Formula 1 และตัวเลขจากปี 2016 ปีแห่งการทำลายสถิติ
● ถึงแม้ว่า การแข่งขันในปี 2016 เมอร์เซเดส จะยังคงกวาดชัยชนะเรียบพร้อมคว้าแชมป์โลกทั้งประเภทนักขับและทีม แต่มีการทำลายสถิติมากมายเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา เรามาไล่เก็บสถิติกันดูครับ
● ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเริ่มต้นมากไปกว่า แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น เจ้าหนูดัตช์วัย 18 ปี ได้ทำลายสถิติเป็นผู้ชนะกรังด์ปรีซ์ที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งชัยชนะที่ บาร์เซโลน่า นั้นเขามีอายุเพียง 18 ปี 225 วัน ซึ่งสถิติเก่านั้นเป็นของ เซบาสเตียน เวทเทล ในวัย 21 ปี 71 วัน กับการชนะที่มอนซ่าในปี 2008
● ในสนามเดียวกัน เจ้าหนู เวอร์สแท็พเพ่น ก็เป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุดที่ได้นำการแข่งขันและได้ขึ้นโพเดียม หลังจากนั้นเขาก็ยังคงเก็บสถิติเรื่อยมา ที่ เบลเยียม เขากลายเป็นนักแข่งอายุน้อยที่สุดที่ได้สตาร์ทแถวหน้า ในขณะที่ บราซิล เขาเป็นนักแข่งอายุน้อยที่สุดที่เซตเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในการแข่งขันได้ ไม่เพียงเท่านั้น เขาเป็นนักแข่งดัตช์เพียงคนเดียวที่ชนะการแข่งขันเอฟวัน สุดยอดไปเลย!
● มาที่รองแชมป์โลกกันบ้าง ลูอิส แฮมิลตัน ก็ยังคงเดินหน้าทุบสถิติต่อไปถึงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะทำได้ แต่ในปีนี้เขาขึ้นแท่นเป็นนักแข่งที่ชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์เอฟวันอันดับ 2 เป็นที่เรียบร้อยด้วยชัยชนะ 53 ครั้ง ลบภาพอดีตที่ อแลง พรอสต์ อยู่ตำแหน่งนี้มานานกว่า 23 ปี เลยทีเดียว เขาเหลือเพียง มิคาเอล ชูมัคเกอร์ ที่ชนะถึง 91 ครั้ง คนเดียวที่อยู่ข้างหน้าเขาเท่านั้น
● นอกจากนั้น แฮมิลตัน ยังเป็นเพียงนักแข่งคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์เอฟวันที่คว้าโพเดียมเกินกว่า 100 ครั้ง (104 ครั้ง) ต่อจาก ชูมัคเกอร์ (155 ครั้ง) และ พรอสต์ (106 ครั้ง) ไม่เพียงเท่านั้นเขายังทำให้ชนชาติสหราชอาณาจักรฯ เก็บชัยชนะมาได้ 250 ครั้ง มากที่สุดในบรรดาชนชาติทั้งหมด ส่วนที่ เบลเยียม เขากลายเป็นนักแข่งคนแรกในประวัติศาสตร์เอฟวันที่สตาร์ทต่ำกว่ากริด 20 แต่มาจบบนโพเดียมได้ถึง 3 ครั้ง สุดท้ายที่ บราซิล เขาคว้าชัยชนะในสนามแข่งที่แตกต่างกันได้เป็นสนามที่ 24 ซึ่งไม่เคยมีนักแข่งคนใดทำได้มาก่อน!
● แต่ แฮมิลตัน กลับจบฤดูกาล 2016 ด้วยสถิติที่ไม่มีใครอยากจับจอง เขากลายเป็นนักแข่งที่ชนะมากที่สุดในฤดูกาลซึ่งชนะถึง 10 สนาม แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกได้!
● สหราชอาณาจักรฯ ยังคงมีการทุบสถิติจากนักแข่งอีกคน เจนสัน บัตตัน ลงแข่งขันมากกว่า 300 กรังด์ปรีซ์ ในอาชีพของเขา ซึ่งจบฤดูกาล 2016 เขาลงแข่งขันไปทั้งหมด 305 รายการ ตามหลัง ชูมัคเกอร์ อยู่ 1 รายการ และผู้นำอย่าง รูเบน บาร์ริเคลโล่ ซึ่งลงแข่งทั้งหมด 322 รายการ
● เมอร์เซเดสคว้าชัยชนะมาได้ทั้งหมด 19 สนาม ในฤดูกาล 2016 นั่นทุบสถิติเก่าที่พวกเขาเคยทำไว้ในปี 2014 และ 2015 ด้วยจำนวน 16 สนาม
● พูดถึงแชมป์โลกปีล่าสุดอย่าง นิโค รอสเบิร์ก เขาคว้าแชมป์โลกตามรอยพ่อของเขา เคกี้ รอสเบิร์ก ซึ่งคู่พ่อลูกที่เคยคว้าแชมป์โลกมานอกจากคู่นี้มีอีกเพียงคู่เดียว คือคู่พ่อลูก เกรแฮม-ดามอน ฮิลล์ ซึ่งคว้าแชมป์โลกในปี 1962, 1968 และ 1996
ผู้ที่ชนะมากที่สุด (ครั้ง)
: ลูอิส แฮมิลตัน – 10
: นิโค รอสเบิร์ก – 9
: แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – 1
: แดเนียล ริคคิอาร์โด – 1
ผู้ที่คว้าโพลมากที่สุด (ครั้ง)
: ลูอิส แฮมิลตัน – 12 (เป็นสถิติคว้าโพลสูงสุดในหนึ่งฤดูกาลของแฮมิลตันด้วย)
: นิโค รอสเบิร์ก – 8
: แดเนียล ริคคิอาร์โด – 1
ผู้ที่ขึ้นโพเดียมมากที่สุด (ครั้ง)
: ลูอิส แฮมิลตัน – 17
: นิโค รอสเบิร์ก – 16
: แดเนียล ริคคิอาร์โด – 8
: แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – 7
: เซบาสเตียน เวทเทล – 7
: คิมี ไรค์โคเนน – 4
: เซอร์จิโอ เปเรซ – 2
: แดเนียล คีฟยาต – 1
: วาลท์เทรี บ็อตตาส – 1
ผู้ที่นำการแข่งขันมากที่สุด (รอบ)
: ลูอิส แฮมิลตัน – 566
: นิโค รอสเบิร์ก – 489
: เซบาสเตียน เวทเทล – 90
: แดเนียล ริคคิอาร์โด – 74
: แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – 42
: คิมี ไรค์โคเนน – 7
ผู้ที่สตาร์ทแถวหน้ามากที่สุด (ครั้ง)
: นิโค รอสเบิร์ก – 20
: ลูอิส แฮมิลตัน – 15
: แดเนียล ริคคิอาร์โด – 4
: วาลท์เทรี บ็อตตาส – 1
: นิโค ฮูลเคนเบิร์ก – 1
: แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – 1
● ระยะทางการแข่งขันรวมนักแข่งทุกคน 123,536 กิโลเมตร (แทบจะวนรอบโลกได้ 3 รอบ)
ผู้ที่เก็บรอบการแข่งขันได้มากที่สุด (รอบ)
: แดเนียล ริคคิอาร์โด – 1,267
: เซอร์จิโอ เปเรซ – 1,260
: นิโค รอสเบิร์ก – 1,202
ผู้ที่เก็บรอบการแข่งขันได้น้อยที่สุด (รอบ)
: โจลีออน พาลเมอร์ – 961
: ดานีล คีฟยาต – 969
: โรมัง โกรส์ฌอง – 1,030
ผู้ที่ทำการแซงมากที่สุด (ครั้ง)
: แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น – 78 (มากที่สุดในประวัติศาสตร์)
: แดเนียล ริคคิอาร์โด – 61
: เซอร์จิโอ เปเรซ – 56
: เฟอร์นันโด อลองโซ – 52
: วาลท์เทรี บ็อตตาส – 49
● การแซงทั้งหมดในปี 2016 มี 866 ครั้ง น้อยกว่าสถิติเดิมปี 2012 อยู่ 4 ครั้ง
คู่หูทีมเมทที่โดนถล่มฝ่ายเดียวมากที่สุด – คาร์ลอส ซายซ์ จูเนียร์ vs ดานีล คีฟยาต
: การแข่งขัน 9 – 2
: ควอลิฟาย 11 – 6
: คะแนนห่างกัน 42 แต้ม
● ชัยชนะของ รอสเบิร์ก ทำให้สถิติผู้ที่ชนะมากที่สุดโดยไม่เคยคว้าแชมป์โลกได้เลยกลับไปตกอยู่ที่ เซอร์ สเตอลิง มอส อีกครั้ง ด้วยชัยชนะ 16 ครั้ง
ทีมที่สตาร์ทแถวหน้ามากที่สุด (คัน)
: เมอร์เซเดส – 35
: เรดบูลล์ – 5
: วิลเลียมส์ – 1
: ฟอร์ซอินเดีย – 1
● เมอร์เซเดสแซงหน้าเรดบูลล์ในสถิติคว้าชัยชนะมากที่สุด โดยเมอร์เซเดสเก็บไปได้ 64 ครั้ง แซงหน้าเรดบูลล์ที่มีอยู่ 52 ครั้ง ขึ้นไปรั้งอันดับ 5 ในลิสต์
● เรดบูลล์ขึ้นนำจำนวนรอบการแข่งขันในปี 2016 โดยทีมแข่งกระทิงแข่งไป 2,404 รอบ นำหน้าเมอร์เซเดสไป 16 รอบ ส่วนเรโนลต์เก็บรอบได้น้อยที่สุดด้วยจำนวน 2,038 รอบ
● แม็คลาเรนสตาร์ทกรังด์ปรีซ์มาเกิน 800 รายการ ในปี 2016 โดยจบฤดูกาลอยู่ที่ 801 รายการ ตามหลังเฟอร์รารีอีกทีมหนึ่งที่เข้าแข่งขันเกิน 800 รายการ และเป็นจ่าฝูงในลิสต์ซึ่งอยู่ที่ 929 รายการ
● ฮาสกลายเป็นทีมแข่งน้องใหม่ที่คว้าแต้มได้มากที่สุดในยุคโมเดิร์นด้วยจำนวน 29 แต้ม อีกทั้งยังเป็นทีมแรกที่เก็บแต้มแรกได้ตั้งแต่ลงสนามแรกในรอบ 14 ปี โดยโตโยต้าเป็นผู้ถือสถิตินี้ทีมล่าสุดในปี 2002
ทีมที่ขึ้นโพเดียมมากที่สุด (ครั้ง)
: เมอร์เซเดส – 33
: เรดบูลล์ – 16
: เฟอร์รารี – 11
: ฟอร์ซอินเดีย – 2
: วิลเลียมส์ – 1
● ในส่วนของข้างสนาม วิลเลียมส์นั้นหยุดไม่อยู่กับสถิติพิทสต็อปเร็วที่สุด 14 จาก 21 สนาม แถมพิทสต็อปที่เร็วที่สุดของวิลเลียมส์ก็ทำเวลาไว้ 1.92 วินาที เทียบเท่าสถิติที่ไม่เป็นทางการของเรดบูลล์ในปี 2013
● นอกจากนั้นวิลเลียมส์ยังทำสถิติความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ความเร็ว 372.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในการแข่งขันที่ เม็กซิโก โดยช้ากว่าสถิติของ ฮวน พาโบล มอนโตย่า ในปี 2005 ที่มอนซ่าอยู่ 0.1 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่านั้น
● จีน กลายเป็นสนามที่มีการแซงมากที่สุดด้วยจำนวน 128 ครั้ง แถมแซงสถิติเดิมที่เคยถูกเซตไว้ 112 ครั้ง ที่ บราซิล อีกด้วย
● ระยะเวลาการแข่งขันที่ยาวที่สุดคือ บราซิล โดยใช้เวลาไป 3.01.01.355 ชั่วโมง
● ส่วนระยะเวลาการแข่งขันที่สั้นที่สุดคือ อิตาลี โดยใช้เวลาไปเพียง 1.17.28.089 ชั่วโมง
● จำนวนผู้ชนะจากตำแหน่งโพลมี 13 จาก 21 สนาม
● ตำแหน่งกริดสตาร์ทต่ำที่สุดที่ชนะการแข่งขันคือกริดที่ 4 จาก แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น ที่ บาร์เซโลน่า และ แดเนียล ริคคิอาร์โด ที่ มาเลเซีย.
● ระยะเวลาห่างมากที่สุดสำหรับผู้ชนะคือ นิโค รอสเบิร์ก ที่ จีน โดยทิ้งห่างผู้ที่ตามมาอย่าง เซบาสเตียน เวทเทล อยู่ 37.776 วินาที
● ส่วนระยะเวลาห่างน้อยที่สุดสำหรับผู้ชนะคือ ลูอิส แฮมิลตัน ที่ อะบูดาบี ซึ่งทิ้งห่างผู้ที่ตามมาอย่าง นิโค รอสเบิร์ก อยู่ 0.439 วินาที เท่านั้น ในขณะที่ สิงคโปร์ ก็เป็นอีกสนามที่ผู้ชนะนำห่างผู้ตามอยู่ไม่เกินครึ่งวินาที
● สนามที่มีผู้นำสับเปลี่ยนมากที่สุดคือที่ บาร์เซโลน่า ด้วยจำนวน 8 ครั้ง
● ส่วนสนามที่มีผู้นำเปลี่ยนหน้ามากที่สุดคือที่ ออสเตรีย กับจำนวน 5 ครั้ง โดยมี นิโค รอสเบิร์ก, ลูอิส แฮมิลตัน, แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น, เซบาสเตียน เวทเทล และ คิมี ไรค์โคเนน ●
ที่มา :
• formula1.com.