March 13, 2023
Motortrivia Team (10223 articles)

Mercedes-Benz EQB รถ SUV พลังไฟฟ้ารุ่นใหม่ เปิดตัวในไทย

ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่

●   เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เผยแผนธุรกิจปี 2566 ภายใต้วิสัยทัศน์ Ambition to Lead เตรียมเติม EV Portfolio ในไทยอีก 3 รุ่น โดยจะประเดิมด้วยการนำเข้าคอมแพคท์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ Mercedes-Benz EQB 250 AMG Line รถ SUV พลังแบตเตอรี่ซึ่งนับเป็นรถรุ่นล่าสุดภายใต้ซับ-แบรนด์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQ ต่อจาก SUV ไฟฟ้า EQC, รถ MPV ไฟฟ้า EQV, รถซับคอมแพคท์ ครอสโอเวอร์ EQA และ ซาลูนหรู EQS การจัดแสดงอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2023 ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 นี้ ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

●   EQB เป็นรถครอสโอเวอร์ตัวถัง 5 ประตู ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง ที่เมอร์เซเดสพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม MFA2 หรือ Mercedes Front Antrieb Platform ปัจจุบันใช้ผลิตรถหลายรุ่น อาทิ A-Class, GLA-Class, GLB-Class รวมถึงรถแบรนด์ EQ เองอย่าง EQA ด้วย โดย EQB ใหม่นั้นจะมีฐานล้อเท่ากับ Mercedes-Benz GLB รุ่นปัจจุบัน คือ 2,829 มม. ส่วนความยาวรวมอยู่ที่ 4,687 มม. กว้าง 2,020 มม. สูง 1,667 มม.

●   รุ่นที่จำหน่ายในบ้านเราเป็นรถนำเข้าแบบ CBU ตัวรถมากับแพคเกจตกแต่งรอบคัน AMG bodystyling, กระจังหน้า Radiator grille พร้อมแถบคาดกระจังหน้าโครเมี่ยมแบบ Twin blade, ชุดไฟหน้าความละเอียดสูง LED High Performance ตกแต่งด้วยเส้นไฮไลท์สีฟ้าเพื่อแสดงตัวตนของรถในตระกูล Mercedes-EQ, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist, ราวหลังคาอลูมิเนียม และล้ออัลลอย AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว

●   ห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ตตามสไตล์ AMG, คอนโซลหน้าแบบ Aluminium-look, เบาะสปอร์ต AMG หุ้มหนัง ARTICO ตัดสลับกับ MICROCUT microfibre สีดำ, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง Nappa, แป้นควบคุมการชาร์จไฟกลับ (Regenerate) แบบ Paddle shift ทำจากวัสดุ Galvanished steel อุปกรณ์มาตรฐานมีจอดูอัลสกรีน ควบรวมมาตรวัดฟูลดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว และจอทัชสกรีนส่วนกลางขนาด 10.25 นิ้วเอาไว้ในกรอบเดียวกัน พร้อมติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX6 รุ่นใหม่ล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay และถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย

●   เบาะผู้ขับและผู้โดยสารทางด้านหน้ามากับฟังก์ชั่นปรับไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำแบบ memory seat, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยก 2 โซน THERMOTRONIC สามารถควบคุมระบบปรับอากาศผ่านสมาร์ทโฟนได้, ชุดไฟ Ambient Light 64 เฉดสี, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟระบบไฟฟ้า, ฟังก์ชั่นเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ Hands-Free Access พื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุด 1,710 ลิตร

●   ชุดระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanently Excited Synchronous Motor หมุนล้อคู่หน้า กำลังสูงสุดผลิตได้ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 39.2 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 8.9 วินาที

●   แบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอออน แรงดันสูง (High-Voltage) ความจุ 66.5 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 460 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป ชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุด 100 กิโลวัทท์ จาก 10 – 80% ใช้เวลา 32 นาที ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 กิโลวัทท์ จาก 0 – 100% ใช้เวลา 6 ชั่วโมง 50 นาที

●   EQB มาพร้อม Mercedes-Benz  Wallbox Home รุ่น 2.0 ซึ่งมีระบบป้องกันฝุ่นกันน้ำตามมาตรฐาน IP55/IK10 นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการชาร์จไฟฟ้าและอัพเดทซอฟต์แวร์ได้แบบ OTA (over-the-air) ผ่านแอพพลิเคชัน Mercedes me ด้วย

●   ระบบความปลอดภัยทีอาทิ ระบบ Cruise control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบ Blind Spot Assist ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา, ระบบ Active Brake Assist ช่วยเบรคอัตโนมัติ, ระบบ Attention Assist ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับ, ระบบ Tyre pressure monitoring system แสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง, ระบบ Parking Package with reversing camera ช่วยจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด และระบบ Exit warning function แจ้งเตือนขณะเปิดประตูรถ

●   ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 3,020,000 บาทครับ

เปิดวิสัยทัศน์ Ambition to Lead

●   งานนี้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้แถลงผลการดำเนินงานในปี 2565 และประกาศวิสัยทัศน์พร้อมแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 โดยในระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีอัตราการเติบโตของยอดขายกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา ยอดขายรถในกลุ่ม Passenger Cars กว่า 2,043,900 คันทั่วโลก ซึ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ มี่ยอดที่สูงถึง 124% ยอดขายกว่า 117,800 คัน รุ่นที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ คือ EQA และ EQB

●   ส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโต 34% ยอดจดทะเบียนสะสม 13,182 คัน ในปี 2565 ที่ผ่านมา ยอดขายรถในเซกเมนต์ Dream Cars โตขึ้น 28% จากยอดขาย CLS และ C-Coupe ยอดขายรถ SUV เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนรถเซกเมนต์ Contemporary Luxury อย่าง C-Class, E-Class และ S-Class โตขึ้น 12% ตามด้วยรถ Top-end Luxury อย่าง Mercedes-Maybach ยอดขายโตขึ้นกว่า 3 เท่าจากปีที่ผ่านมา

●   ประธานบริหารคนใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มร. มาร์ทิน ชเวงค์ (Martin Schwenk) ได้ประกาศวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” มุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย สะท้อนผ่านแผนการดำเนินธุรกิจ ทั้งการให้ความสำคัญเกี่ยวกับแผนงานด้านความยั่งยืน (Sustainability) การนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) การนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (Technology and Innovation) และการมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี่ (Luxury Experience) ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์

●   ไฮไลท์สำคัญของปี 2566 นี้คือ การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ลงตลาดประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มด้วย Mercedes-Benz EQB 250 AMG Line รถ SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ผสานความหรูหราและความสะดวกสบายในทุกมิติ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย พร้อมเดินทางในทุกเส้นทางด้วยการขับขี่ที่ไร้มลพิษ (Zero-emission)

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประสบความสำเร็จทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะเดินหน้าด้วยวิสัยทัศน์ Ambition to Lead ที่สะท้อนผ่านแผนการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) สู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2582 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืนของประเทศไทยที่ตั้งเป้าหมายเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 รวมถึงนโยบาย 30@30 ของบอร์ดอีวี ที่จะขยายสัดส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศให้เป็น 30% ภายในปี 2572 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์เองก็ตั้งเป้าหมายในการทำให้รถทุกรุ่นที่อยู่ในพอร์ตของเรา เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายในปี 2572 เช่นกัน”

●   “และสิ่งสำคัญในการทำให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน คือการนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) ให้กับผู้บริโภค ในระดับโลก เราได้นำเสนอ VISION EQXX รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผ่านการทดสอบการขับขี่ในสภาพแวดล้อมจริง ด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มเพียงหนึ่งครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าเราได้นำยนตรกรรมแห่งอนาคตมานำเสนอให้ทุกคนแล้วในวันนี้ โดยในประเทศไทย เรามีการเปิดตัว EQS 500 4MATIC AMG Premium ที่ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้ามากที่สุดในประเทศไทย ด้วยระยะทางกว่า 702 กิโลเมตร ต่อจากชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับโลกนี้ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัวยนตกรรมในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด อย่าง C 350 e AMG Dynamic ที่เป็นรถ PHEV ในระดับลักชัวรี่ ที่วิ่งได้ไกลที่สุดในประเทศไทย ด้วยระยะทางเกินกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง”

●   “ในปีนี้ เราได้วางแผนในการขยาย EV Portfolio ในประเทศไทย ผ่านการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มด้วย EQB 250 AMG Line หนึ่งในรถภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าผ่านการร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าชั้นนำ ในประเทศไทย”

●   “เมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (Technology and Innovation) สู่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เราพร้อมมอบประสบการณ์ทีเหนือระดับในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอนวัตกรรมอย่าง จอแสดงผลแบบ Hyperscreen ระบบ MBUX เจเนเรชั่นใหม่ ระบบไฟหน้า Digital Light แบบ Ultra high range beam ที่ส่องสว่างได้ไกลมากกว่า 600 เมตร และแพ็คเกจระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistance package) รวมถึงระบบลดวงเลี้ยวรถยนต์ (Rear Axle Steering) และนอกเหนือจากประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้สัมผัสผ่านยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว การมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี่ (Luxury Experience) ให้กับลูกค้าก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ โดยเรามีการสร้างการสื่อสารทั้งภายนอกและภายในองค์กร ในการประสานการทำงานเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า คนในองค์กรและพาร์ทเนอร์ของเราจะสามารถมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายและสอดแทรกความเป็นแบรนด์ลักชัวรี่ในทุกมิติ ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้กับลูกค้าคนพิเศษของเราทุกคนอย่างไร้ที่ติ”

มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   มร. บีเยิร์น กุซเทรา (Björn Gustera) รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ Ambition to Lead ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้นำมาปรับใช้ในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารในรูปแบบใหม่ เริ่มจากการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ของการจัดแสดงรถยนต์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 โดยในปีนี้เราได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการนำเสนอยุคใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านการจัดแสดงรถยนต์บนพื้นที่ใหม่ ที่บูธหมายเลข A19 บริเวณฮอล์ 1 ของอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ซึ่งมีการสร้างการรับรู้ให้สาธารณะผ่านแคมเปญการสื่อสาร ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์”

●   “ความพิเศษของบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ จะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ambition to Lead พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในบูธของเราไปจนถึงขั้นตอนที่ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของยนตกรรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากนี้ ภายในบูธจะถูกแบ่งโซนในการจัดแสดงรถยนต์ ซึ่งมีให้ชมครบทุกรุ่นตั้งแต่รถยนต์ในแบรนด์ Mercedes-Benz ในกลุ่มของรถ ICE และ PHEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รถยนต์สมรรถนะสูงในกลุ่ม Mercedes-AMG รถยนต์ระดับ Top-End Luxury อย่าง Mercedes-Maybach พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับตำนานอย่าง SL และ G-Class ซึ่งคนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย”

นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับในส่วนงานของฝ่ายบริการลูกค้า เราได้เตรียมพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดิจิตัลใหม่ๆ ใน Mercedes Me Store ที่ลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ตามความต้องการเช่น Rear Axle Steering ที่เป็นการลดวงเลี้ยวรถยนต์ เพื่อการควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น Active Distance Assistance Distronic ระบบควบคุมระยะห่างของรถยนต์ขณะขับขี่ หรือ Individualization ที่เป็นการเพิ่มความบันเทิงในรูปแบบเฉพาะตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกบรรยากาศภายในรถทั้งเสียงและภาพที่แสดงบนหน้าจอหรือมินิเกมส์ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ”

●   “นอกจากนี้ ในปีนี้จะมีการนำเสนอระบบการจ่ายเงินค่าบริการผ่านระบบออนไลน์เพื่อให้ครอบคลุมในทุกสถานะของรถเมื่อนำรถเข้ารับบริการเพิ่มเติมจากบริการระบบออนไลน์เดิม ที่มีในส่วนของการนัดหมายเข้ารับบริการและแจ้งสถานะของรถขณะกำลังเข้ารับบริการ ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีบริการผู้ช่วยส่วนตัวด้วยการส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อรถถึงระยะเข้ารับบริการหรือตรวจเช็กระบบต่าง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่หรือระบบเบรก รวมถึงข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อมอบให้กับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเฉพาะ และในส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่แท้ อะไหล่ StarParts หรือ REMAN สำหรับรถยนต์ที่หมดระยะรับประกัน ผลิตภัณฑ์ยางที่ได้รับการรับรองจาก Mercedes-Benz MO/MOE รวมถึงการบริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และโปรแกรม MBSP แบบต่างๆ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการตามการใช้งานของลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและคงประสิทธิภาพสูงสุดตลอดการใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย”

●   มร. มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวสรุปว่า “แน่นอนว่าอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเรา คือการสร้างยอดขายที่เติบโตในประเทศไทย ในปีนี้ เราคาดหวังตัวเลขการเติบโตแบบ Double-Digit ผ่านการนำเสนอรถยนต์ทั้งหมด 8 รุ่น โดยหนึ่งในนั้นคือรถเอสยูวีไฟฟ้า EQB 250 AMG Line ที่เปิดตัวในวันนี้ ทั้งนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมที่เหนือระดับที่มาพร้อมการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย”

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.mercedes-benz.co.th หรือเฟซบุ๊คแฟนเพจ : facebook.com/MercedesBenzThailand หรือติดต่อ Customer Contact Center (CCC) โทร. 1250 ●

Grand Opening : 2023 Mercedes-Benz EQB