October 21, 2017
Motortrivia Team (10170 articles)

F1 US GP 2017 Preview : เฟอร์รารีต้องอยู่หน้าเมอร์เซเดสให้ได้


Posted by : Fascinator.

 

●   เข้าสู่สนามที่ 17 แล้วสำหรับการแข่งขัน ฟอร์มูล่าวันประจำฤดูกาล 2017 โดยสนามนี้เราจะไปกันที่เมืองออสติน ประเทศสหรัฐอเมริกา กับสนามแข่งแห่งใหม่ของพวกเขา เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกา

●   เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกา เป็นสนามแข่งมาตรฐานเอฟไอเอ เกรด 1 และเอฟไอเอ็ม เกรดเอ ตั้งอยู่ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ตัวสนามนั้นได้ริเริ่มโครงการในปี 2010 เพื่อที่จะสร้างสนามแข่งสำหรับการแข่งขันฟอร์มูล่าวันเป็นสนามแรกในสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้นตัวสนามยังรองรับการแข่งขันโมโตจีพี, เวิร์ล เอนเดอรานซ์ และ V8 ซุปเปอร์คาร์ อีกด้วย

●   เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกา ถูกสร้างแล้วเสร็จในปี 2012 มีความยาวทั้งสิ้น 5.513 กิโลเมตร ตลอดระยะทาง 5 กิโลเมตร ครึ่งนั้นจะรวมเอาข้อดีของสนามแข่งต่างๆ ทั่วโลกมารวมเอาไว้ เริ่มจากโค้งแรกนั้นจะเป็นการ เลียนแบบโค้ง 1 ของออสเตรีย ที่ยอดโค้งจะอยู่บนจุดสูงสุดของเนินพอดี โค้ง 1 ของสนามแห่งนี้ก็จะเป็นการขึ้นเนินไป 30 เมตร และเจอโค้งหักศอกเช่นกัน และด้วยการที่ยอดโค้งอยู่บนเนินพอดีนั่นทำให้การวาดไลน์เข้าโค้งเป็นไปได้ยาก เพราะนักแข่งจะมองไม่เห็นยอดโค้งนั้นๆ ไล่ลงเนินจากโค้ง 1 มาจะเป็นโค้งซิกแซกความเร็วสูงซึ่งเลียนแบบ เซ็คชั่นแม็กกอต-แบ็คเกต จากสนามซิลเวอร์สโตนมา.

●   ออกจากเซ็คชั่นตรงนี้ไปจะเจอทางตรงซึ่งมีความยาว 1,040 เมตร นับว่าเป็นทางตรงที่ยาวเป็นอันดับ 4 บนปฏิทินการแข่งขัน นอกจากนั้นตัวสนามยังมีการเลียนแบบ สเตเดี้ยมเซ็คชั่นจากสนามฮอคเคนไฮม์ เพื่อให้ผู้ชมได้รู้สึกใกล้ชิดกับรถแข่ง และก่อนจะจบรอบจะเจอโค้งขวาความเร็วสูง ซึ่งเลียนแบบมาจากโค้ง 8 อันเลื่องชื่อของสนามตุรกีนั่นเอง

ใครมีโอกาสชนะมากที่สุด?

●   ในแง่ของหลักอากาศพลศาสตร์ สนามแห่งนี้นั้นใช้ ดาวน์ฟอร์ซ ค่อนข้างสูงทีเดียว ซึ่งในจุดนี้นั้นทั้งเฟอร์รารี เมอร์เซเดส และเรดบูลล์ เริ่มขยับเข้ามาใกล้กันมากทีเดียวเมื่อเราเดินทางมาถึงท้ายฤดูกาล

●   ในด้านของเครื่องยนต์ ตัวสนามยังคงมีทางตรงยาวหนึ่งช่วง และเป็นจุดสำคัญที่เป็นจุดช่วงชิงตำแหน่งกันเสียด้วย ตรงนี้เรดบูลล์จะค่อนข้างเสียเปรียบอีก 2 ค่ายใหญ่ เล็กน้อย

●   ในส่วนของยางนั้น ตัวสนามมีการใช้งานยางอยู่ในระดับปานกลาง ถึงแม้จะมีโค้งความเร็วสูงอยู่เต็มไปหมดแต่มันยังคงไม่ถึงระดับที่เรียกว่าทรมานยางถึงที่สุด

●   เมื่อรวมข้อมูลข้างต้น เมอร์เซเดสกับเฟอร์รารีน่าจะสูสีกันมากทีเดียว เพียงแต่ว่าเฟอร์รารีจำเป็นจะต้องทำผลงานให้ได้เหนือกว่าเมอร์เซเดสให้ได้ หากพวกเขายังหวังที่จะคว้าแชมป์โลกทั้งประเภทนักขับและผู้ผลิตอยู่ในปีนี้ โดยเงื่อนไขสำหรับการลุ้นแชมป์โลกของเมอร์เซเดสและ ลูวอิส แฮมิลตัน ที่ได้เปรียบอยู่ในขณะนี้คือ

–   ถ้า แฮมิลตัน ชนะและ เวทเทล จบการแข่งขันไม่เกินอันดับ 6 แชมป์โลกจะตกเป็นของ แฮมิลตัน ทันที… หรือ
–   ถ้า แฮมิลตัน เข้าอันดับ 2 แล้ว เวทเทล จบการแข่งขันไม่เกินอันดับ 9 แชมป์โลกก็จะตกเป็นของ แฮมิลตัน เช่นกัน… และ
–   ถ้าเมอร์เซเดสสามารถทำคะแนนทิ้งห่างเฟอร์รารีได้ถึง 16 แต้ม ในสนามแห่งนี้ โอกาสคว้าแชมป์โลกของเฟอร์รารีก็จะจบลง

บันทึกความทรงจำ

●   มีใครคิดถึง เจนสัน บัตตัน กันบ้างไหมครับ? ปีที่แล้ว บัตตัน มีการสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมครั้งหนึ่งของตัวเองที่สนามแห่งนี้ ย้อนกลับไปชมลีลาการสตาร์ทของเขากันได้ที่นี่เลยครับ   ●


รายละเอียดสนามเพิ่มเติม

•   สนาม : เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกา
•   ความยาวสนามต่อรอบ : 5.513 กิโลเมตร
•   จำนวนรอบการแข่งขัน : 56 รอบ
•   เปิดใช้งานครั้งแรก : ปี 2012
•   ความเร็วสูงสุด : 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง
•   แรง G สูงสุด : 4.5
•   การใช้คันเร่งเต็มที่ต่อรอบ : 59%
•   อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง : ปานกลาง (1.88 กิโลกรัม/รอบ)
•   อัตราสิ้นเปลืองเบรก : ปานกลาง
•   อัตราสิ้นเปลืองยาง : ปานกลาง
•   ต้องการดาวน์ฟอร์ซ : สูง
•   จุดแซงสำคัญ : โค้ง 1, 12
•   จุดสำคัญของสนาม : โค้ง 3-9
•   ยางที่สามารถใช้ได้ : อุลตร้าซอฟต์, ซุปเปอร์ซอฟต์, ซอฟต์
•   DRS Zone : โซนคู่ โซนแรกอยู่ที่ 320 เมตร หลังผ่านโค้ง 11 มีจุดตรวจจับเวลาอยู่ที่ 150 เมตร หลังผ่านโค้ง 10
•   โซนที่ 2 อยู่ที่ 80 เมตร หลังผ่านโค้ง 20 มีจุดตรวจจับเวลาอยู่ที่ 65 เมตร หลังผ่านโค้ง 18
•   ผู้ชนะคนล่าสุด : ลูวอิส แฮมิลตัน – เมอร์เซเดส
•   ผู้ที่ได้ตำแหน่งโพลคนล่าสุด : ลูวอิส แฮมิลตัน – เมอร์เซเดส
•   ผู้ที่ชนะมากที่สุดในสนามนี้บนกริด : ลูวอิส แฮมิลตัน (2012, 2014, 2015, 2016)
•   สถิติสนาม : เซบาสเตียน เวทเทล – เรดบูลล์ เรโนลต์ – 1.39.347 – 2012
•   เวลาเร็วที่สุดของสนาม : ลูวอิส แฮมิลตัน – เมอร์เซเดส – 1.34.999 – 2016 (Q3)


ที่มา :
•  espnf1.com.
•  f1fanatic.co.uk.
•  en.wikipedia.org.