October 9, 2018
Motortrivia Team (10023 articles)

Hyundai IONIQ Electric รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ราคาจับต้องได้

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ  •  ภาพ : ฮุนได ประเทศไทย

●   ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก รถยนต์รุ่นแรกของโลกที่มีทั้ง 3 รุ่นย่อย ได้แก่ ไฮบริด, ปลั๊กอิน ไฮบริด และ อีวี (ไอออนิก อิเล็กทริก) เพื่อให้เป็นรถยนต์ที่มีมลพิษที่ต่ำที่สุด หรือปราศจากมลพิษ นอกจากเป็นรถยนต์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับ, การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย สำหรับรุ่นอีวี หรือ ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ได้ถูกนำมาโชว์ตัวในเมืองไทยครั้งแรกปี 2017 และเริ่มทำตลาดจริงช่วงเดือนมีนาคม 2018 ในแบบรถนำเข้าสเปคยุโรป ราคา 1,749,000 บาท

รูปลักษณ์ล้ำยุคสะดุดตา

●   ภายนอกของ ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ได้รับการออกแบบโดยเน้นที่ 2 ปัจจัยหลัก คือ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพ ทำให้มีบุคลิกของความเป็นรถยนต์แห่งอนาคต รูปลักษณ์สไตล์แฮ็ทช์แบ็กทรงสปอร์ต มาพร้อมเส้นสายที่พลิ้วไหว รวมถึงการออกแบบตัวถังส่วนต่างๆ เช่น ช่องดักลมที่ล้อคู่หน้า, สปอยเลอร์ด้านหลัง, ดิฟฟิวเซอร์ ชายล่างประตูทั้งสี่บาน, แผ่นปิดใต้ท้องรถ รวมถึงล้อแม็ก เพื่อให้อากาศไหลผ่านตัวรถได้อย่างสะดวกและลื่นไหลตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.24

●   ลดน้ำหนักด้วยการใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย ลดน้ำหนักลงได้ถึง 12.6 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป

●   ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ที่ทำตลาดในเมืองไทย เป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า กระจังหน้าจึงถูกออกแบบในลักษณะปิดทึบ ไม่ต้องมีช่องรับลมเพื่อระบายความร้อนเครื่องยนต์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความพลิ้วไหวและสะอาดตาด้วยสีเทาเข้ม ไฟหน้า, ไฟส่องสว่างขณะขับกลางวัน และไฟท้ายเป็นแบบ LED บริเวณชายกันชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งขอบล่างของประตูทั้ง 4 บาน ตกแต่งด้วยสีทองแดง สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

●   มิติตัวถังมีความยาว 4,470 มิลลิเมตร กว้าง 1,820 มิลลิเมตร (รวมกระจกมองข้าง 2,045 มิลลิเมตร) สูง 1,450 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,555/1,564 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,475 กิโลกรัม ล้อขนาด 6.5×16 นิ้ว ยาง 205/55 R16

ภายในเรียบง่ายแต่ล้ำสมัย

●   การออกแบบภายในเน้นความเป็นรถยนต์แห่งอนาคต ด้วยแนวคิด ‘Purified High-Tech’ เน้นความเรียบง่าย ลื่นไหล แต่มีความปราณีต และใช้งานง่าย เน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบลื่น และให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์ ภายในเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าหลังคาและพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย เพื่อช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสารมีความบริสุทธิ์, สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อให้มีประกายของเม็ดสีที่สวยงาม, แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ผสมกับผงไม้และหินจากภูเขาไฟ แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงและคุณภาพที่ดี บริเวณช่องแอร์, คอนโซลกลาง, พวงมาลัย และเบาะนั่ง ถูกตกแต่งด้วยสีส้มทองแดง ซึ่งเป็นสีที่เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถยนต์ ได้แรงบันดาลใจจากทองแดงที่อยู่ในคอนดักเตอร์ของระบบไฟฟ้า

●   เมื่อผู้ขับขี่ปลดล็อกรถด้วยระบบ Smart Entry ระบบ Welcome Function จะทำงานด้วยการเปิดไฟหน้าและไฟท้าย เพิ่มความปลอดภัยเมื่อจอดรถในที่มืด และเมื่อผู้ขับเปิดประตูรถ เบาะผู้ขับจะปรับเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ขับเข้าไปนั่งได้อย่างสะดวกสบาย เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังแบบไฟฟ้า (Lumbar Support) ช่วยลดอาการเมื่อยล้า มาพร้อมระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคู่หน้าขับ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงสปอร์ตขอบล่างปาดตรง ปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะหลังแยกพับได้แบบ 60:40 ปลอดภัยด้วยแอร์แบ็ก 7 ใบ ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย และแอร์แบ็กหัวเข่าสำหรับผู้ขับ

●   ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย โดยเฉพาะที่นั่งของผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งมีความโปร่งและกว้างขวางเป็นพิเศษ เนื่องจากระบบเกียร์ถูกออกแบบให้เป็นแบบปุ่มกด หรือ Shift by Wire ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง ผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมระบบเบรคมือไฟฟ้าและ Auto Hold ทำงานเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกจนรถหยุดสนิท ระบบจะคงการเบรกไว้ ผู้ขับสามารถยกเท้าออกจากแป้นเบรกได้ ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องขับท่ามกลางสภาพการจราจรที่ติดขัด และเมื่อจะออกรถก็เพียงเหยียบคันเร่ง ระบบ Auto Hold ก็จะปลดการทำงาน

●   ระบบ Wireless Charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เพียงวางโทรศัพท์บริเวณช่องชาร์จด้านซ้ายของปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์ (รองรับเฉพาะโทรศัพท์บางรุ่น) ระบบความบันเทิงควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 5 นิ้ว ที่คอนโซลกลาง ที่สามารถเลือกฟังก์ชันเพื่อความบันเทิงได้ตามต้องการ เช่น ระบบวิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, ช่องต่อระบบ USB และ AUX

●   มาตรวัดฝั่งผู้ขับแสดงการทำงานของระบบต่างๆ เป็นแบบ TFT ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลพื้นฐานของรถยนต์ เช่น ระยะทางที่สามารถขับได้ด้วยปริมาณไฟฟ้าที่มีอยู่, ปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่ รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นของตัวรถ ผู้ขับสามารถเลือกดูได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยฝั่งขวา

●   มาตรวัดสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ตามโหมดการขับ ที่เลือกได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal และ Sport ด้วยการกดสวิตช์ Drive Mode ที่คอนโซลเกียร์

–   โหมด Eco  :  มาตรวัดจะแสดงความเร็สแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วของรถยนต์ปกติ มีแถบสีเขียวบริเวณตัวเลขความเร็ว พร้อมไฟแสดงสถานะโหมด Eco สีเขียว
–   โหมด Normal  :  หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อกเช่นกัน แต่เปลี่ยนไฟจากแถบสีเขียวในโหมด Eco จะเป็นแถบสีเทา และไม่มีไฟแสดงสถานะโหมด Normal
–   โหมด Sport  :  มาตรวัดความเร็วจะเปลี่ยนเป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังการขับเคลื่อนของรถจาก 0 ถึง 100 เปอร์เซนต์ ในรูปแบบอนาล็อกพร้อมแถบสีแดง ตรงกลางจะแสดงความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอล

●   ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone เลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระสำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นด้วยสวิตช์ ‘Driver Only’ ลมแอร์จะออกจากช่องปรับอากาศเฉพาะฝั่งผู้ขับ ลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

ไฟฟ้าล้วนๆ ชาร์จเต็ม 4.30 ชั่วโมง ขับได้ 280 กิโลเมตร

●   ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 88 กิโลวัตต์ หรือ 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร หรือ 30 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ Single-Speed อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โหมด Normal ใช้เวลา 10.2 วินาที และโหมด Sport ใช้เวลา 9.9 วินาที เบรกจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยระยะทาง 36.1 เมตร ความเร็วสูงสุด 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ มีประสิทธิภาพการชาร์จไฟที่ดี และมีหน่วยความจำรอบการชาร์จไฟที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบนิกเกิล เมทัล ไฮดราย สำหรับฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ใช้แบตเตอรี่ขนาด 28 kWh เมื่อไฟฟ้าเต็มสามารถขับได้ระยะทางสูงสุด 280 กิโลเมตร ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติประมาณ 4 ชั่วโมง 25 นาที และแบบ Quick Charge ที่กำลังการชาร์จไฟขนาด 50 kW ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และที่กำลังการชาร์จไฟขนาด 100 kW ใช้เวลาประมาณ 23 นาที แบตเตอรี่ถูกติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลัง ทำให้ที่เก็บของด้านท้ายมีความจุสูงสุดถึง 650 ลิตร

●   ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดกับระบบ Regenerative Braking System ที่สามารถควบคุมปริมาณการชาร์จไฟฟ้ากลับได้ 4 ระดับด้วย Paddle Shift ด้านหลังพวงมาลัย เพียงผู้ขับดึง Paddle Shift รถยนต์จะลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ระบบ Regenerative Braking System จะทำงาน และชาร์จกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ทำให้ขับได้ระยะทางไกลขึ้น ถ้าเลือกการชาร์จไฟฟ้ากลับไว้สูง เมื่อผ่อนคันเร่งระบบจะหน่วงความเร็วของรถมากขึ้น

●   ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต ผลิตจากอลูมิเนียม พร้อมช๊อคฯ แก๊ส ด้านหลังทอร์ชันบีม พร้อมช๊อคฯ แก๊ส มาพร้อมระบบช่วยการทรงตัวทั้ง ESP ควบคุมเสถียรภาพ, TRC ป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบ HAC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน พร้อมตัวช่วยครบทั้ง ABS, EBD และ BA

ชุดระบบความปลอดภัยครบครัน

●   นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานแล้ว ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ยังมาพร้อมกับชุดระบบความปลอดภัยเสริม ประกอบด้วย ระบบ Blind Spot Detection ตรวจจับรถในจุดอับสายตาด้านข้างเยื้องไปด้านหลัง ทำงานควบคู่กับระบบ Lane Change Assist ที่จะตรวจจับรถในเลนด้านข้างในขณะที่ผู้ขับกำลังจะเปลี่ยนเลน และระบบ Rear Cross Traffic Alert ทำงานขณะถอยหลัง ระบบจะตรวจจับความเคลื่อนไหวด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือคนเดินเท้า หากมีวัตถุเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังรถ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับ เพื่อความปลอดภัยขณะถอย และเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง จอที่คอนโซลกลางจะแสดงภาพด้านหลังพร้อมเส้นกะระยะ

●   ระบบ Lane Departure Warning (LDW) ใช้กล้องที่อยู่บริเวณด้านบนตรงกลางของกระจกหน้า ตรวจหาเส้นแบ่งช่องการจราจร หากรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจรโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเพื่อเตือนผู้ขับ ระบบ Lane Keeping Assist (LKA) ใช้กล้องตัวเดียวกับ LDW เมื่อรถออกจากช่องจราจรโดเยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะดึงพวงมาลัยกลับเข้าช่องจราจร และระบบ Smart Cruise Control (SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ทำงานโดยใช้เรดาร์ที่อยู่บริเวณโลโก้บนกระจังหน้า ในการรักษาระดับความเร็วแบบแปรผัน ตามความเร็วของรถที่อยู่ด้านหน้า ผู้ขับสามารถเลือกความห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าได้ด้วย

●   ระบบ Forward Collision Warning (FCW) ช่วยเตือนผู้ขับหากเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป และถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ขับไม่เหยียบ ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนผู้ขับให้ผู้หยุดรถก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ และระบบ Autonomous Emergency Braking System (AEB) ช่วยเบรกรถอัตโนมัติ ในกรณีที่ผู้ขับเหยียบเบรกในขณะที่รถกำลังเข้าใกล้รถคันหน้า หรือในกรณีที่คนเดินถนนเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะกระชั้นชิด กล้องบริเวณด้านบนกระจกบังลมหน้าและเรดาร์บริเวณกระจังหน้า จะตรวจจับวัตถุและคนเดินถนน และจะเบรกให้รถหยุดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

ลองขับลองใช้ระบบความปลอดภัย

●   ลองขับจริงบนทางด่วนช่วงสายๆ การจราจรค่อนข้างโล่ง ได้ลองใช้โหมดการขับครบทั้ง 3 โหมด ที่รู้สึกแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ โหมด Sport ที่เร่งได้ทันใจและลื่นไหลไปถึงความเร็วสูง ถ้าไม่กลัวว่าไฟฟ้าจะไม่พอสำหรับสื่อมวลชนกลุ่มหลังๆ คงกดคันเร่งกันสนุกกว่านี้ ดูจากตัวเลขสเปครถ แรงบิดสูสีกับเครื่องยนต์เบนซินระดับ 2,500-3,000 ซีซี หรือดีเซลเทอร์โบระดับ 2,000 ซีซี ความรู้สึกในการขับก็ใกล้เคียงกัน คือ เร่งทันใจ ไม่อืด แรงแบบไม่ต้องรอรอบ

●   Paddle Shift ที่ไม่ได้มีไว้เปลี่ยนเกียร์ แต่มีไว้เลือกระดับการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ ถ้าเลือกชาร์จกลับมาก เมื่อยกคันเร่งรถก็จะหน่วงความเร็วมากขึ้น เรียกได้ว่าหน่วงจนหน้าทิ่ม น่าจะได้ใช้ประโยชน์จริงจังในการขับลงทางลาดชัน โดยเลือกระดับการหน่วงให้เหมาะสมกับความชัน ลดภาระของเบรกและได้ชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นด้วย

●   หลังจากได้ลองใช้ชุดระบบความปลอดภัยที่สนับสนุนการขับแล้วพบว่า เซ็นเซอร์และการประมวลผลที่ได้รับการพัฒนาให้มีความแม่นยำ และสอดคล้องกับการใช้งานจริงมากขึ้น ทำให้การใช้ระบบต่างๆ มีความมั่นใจ ไม่มีอาการเหวอ เช่นระบบ Smart Cruise Control ตั้งความเร็วที่ต้องการและตั้งระยะห่างจากรถคันหน้า มีการชลอความเร็วตามคันหน้าอย่างนุ่มนวล และเร่งตามคันหน้าจนถึงความเร็วที่ตั้งไว้ ตัวเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับรถคันหน้า ทำงานเป็นมุมกว้าง สังเกตจากรถคันหน้าเบี่ยงหลบไปค่อนคันแล้ว ระบบก็ยังทำงานอยู่ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีมีรถเบี่ยงเลนเข้ามา ระบบนี้ทำงานได้กระทั่งรถคันหน้าลดความเร็วลงจนหยุดนิ่ง ระบบเบรกคงการเบรกไว้ให้ประมาณ 3 วินาที พร้อมสัญญาณเสียงเตือนให้ผู้ขับเหยียบเบรก

●   อีกระบบที่ได้ลองใช้คือ Forward Collision Warning เตือนเมื่อขับเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป แม้แตะเบรกแล้วก็ยังเตือน แต่ถ้าเข้าใกล้คันหน้าโดยไม่เบรก เตือนแล้วก็ยังไม่เบรก ระบบ Autonomous Emergency Braking System จะเข้ามาทำงานแทน โดยการเบรกให้โดยอัตโนมัติ แต่ใจไม่ถึงพอจะลองระบบนี้บนถนนจริง

คุณชนกวนันท์ เตชะภัทรพร ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมพิเศษ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

●   ระบบกันสะเทือนเซตมาพอเหมาะ ขับใช้งานทั่วไปได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีอะไรแตกต่างจากรถทั่วไป ความเร็วสูงเกาะถนนดี มั่นคง พวงมาลัยไฟฟ้าเบาคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงหรือเข้าโค้งเร็วๆ ยังรู้สึกว่าเบาไปนิดๆ มีอาการขยับนิดๆ อยู่ในมือ ลองปิดระบบ Lane Keeping Assist แล้วดีขึ้นพอสมควร ระบบเบรกให้ความรู้สึกใกล้เคียงเบรกแบบหม้อลม เบรกได้มั่นใจ ไม่มีอาการเบรกทื่อหรือเบรกแข็ง ควบคุมน้ำหนักเบรกได้ง่าย

●   อีกจุดที่ชอบใจเป็นพิเศษคือ คุณภาพของห้องโดยสาร ทั้งการออกแบบ การประกอบ และวัสดุที่ใช้ สวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ ให้ความรู้สึกสัมผัสที่หนักแน่นดี สวิตช์ควบคุมระบบที่ใช้งานบ่อย จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย การเก็บเสียงจากภายนอกทำได้ดี เมื่อไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ได้ยินเสียงยางกับเสียงลมปะทะแค่แผ่วๆ ที่ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน จนคิดว่าถ้าตัดบางอย่างออกได้แล้วลดราคาลงอีกก็น่าจะดี แต่เมื่อได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของฮุนได จึงทำให้รู้ว่าไม่ได้มีอิสระในการเลือกอุปกรณ์ติดรถมากนัก และบางอุปกรณ์ผู้บริหารฮุนไดก็อยากให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ใช้งานด้วย

●   การชาร์จไฟฟ้าใช้หัวชาร์จแบบ Type 2 (7 Pin) และที่ตัวรถเป็นแบบ Dual Charging Ports รองรับการชาร์จทั้งแบบปกติและแบบชาร์จเร็ว ชุดสายชาร์จที่ให้มากับรถก็สามารถชาร์จแบบทริคเคิล ใช้ปลั๊กไฟบ้านทั่วไปได้ กระแสไฟฟ้าสลับตามบ้านขนาด 2.3 kW จะใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 12 ชั่วโมง ค้นหาสถานีชาร์จได้จากแอพพลิเคชั่นอย่าง EA Anywhere ที่ตัวรถมีไฟแสดงสถานะการชาร์จหรือ Charge Indicator Light ติดตั้งอยู่บนคอนโซลหน้า ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้จากนอกรถ

●   ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน สะดวกขึ้นด้วยสถานีชาร์จไฟฟ้าที่แพร่หลายยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาด้วยโหมดชาร์จเร็ว ห้องโดยสารกว้างขวางนั่ง 4 คนได้สบาย อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยครบครัน คุณภาพในการขับอยู่ในเกณฑ์ดี ราคา 1,7490,000 บาท อาจดูเหมือนมีหลายทางเลือก แต่ถ้าต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในราคาที่จับต้องได้ ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ก็จะเป็นทางเลือกเดียวในเวลานี้ อุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และประกันแบตเตอรี่ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง   ●

2018 Hyundai IONIQ : Group Test