August 1, 2016
Motortrivia Team (10203 articles)

Porsche 718 Boxster 4 สูบนอน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 300 ม้า


เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

 

  เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ปอร์เช่เปิดตัวรถสปอร์ตขนาดเล็กตระกูลใหม่รุ่น บ็อกสเตอร์ ห้องโดยสาร 2 ที่นั่ง เครื่องยนต์วางกลางลำ หลังคาผ้าใบเปิด-ปิดได้ ทำตลาดต่อเนื่องถึงปัจจุบันเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวปี 2012 ล่าสุดปรับโฉมและเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ กำลังมากขึ้นและประหยัดกว่าเดิม แบ่งเป็นรุ่น บ็อกสเตอร์ และ บ็อกสเตอร์ เอส ทำตลาดในเมืองไทยโดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

  บ็อกสเตอร์ ใช้เครื่องยนต์ใหม่ 4 สูบนอน 2,000 ซีซี เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 38.72 กก.-ม. ที่ 1,950-4,500 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้น 10.19 กก.-ม. หรือ 35 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบ็อกสเตอร์ เอส ใช้เครื่องยนต์ใหม่เช่นเดียวกัน ความจุ 2,500 ซีซี เทอร์โบแปรผัน VTG ส่งผลให้ปอร์เช่ เป็นผู้ผลิตรถรายเดียวที่ใช้เทคโนโลยีนี้กับรถในสายการผลิตเครื่องยนต์เบนซิน กำลังสูงสุด 350 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 42.79 กก.-ม. ที่ 1,900-4,500 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้น 6.1 กก.-ม. ลากรอบได้สูงสุด 7,500 รอบต่อนาที

  ในตลาดโลกมีระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนรุ่นที่ทำตลาดในเมืองไทยใช้ระบบส่งกำลังแบบ PDK หรือ Porsche Doppelkupplung 7 จังหวะ ปรับปรุงให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อขับด้วยความเร็วคงที่ ระบบควบคุมจะสั่งให้เปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อลดรอบเครื่องยนต์ และไม่มีอาการเครื่องยนต์สั่นที่เกิดจากการใช้เกียร์สูงที่ความเร็วต่ำ มาพร้อมระบบ Auto Start/Stop ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดนิ่ง สามารถเปิด-ปิดระบบได้

  เครื่องยนต์ใหม่ได้รับการออกให้มีการตอบสนองที่ฉับไว เร่งรอบเครื่องยนต์ได้อย่างลื่นไหล และมีเสียงที่เร้าใจ พัฒนาให้เครื่องยนต์ไม่รอรอบด้วยระบบ Pre-Conditioning ของตัวเทอร์โบ ควบคุมองศาไฟจุดระเบิด และเปิดลิ้นปีกผีเสื้อรอไว้เล็กน้อย เพื่อรักษาโมเมนตัมของอากาศที่ไหลเข้าห้องเผาไหม้ให้มีความต่อเนื่อง เมื่อผู้ขับกดคันเร่ง ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดกว้าง อากาศที่มีแรงดันสูงก็จะเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงทันที และเมื่อผู้ขับถอนคันเร่ง ลิ้นปีกผีเสื้อก็ยังคงเปิดค้างไว้ แต่หัวฉีดจะหยุดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้แรงดันอากาศจากเทอร์โบยังไม่ลดลงทั้งหมด เมื่อกดคันเร่งซ้ำเครื่องยนต์ก็จะตอบสนองได้อย่างทันทีทันใด

PSM หรือ Porsche Stability Management ปรับปรุงใหม่ด้วยการเพิ่มโหมด PSM Sport เมื่อเปิดใช้งานระบบจะปล่อยให้รถมีอาการบ้าง เช่น เมื่อขับในสนามแข่งหรืออบรมการขับรถในฤดูหนาวที่มีหิมะตกหรือถนนเปียกลื่น รถจะมีสไลด์ได้เล็กน้อย ล้อหมุนฟรีได้บ้าง เพื่อให้ผู้ขับได้สัมผัสกับความสปอร์ตของตัวรถได้มากขึ้น


  ฝาสูบแบบทวินแคม มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus ปรับช่วงเวลาและระยะยกวาล์วทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย เปลี่ยนระบบคายไอเสียใหม่ ให้เสียงที่เร้าใจเมื่อกดคันเร่ง และมีการคายไอเสียที่ดีขึ้น ระบบน้ำมันเครื่องแบบ Dry Sump และปั๊มน้ำมันเครื่อง Demand-Controlled ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ ทั้งอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำสู่อากาศและหม้อน้ำ ช่วยให้การติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์และหม้อน้ำ ไม่กระทบกับดีไซน์ของตัวรถ และสอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ มีช่องรับอากาศอยู่ที่ด้านข้างตัวรถบริเวณหลังประตู เพื่อรับอากาศเข้าไประบายความร้อนจากหม้อน้ำที่แยกติดตั้งไว้ทั้ง 2 ฝั่ง

  Sport Chrono Package แบบเดียวกับรุ่นใหญ่ 911 สามารถเลือกโหมดการขับได้ 3 แบบ คือ Normal, Sport และ Sport+ เพิ่มเติมด้วยโหมด Individual ให้ผู้ขับเลือกปรับเองทั้งในส่วนของช่วงล่างแบบสปอร์ต PASM ระบบไอเสียแบบสปอร์ต ระบบ Start/Stop และการยกตัวสปอยเลอร์หลังที่ปรับด้วยไฟฟ้า มาพร้อม PSM หรือ Porsche Stability Management ปรับปรุงใหม่ด้วยการเพิ่มโหมด PSM Sport เพิ่มเติมจากเดิมที่มีแค่ PSM On เมื่อเปิดใช้งานระบบ PSM Sport จะปล่อยให้รถมีอาการบ้าง เช่น เมื่อขับในสนามแข่งหรืออบรมการขับรถในฤดูหนาวที่มีหิมะตกหรือถนนเปียกลื่น รถจะมีสไลด์ได้เล็กน้อย ล้อหมุนฟรีได้บ้าง เพื่อให้ผู้ขับได้สัมผัสกับความสปอร์ตของตัวรถได้มากขึ้น โดยยังคงความปลอดภัยไว้เช่นเดิม

  สมรรถนะของบ็อกสเตอร์ที่ติดตั้ง Sport Chrono Package อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.7 วินาที เร็วกว่ารุ่นเดิม 0.8 วินาที ส่วนรุ่นบ็อกสเตอร์ เอส ใช้เวลา 4.2 วินาที เร็วกว่ารุ่นเดิม 0.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 275 และ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามลำดับ อัตราสิ้นเปลืองจากการทดสอบโดย NEDC หรือ New European Driving Cycle ในรุ่นเกียร์ PDK ได้ตัวเลข 14.49 และ 13.69 กิโลเมตรต่อลิตรตามลำดับ ประหยัดกว่าเดิม 13 เปอร์เซ็นต์

  ช่วงล่างอิสระแม็กเฟอร์สัน 4 ล้อ มีระบบ PASM หรือ Porsche Active Suspension Management เป็นอุปกรณ์พิเศษ ลดความสูงลง 20 มิลลิเมตร และเพิ่มความหนึบมากขึ้น และสามารถแยกปรับความหนืดของช็อกแอ็บซอร์เบอร์ได้อีก ระบบเบรกใหม่จานหน้า 330 x 28 มิลลิเมตร รุ่น เอส 330 x 34 มิลลิเมตร ด้านหลัง 299 x 20 มิลลิเมตร เท่ากันทั้ง 2 รุ่น คาลิเปอร์อะลูมิเนียม 4 ลูกสูบ มีระบบ Multi-Collision Braking เบรกให้อัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าอาจเกิดการชน พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้ามีระบบแปรผันอัตราทด วงเลี้ยว 10.98 เมตร

  ภายนอกเปลี่ยนดีไซน์ของฝากระโปรงหน้าใหม่ รวมทั้งกระจกหน้า และหลังคาผ้าใบที่มีโครงอะลูมิเนียมเสริม มีความแข็งแรงและไม่กระพือเมื่อขับด้วยความเร็วสูง เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าเมื่อใช้ความเร็วที่กำหนด ถ้าขับเร็วเกินไประบบจะไม่ทำงานเพื่อป้องกันหลังคาเสียหาย ล้อแม็ก 8×18 นิ้ว ออฟเซต 57 ยาง 235/45 ZR18 ด้านหลัง 9.5×18 ออฟเซต 49 ยาง 265/45 ZR18 ส่วนรุ่น เอส ให้ล้อ 19 นิ้ว ด้านหน้า 8×19 ออฟเซต 57 ยาง 235/40 ZR19 ด้านหลัง 10×19 ออฟเซต 45 ยาง 265/40 ZR19

  มิติตัวถังยาว 4,379 มิลลิเมตร กว้าง 1,801 มิลลิเมตร สูง 1,281 มิลลิเมตร และบ็อกสเตอร์ เอส สูง 1,280 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,475 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,365 และ 1,385 กิโลกรัม อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก 4.6 และ 4.0 กิโลกรัมต่อแรงม้า ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.31 และ 0.32 ตามลำดับ

  ภายในออกแบบสไตล์ปอร์เช่รุ่นใหม่ เปลี่ยนชุดมาตรวัดใหม่ มาพร้อมระบบ Porsche Communication Management (PCM) สั่งงานด้วยระบบสัมผัส พวงมาลัยสปอร์ตจาก 918 สไปเดอร์ขนาด 375 มิลลิเมตร แบบมัลติฟังก์ชั่น คอนโซลกลางเป็นจอสัมผัส สำหรับควบคุมระบบ PCM เช่น การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ เครื่องเสียง และระบบ Sound Package Plus กำลังขับ 110 วัตต์ รองรับ Apple CarPlay รวมทั้ง Siri ที่เก็บของด้านหน้าจุ 150 ลิตร ด้านหลัง 125 ลิตร

โหมด Sport + อาการโยนตัวน้อยลง เข้าโค้งต่างๆ ได้มั่นใจขึ้น กล้าใช้ความเร็วสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ช่วงล่างแข็งขึ้นแบบพอสัมผัสได้ ถ้าขับใช้งานทั่วไปหรือแอบซิ่งบ้าง โหมด Normal ก็เอาอยู่ เพราะรถเป็นทรงเตี้ยแบนมีความมั่นคง และจุดศูนย์ถ่วงต่ำอยู่แล้ว การโยนตัวจึงไม่มากนัก


  จากการทดลองขับระยะทางสั้นๆ ที่ลานเอนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ รอบแรกนั่งดูสนามพบว่าเครื่องยนต์มีสุ้มเสียงที่เร้าใจชวนขับ รอบ 2 เปลี่ยนมาขับเองด้วยโหมด Normal เร่งออกตัวบนทางตรง ระยะทางไม่ไกลนัก ได้ความเร็วเกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นต้องหักหลบไปทางซ้าย แต่เนื่องจากช่องค่อนข้างแคบ จึงไม่กล้าเข้าไปด้วยความเร็วสูง ยอมยกคันเร่งและแตะเบรกเล็กน้อย ผ่านไปได้โดยไม่สะกิดไพลอน แล้วค่อยไปเล่นกับช่วง Lane Change กว้างๆ ลองกดคันเร่งตอนที่รถกำลังเลี้ยว รู้สึกว่าตัวรถสไลด์ออกประมาณเสี้ยววินาที แล้วก็ถูกดึงให้หยุดอยู่แค่นั้น จากนั้นกดเบรกเต็มที่ รู้สึกได้ถึงพลังเบรกมหาศาล สมน้ำสมเนื้อกับพละกำลังของเครื่องยนต์

  เลี้ยวซ้ายกว้างๆ ไปตั้งลำอีกครั้ง กดคันเร่งสุดเข้าไปหาไพลอนที่วางบีบไว้เป็นโค้งซ้ายแคบๆ ต้องเบรกหนักก่อนเลี้ยว แต่ผมใช้วิธียกคันเร่งล่วงหน้าแล้วแตะเบรกเบาๆ เสียงเครื่องยนต์เบิ้ลรอบเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ให้อารมณ์สปอร์ตดุดัน จากนั้นกดคันเร่งออกทางซ้ายแล้ววกกลับทางขวานิดๆ ลองกดคันเร่งลึกๆ อีกครั้ง ท้ายรถมีอาการนิดหน่อยก่อนจะถูกปราบให้นิ่งด้วยระบบช่วย รอบ 2 ปรับเป็นโหมด Sport + ซึ่งในโหมดนี้ยังสามารถปรับความหนืดของช็อกฯ ได้อีก แต่ Indtructor แนะนำว่าอยากให้ลองช่วงล่างแบบสปอร์ตดูบ้าง จะได้เห็นความแตกต่าง

  รอบแรกที่ขับก็ว่าช่วงล่างและพวงมาลัยคบกริบสั่งได้อยู่แล้ว พอรอบ 2 ใช้โหมด Sport + ยิ่งรู้สึกว่ารถคล่องแคล่วว่องไวขึ้นอีก อาการโยนตัวน้อยลง เข้าโค้งต่างๆ ได้มั่นใจขึ้น กล้าใช้ความเร็วสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะชินทางมากขึ้น ช่วงล่างแข็งขึ้นแบบพอสัมผัสได้ ถ้าขับใช้งานทั่วไปหรือแอบซิ่งบ้างเล็กน้อย โหมด Normal ก็เอาอยู่ เพราะรถเป็นทรงเตี้ยแบนมีความมั่นคง และจุดศูนย์ถ่วงต่ำอยู่แล้ว การโยนตัวจึงไม่มากนัก

  ปอร์เช่ 718 บ็อกสเตอร์ รถสปอร์ตที่ใช้งานได้ทุกวันเพราะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน ช่วงล่างปรับความหนืดให้เหมาะกับสภาพการขับได้ เครื่องยนต์บ็อกเซอร์เทอร์โบ 300 แรงม้า ตอบสนองได้อย่างฉับไว เร่งสะใจ มาพร้อมเสียงที่ดุดัน ตั้งราคาไว้ 7.2 ล้านบาท ถ้าจะข้ามไปเล่นรุ่น เอส 350 แรงม้า ก็ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 8.5 ล้านบาท สนใจติดต่อ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

–   Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655
–   Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการ โทร. 02-369-1111
–   Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911

ขอบคุณ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการทดสอบ


Specification: Porsche 718 Boxster

–   แบบตัวถัง โรดสเตอร์หลังคาผ้าใบ
–   ยาว x กว้าง x สูง 4,379 x 1,801 x 1,281 มิลลิเมตร
–   ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,515/1,532 มิลลิเมตร
–   ฐานล้อ 2,475 มิลลิเมตร
–   น้ำหนัก 1,365 กิโลกรัม
–   แบบเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบนอน เทอร์โบ DOHC 16 วาล์ว VarioCam Plus
–   ความจุ 1,988 ซีซี
–   กระบอกสูบ x ช่วงชัก 91.0 x 76.4 มิลลิเมตร
–   อัตราส่วนการอัด 9.5:1
–   กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที
–   แรงบิดสูงสุด 38.72 กก.-ม. ที่ 1,950-4,500 รอบต่อนาที
–   ระบบส่งกำลัง PDK 7 จังหวะ
–   ระบบขับเคลื่อน ล้อหลัง
–   ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
–   ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สัน
–   ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระ แม็กเฟอร์สัน
–   ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์พร้อมครีบและรูระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
–   ผู้จำหน่าย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
–   โทรศัพท์ Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655
–   เวบไซต์ www.aasautoservice.com.


2016 Porsche 718 Boxster