2022 MG ZS EV รถแบตเตอรี่รุ่นปรับโฉม เปิดตัวในประเทศไทย
ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่
● เอ็มจี ประเทศไทย เปิดตัวครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าขนาดซับคอมแพคท์ MG ZS EV (หรือ MG eZS ในประเทศจีน) รุ่นปรับโฉมใหม่ หลังเริ่มทำตลาดรุ่นแรกในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 โดย ZS EV รุ่นใหม่นี้จะมีการอัพเกรดทั้งภาพลักษณ์และอุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการ รวมทั้งใช้แบตเตอรี่แพคที่มีความจุเพิ่มขึ้นด้วย
● ZS EV ใหม่มากับกระจังหน้าแบบปิด พร้อมกันชนหน้าใหม่ ออกแบบเพื่อหวังผลทางอากาศพลศาสตร์, ชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟวิ่งกลางวัน Daytime Running Lights, ไฟท้ายและไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED, สปอยเลอร์หลังพร้อมราวหลังคา, ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อแบบ Aero Wheel Cover ช่วยจัดระเบียบอากาศ และยางหน้า-หลังขนาด 215 / 55 R17
● เทียบกับ ZS EV รุ่นก่อนหน้า ขนาดตัวของรุ่นปรับโฉมจะมีความยาวเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเป็น 4,323 มม. (+9 มม.) ความกว้างคงเดิม 1,809 มม. ความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 1,649 มม. (+25 มม.) ส่วนระยะฐานล้อหน้า-หลังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2,585 มม.
● ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง, ด้านหลังแบบ Torsion Beam, ชุดระบบเบรคแบบดิสค์เบรคพร้อมช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
● ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่ คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยลายคาร์บอนไฟเบอร์, ใช้วัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch, เบาะหนังดำเดินด้ายแดง, เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับ 4 ทิศทาง, หลังคา Panoramic Sunroof และพื้นที่เก็บสัมภาระปรับได้ 2 ระดับ
● อุปกรณ์มาตรฐานใหม่มี มาตรวัดแบบฟูลดิจิทัล แสดงผลด้วยจอขนาด 7 นิ้ว, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น รองรับการควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, ระบบพวงมาลัย Rack and Pinion EPS ควบคุมด้วยไฟฟ้า, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบกรองอากาศ PM 2.5, ชุดลำโพง 6 ตำแหน่ง, ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key และฟังก์ชั่น Push Start
● ชุดระบบ i-SMART สำหรับเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน MG ZS EV แบ่งเป็น 3 หมวดหลัก ประกอบด้วยฟังก์ชั่น Smart Check, Smart Command และ Smart Connect แยกเป็นหมวดย่อยหลายรายการ ได้แก่:
● Smart Check : ตรวจสอบสถานะรถยนต์, เตือนความผิดปกติของรถ, ระบบขอบเขตอิเลคทรอนิคส์, ระบบค้นหารถ Find My Car, ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ และการชาร์จ, ฟังก์ชั่นค้นหาสถานีชาร์จ, ฟังก์ชั่นค้นหาศูนย์บริการ – นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ
● Smart Command : กุญแจดิจิทัล, ระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย, ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านสมาร์ทโฟน, ฟังก์ชั่น Travel Plan ช่วยวางแผนการเดินทาง พร้อมตั้งค่าการเดินทางแบบ Team Travel, ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน, ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน Emergency Call, ฟังก์ชั่นเลขาส่วนตัว MG Call Centre และฟังก์ชั่นสั่งงานการชาร์จแบตเตอรี่ที่สถานี MG Super Charge ผ่านสมาร์ทโฟน
● Smart Connect : ระบบนำทางพร้อมฟังก์ชั่นรายงานการจราจรแบบ Real Time, ฟังก์ชั่นช่วยค้นหาร้านอาหารและที่พักบนแผนที่, ฟังก์ชั่นเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง, ฟังก์ชั่นเรียกดูข้อมูลข่าวสาร, ฟังก์ชั่นอัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ และฟังก์ชั่น FOTA อัพเกรดซอฟท์แวร์ระบบต่างๆ แบบออนไลน์
● ชุดระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบกระแสสลับ แม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous) ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์ e-CVT กำลังสูงสุดผลิตได้ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 8.6 วินาที โหมดในการขับเลือกได้ 3 แบบระหว่าง Eco, Normal หรือ Sport พร้อมระบบ KERS หรือ Kinetic Energy Recovery System ช่วยเก็บเกี่ยวพลังงานที่สูญเปล่า 3 ระดับ
● แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน เพิ่มความจุจาก 44.5 กิโลวัทท์-ชม. เป็น 50.3 กิโลวัทท์-ชม. พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวทั้งแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 403 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ของยุโรป
● ไฮไลท์ใหม่คือการติดตั้งระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าแบบ V2L หรือ Vehicle to Load สำหรับจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากรถสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยโหมดธรรมดาผ่าน MG Home Charger จาก 0 – 100% จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ในขณะที่โหมดชาร์จเร็วจาก 30 – 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ปัจจุบัน MG มีเครือข่ายสถานีชาร์จ MG Super Charge ที่พร้อมให้บริการแล้วมากกว่า 120 แห่งทั่วประเทศ
หมายเหตุ : ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ขึ้นอยู่กับปริมาณคงเหลือของแบตเตอรี่ และกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
V2L หรือ Vehicle to Load สำหรับจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากรถสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ
● ชุดระบบความปลอดภัยมี โครงสร้างตัวถังนิรภัย Full Space Frame เสริมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System รวม 20 ระบบ ประกอบด้วย ระบบใหม่ Emergency Lane Keeping System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมหน่วงพวงมาลัยหากออกนอกเลน โดยเป็นการควบรวมการทำงานของระบบ Lane Departure Prevention และ Lane Keep Assist เข้าไว้ด้วยกัน
● ต่อด้วยระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Traffic Jam Assist ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำตามสภาพการจราจร, ระบบ Forward Collision Warning ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนคันหน้าขณะขับ, ระบบ Intelligent High-beam control เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบ Blind Spot Detection ช่วยเตือนมุมอับสายตา, ระบบ Lane Change Assist ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน, ระบบ Autonomous Emergency Braking ช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยหลัง
● นอกจากนี้ยังมี จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กแบบ ISOFIX, ระบบ Speed Sensing Door Lock ช่วยล็อคประตูอัตโนมัติ, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบรั้งกลับอัตโนมัติ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า – ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 3D Around View Monitor, สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง, กุญแจนิรภัย Immobilizer, ระบบ Tire Pressure Monitor ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง และระบบ Follow Me Home Light หน่วงไฟเพื่อส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง
● MG ZS EV ใหม่จะแยกการจำหน่ายเป็น 2 เกรดรุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่น ZS EV D และรุ่น ZS EV X สีภายนอกเลือกได้ 5 สีระหว่าง น้ำเงิน Como Blue, เงิน Cosmic Silver, แดง Scarlet Red, ดำ Black Knight หรือขาว Arctic White
● ส่วนราคาจำหน่ายนั้น เอ็มจี ประเทศไทย จะประกาศราคาอย่างเป็นทางการภายในงาน บางกอก มอเตอร์ โชว์ 2022 ปลายเดือนมีนาคม 2565 นี้ครับ การส่งมอบจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ เว็บไซท์ www.mgcars.com หรือศูนย์บริการลูกค้า 24 ชม. โทร. 1267 หรือแฟนเพจ facebook.com/MGcarsThailand หรือแอด LINE ID ได้ตามลิงค์นี้ line.me/913 ●