โตโยต้า ประเทศไทย เปิดตัว Toyota Alphard / Vellfire เจนเนอเรชั่น 4

1.6Kviews

motortrivia

● โตโยต้า ประเทศไทย เผยโฉมมินิแวนหรูรุ่นยอดนิยม Toyota Alphard และ Toyota Vellfire รุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น 4 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย การเปิดตัวมีขึ้นในวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ทั้งหมด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four และมีชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นล่าสุดให้ใช้งานอย่างครบถ้วน

● โตโยต้าพัฒนา Alphard / Vellfire ใหม่ขึ้นบนแพลทฟอร์ม TNGA (แพลทฟอร์มย่อย GA-K) ปัจจุบันโตโยต้าใช้แพลทฟอร์มนี้ผลิตรถมินิแวนในเครือหลายรุ่น อาทิ Toyota Sienna เจนเนอเรชั่น 4, Lexus LM เจนเนอเรชั่น 2 หรือรถรุ่นใหม่อย่าง Toyota Crown Crossover เป็นต้น เทียบกับรุ่นก่อนหน้ามิติตัวรถมีความยาวอยู่ที่ 4,995 มม. (+50 มม.) กว้าง 1,850 มม. เท่าเดิม สูง 1,945 มม. (-5 มม.) ความยาวฐานล้อจากหน้าถึงหลัง 3,000 มม. เท่าเดิม

● ช่วงล่างของ Alphard ได้รับการปรับปรุงใหม่ ด้านหน้าเป็นแบบเมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังแบบดับเบิล วิชโบน ซึ่งจะมีแกนยึดแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังช่วยให้ลดการสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น 30% และเพิ่มความเงียบในห้องโดยสารด้วย ส่วน Vellfire นั้นโตโยต้าจะเพิ่มแกนยึดใหม่ทางด้านหน้า และมีการจูนช่วงล่างแบบเฉพาะตัวเพื่อให้เหมาะสมกับคาแรคเตอร์แบบสปอร์ต

● ทั้ง Alphard และ Vellfire สามารถเลือกสีภายนอกได้ 3 สีระหว่าง ขาว Platinum White Pearl (สีใหม่), Precious Metal (สีใหม่) หรือสีดำมาตรฐาน (Black)

2023 Toyota Alphard 2.5 HEV

● รุ่นย่อยต่างๆ เรามาเริ่มกันที่ Toyota Alphard 2.5 HEV ตัวรถมากับชุดไฟหน้าแบบ LED, ไฟเลี้ยวแบบ Sequential, ชุดไฟท้ายแบบ LED, หลังคาแบบ Twin Moonroof, ฝาประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิทช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย และล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว

● ห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง เบาะผู้โดยสารแถว 2 แยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง สะดวกสบายด้วยเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า, ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet, คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว นอกจากนี้ยังมี Smart Comfort Program สำหรับเบาะแถว 2 พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้าด้วย

● อุปกรณ์มาตรฐานมี จอ Head-up display แบบสี, มาตรวัดฟูลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 14 นิ้ว, ระบบนำทางพร้อมระบบเชื่อมต่อ T-Connect รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay แบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ 4 โซน, ระบบฟอกอากาศ nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า, ชุดเครื่องเสียงพรีเมียมของ JBL, ภายในสี Neutral Beige สำหรับจับคู่สีภายนอก Platinum White Pearl หรือ Black และภายในสีดำ Black สำหรับสีภายนอก Precious Metal

● ชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด และมาพร้อมถุงลมนิรภัย SRS 6 ตำแหน่ง พร้อมกล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor หรือ PVM

● ชุดระบบขับเคลื่อนไฮบริดใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส A25A-FXS แบบ 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร Dual VVT-i จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ e-CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel drive เทคโนโลยี E-Four เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์ 5 แอมป์อาวร์ กำลังรวมทั้งระบบ 250 แรงม้า (PS) อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 17.9 กม./ลิตร (โตโยต้าอ้างอิงจาก eco sticker)

● Toyota Alphard 2.5 HEV ราคาจำหน่าย 4,129,000 บาท

2023 Toyota Vellfire 2.5 HEV

● สำหรับ Toyota Vellfire 2.5 HEV ซึ่งมีบุคลิกที่สปอร์ตกว่า ตัวรถจะมากับชุดไฟหน้าและไฟท้าย LED ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่น, กันชนหน้า-หลังเฉพาะรุ่น และล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว ส่วนอุปกรณืมาตรฐานอื่นๆ เช่น หลังคา Twin Moonroof หรือฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมสวิทช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย จะมีมาให้เช่นเดียวกัน

● ห้องโดยสารมีอุปกรณ์มาตรฐานแบบเดียวกับ Alphard 2.5 HEV ทว่าสีเบาะจะมีให้เฉพาะสีดำเท่านั้น ส่วนระบบขับเคลื่อน, ตัวเลขสมรรถนะ และชุดระบบความปลอดภัย ไม่แตกต่างกัน

● Toyota Vellfire 2.5 HEV ราคาจำหน่าย 4,279,000 บาท

2023 Toyota Alphard 2.5 HEV Luxury

● ปิดท้ายกันที่รุ่นท๊อป Toyota Alphard 2.5 HEV Luxury อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ทว่าจะพิเศษกว่าด้วยตราสัญลักณ์ Executive Lounge และมีล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วให้

● ห้องโดยสารหรูกว่าด้วยการเพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในห้องโดยสาร, เพิ่มการตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Uzuramoku, เบาะแถว 2 แบบ Executive Lounge แยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า, ระบบนวด Massage Relaxation, ระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet และโต๊ะเอนกประสงค์ส่วนตัวแบบพับเก็บได้

● นอกจากนี้ยังมีระบบฟอกอากาศ nanoe™X ที่มีให้ทั้งตอนหน้าและตอนหลัง, คอนโซลด้านบนเพดานแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว ปิดท้ายด้วยสีเบาะพิเศษ เบาะสีดำจับคู่สีภายนอก Platinum White Pearl หรือ Black และสีภายในน้ำตาล Sunset Brown สำหรับสีภายนอก Precious Metal

● Toyota Alphard 2.5 HEV Luxury ราคาจำหน่าย 4,499,000 บาท

Alphard / Vellfire Modellista

● ใครอยากได้อะไรที่เฉพาะตัวกว่านี้ โตโยต้ามีแพคเกจชุดแต่ง Modellista ให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติมทั้ง Alphard และ Vellfire โดยชุดแต่ง Modellista นี้จัดจำหน่ายโดย บริษัท ทีซีดี เอเชีย เซลล์ จำกัด ทว่าจะมีให้เฉพาะสี Platinum White Pearl หรือสี Black เท่านั้น

● (1) Alphard Modellista ประกอบด้วย ชุดแต่งกระจังหน้า, สเกิร์ทหน้า, สเกิร์ทข้างซ้าย-ขวา, สเกิร์ทหลัง และตราสัญลักษณ์ Modellista ด้านท้ายรถ ราคารวมค่าติดตั้ง 149,000 บาท

● (2) Vellfire Modellista ประกอบด้วยชุดแต่งสเกิร์ทหน้า, สเกิร์ทข้างซ้าย-ขวา, สเกิร์ทหลัง, ชุดแต่งท่อไอเสีย และตราสัญลักษณ์ Modellista ด้านท้ายรถ ราคารวมค่าติดตั้ง 169,000 บาท

● Toyota Alphard และ Vellfire ใหม่ทุกรุ่นย่อย มีแพคเกจขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี (ในช่วงปีที่ 6 – 10) พร้อมรับประกันชุดระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และขยายระยะเวลารับประกันสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเข้าเช็คระยะตามกำหนด ปิดท้ายด้วย ฟรีค่าแรงเช็คระยะจนถึง 100,000 กม.

● ใครสนใจสามารถชมคันจริงและขอทดลองขับได้ใน 3 อีเวนท์พิเศษ ประกอบด้วย (1) ระหว่างวันที่ 16 – 22 สิงหาคม 2566 ที่ Toyota ALIVE บางนา (2) ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 ในงาน BIG Motor Sale 2023 ที่ไบเทค บางนา และ (3) ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 4 ตุลาคม 2566 ในงาน All-New Toyota Alphard / Vellfire “The Exclusive Showcase” ที่ Central EastVille

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.toyota.co.th หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/toyotamotor.th หรืออี-เมล : [email protected] หรือแอด LINE ID : @toyotathailand หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เบอร์ 1486 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเช็คบริการสินเชื่อจาก โตโยต้า ลีสซิ่ง : www.tlt.co.th ●