์รูมของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ให้ความเชื่อมั่นในความพร้อมสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทุกคน”

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่เว็บไซท์ : omodajaecoo-th.com หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/OmodaandJaecooTH หรืออินสตาแกรม : instagram.com/omodathailand

Report : 2024 Omoda & Jaecoo (Thailand)