
Honda SENSING 360 / Elite ชุดระบบความปลอดภัยเจนเนอเรชั่นใหม่
motortrivia
● ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวชุดระบบความปลอดภัย Honda SENSING 360 ที่ได้รับการอัพเกรดฟังก์ชั่นใหม่ ตรวจจับสภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ขับและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ โดยตั้งเป้าหมายจะติดตั้งในรถรุ่นใหม่ๆ ทั่วโลกภายในช่วงปี 2024 เป็นต้นไป และไฮไลท์สำคัญคือคือการเผยรายละเอียดของชุดระบบความปลอดภัยเจนเนอเรชั่นใหม่ Honda SENSING Elite ซึ่งต่อยอดมาจาก Honda SENSING 360 และใช้ความสามารถของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการช่วยเพิ่มความปลอดภัย นับตั้งแต่ออกจากบ้านไปจนถึงจุดหมายปลายทาง
● ฮอนด้าระบุว่า จากโกลบอล สโลแกน ของฮอนด้าในด้านความปลอดภัย “Safety for Everyone” ฮอนด้าได้วางเป้าหมายในการสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุ ผ่านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัย ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ โดยปัจจุบัน ฮอนด้าได้ติดตั้งชุดระบบ Honda SENSING ในรถที่ผลิตคิดเป็น 99% ของรถรุ่นใหม่ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ และ 86% สำหรับตลาดทั่วโลก โดยมียอดขายสะสมของรถที่ติดตั้งระบบ Honda SENSING อยู่ที่ 14 ล้านคัน *(1)
*(1) การวิจัยภายในของฮอนด้า เดือนกันยายน 2022

● ในปี 2021 ฮอนด้าได้เปิดตัว Honda SENSING Elite ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Traffic Jam Pilot ซึ่งอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 3 จากนั้นจึงมีการพัฒนาชุดระบบความปลอดภัยรอบทิศทาง Honda SENSING 360 เพื่อช่วยขจัดจุดบอดรอบๆ ตัวรถ และช่วยในการหลีกเลี่ยงการชน พร้อมลดภาระของผู้ขับ โดยเริ่มใช้งานในปี 2022 ที่ประเทศจีนเป็นแห่งแรก
● Honda SENSING 360 เจนเนอเรชันใหม่ ซึ่งมีการเพิ่มฟังก์ชันตรวจจับสภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ขับและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน จะเริ่มขยายการติดตั้งเพื่อใช้งานในรถรุ่นใหม่ๆ ทั่วโลกตั้งแต่ช่วงปี 2024 เป็นต้นไป
● สำหรับแผนการในอนาคต ฮอนด้าตั้งเป้าจะติดตั้งเทคโนโลยี Honda SENSING ทั้งแบบ 360 และ Elite พร้อมฟังก์ชันตรวจจับมอเตอร์ไซค์ในรถรุ่นใหม่ทั่วโลกภายในปี 2030 ซึ่งฮอนด้าคาดว่าจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางการจราจรที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ของฮอนด้าทั่วโลกให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุทั่วโลกภายในปี 2050

Honda SENSING 360 เจนเนอเรชั่นใหม่
● ฮอนด้าจะทำการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปในชุดระบบ Honda SENSING 360 เวอร์ชั่นปัจจุบันด้วยระบบการตรวจจับสภาพผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ขับและสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ เพื่อลดความเสี่ยงของการชนที่อาจเกิดจากปัจจัยด้านสุขภาพ หรือข้อผิดพลาดของมนุษย์ โดยจะถูกเพิ่มเข้าไปตามลำดับ เพื่อความเหมาะสมของตลาดในแต่ละภูมิภาค
Advanced In Lane Driving with Hands-off Function
● ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน พร้อมฟังก์ชั่นที่อนุญาตให้ผู้ขับละมือจากพวงมาลัย ตัวระบบจะช่วยควบคุมคันเร่ง, เบรค และพวงมาลัย เพื่อช่วยให้ผู้ขับรักษาความเร็วของรถให้เหมาะสม และอยู่ในช่องทางเดินรถโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่มีรถคันอื่นอยู่ด้านหน้า ระบบจะช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางพร้อมรักษาความเร็วของรถเอาไว้ตามที่ตั้งค่า
● สำหรับการเลี้ยว ระบบจะตรวจจับความโค้งของช่องทางเดินรถล่วงหน้า และช่วยผู้ขับในการเข้าโค้งโดยลดความเร็วของรถให้เหมาะสมตามความโค้งที่ตรวจจับได้ และเมื่อมีรถคันอื่นอยู่ด้านหน้า ระบบจะช่วยรักษาระยะห่างที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัย
Advanced Lane Change with Hands-off Function
● ระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมฟังก์ชั่นละมือจากพวงมาลัย เป็นอีกหนึ่งระบบใหม่ในกลุ่มระบบช่วยขับชั้นสูง (Advanced) โดยในการทำงาน ตัวระบบจะทำการประเมินสถานการณ์ข้างหน้า และช่วยเปลี่ยนเลนโดยอัตโนมัติ และ/หรือ แซงรถคันอื่นภายใต้เงื่อนไขบางประการ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อระบบตรวจพบว่ารถคันหน้ากำลังขับด้วยความเร็วต่ำ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับ และช่วยควบคุมรถให้ขับแซงขึ้นไป จากนั้นจะทำการนำรถกลับเข้ามายังช่องทางเดินรถเดิม
Driver Emergency Support System
● ชุดระบบ Driver Emergency Support System เป็นระบบที่ฮอนด้าใช้ตรวจสอบลักษณะอาการของผู้ขับเป็นหลัก ตัวระบบจะใช้ความสามารถของกล้องที่ทำงานร่วมกับอินฟราเรดคอยตรวจจับดวงตาและการเอียงศีรษะของผู้ขับ หากระบบตรวจสอบและประเมินว่าผู้ขับมีอาการหลับใน หรืออาจหมดสติ (เช่น หลับตา หรือคอตก) ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนทันที
● และหากผู้ขับยังคงไม่มีการตอบสนองต่อเสียงเตือน ระบบจะเข้าควบคุมการทำงานของรถ พร้อมชะลอความเร็ว และหยุดรถภายในเลนนั้นๆ จากนั้นจะทำการแจ้งเตือนรถคันอื่นๆ โดยรอบด้วยการเปิดไฟฉุกเฉิน พร้อมเปิดการทำงานเสียงแตร เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้ผู้ขับ, ผู้โดยสาร และผู้ใช้ถนนอื่นๆ ได้รับความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ก่อนจะส่งสัญญาณแจ้งไปยังศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ
Exit Warning
● ระบบ Exit Warning เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยหลังจอดรถ ตัวระบบจะทำการตรวจจับพาหนะที่กำลังวิ่งมาจากทางด้านหลัง เช่น รถ หรือจักรยาน ในขณะที่ผู้ขับหรือผู้โดยสารทางด้านหลังกำลังเปิดประตูเพื่อลงจากรถ เมื่อระบบตรวจพบพาหนะก็จะส่งสัญญาณไฟและเสียงเตือนที่กระจกมองข้าง
Technology to detect the driver’s condition and risk factors
● เทคโนโลยีนี้ เป็นแพคเกจเทคโนโลยีในการตรวจจับสภาวะของผู้ขับ และปัจจัยเสี่ยงเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากด้านหน้า ประกอบด้วย 3 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่:
● 1. Driver Attention Warning and Collision Warning : ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับ และเตือนการชน ตัวระบบจะทำการตรวจสอบสภาวะของผู้ขับตลอดเวลา และเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนกับคนเดินถนน, จักรยาน หรือยานพาหนะ เนื่องจากผู้ขับมีสมาธิลดลง เช่น หันหน้าไปคุยกับผู้โดยสารด้านหน้า หรือหลับใน ระบบจะลดความเร็วของรถ พร้อมแจ้งเตือนผู้ขับ และช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
● 2. In-Lane Collision Avoidance Assist Technology : เทคโนโลยีช่วยหลีกเลี่ยงการชนในช่องทางเดินรถ ตัวระบบจะทำงานเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนกับคนเดินเท้า, จักรยาน หรือยานพาหนะ โดยจะทำการแจ้งเตือนและระบุว่ามีพื้นที่ไม่เพียงพอในช่องทางที่ยานพาหนะแล่นอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน จากนั้นระบบจะลดความเร็วของรถ เพื่อช่วยให้ผู้ขับสามารถหลีกเลี่ยงการชน
● 3. Emergency Steering Support Technology : เทคโนโลยีช่วยบังคับพวงมาลัยฉุกเฉินเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนกับคนเดินถนน, จักรยาน หรือยานพาหนะ เมื่อระบบประเมินว่าอาจเกิดการชน และผู้ขับเริ่มหักหลบ ระบบจะทำการดึงพวงมาลัยกลับหลังการหักหลบให้ล้อตั้งตรง ไม่เสียหลักไปยังทิศทางอื่นๆ แต่หากผู้ขับไม่มีการตอบสนอง ระบบจะลดความเร็วลงและช่วยเบรคอัตโนมัติทันที

Honda SENSING Elite เจนเนอเรชันใหม่
● สำหรับเทคโนโลยี Honda SENSING Elite เจนเนอเรชันใหม่ ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับ flagship ของแบรนด์ฮอนด้าในอนาคตอันใกล้ ฮอนด้าประกาศจะเร่งพัฒนาโดยการประยุกต์ใช้ AI ต้นแบบของฮอนด้า ที่มีการพัฒนาความสามารถในการประเมินสถานการณ์ให้ใกล้เคียงกับมนุษย์ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในตรวจจับสถานการณ์ที่ซับซ้อน รวมทั้งจัดการกับสภาพแวดล้อมในการขับที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การขับบนถนนที่ไม่ใช่ทางด่วน ซึ่งมี คน, ยานพาหนะ, แยก, ซอย, อาคาร และจุดอับสายตามากกว่าทางด่วนที่โล่งกว้าง
● ในเบื้องต้น ฮอนด้าจะพัฒนาเทคโนโลยีช่วยขับบนเส้นทางปกติที่ไม่ใช่ทางด่วน เช่น ฟังก์ชัน Hands-off ช่วยให้ผู้ขับละมือจากพวงมาลัยขณะขับบนเส้นทางการจราจรติดขัดบนถนนสายหลัก เพื่อให้สามารถใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ในระหว่างการเข้า-ออกจากทางด่วนบริเวณทางแยก หรือช่วยให้ผู้ขับนำรถเข้า-ออกจากโรงรถของบ้านโดยอัตโนมัติ โดยฮอนด้าจะติดตั้งเทคโนโลยีเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 2020s เป็นต้นไป
● Driver assistance on non-expressway roads : ระบบช่วยขับบนถนนที่ไม่ใช่ทางด่วน ใช้เทคโนโลยีการจดจำและการควบคุมชั้นสูง สามารถใช้งานในสภาพการจราจรที่ซับซ้อนได้ ซึ่งเทคโนโลยีป้องกันการชนจะอาศัยการคาดการณ์ความเสี่ยง เช่นเดียวกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruse Control) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keeping Assist System) สำหรับถนนที่ไม่ใช่ทางด่วน เพื่อลดภาระของผู้ขับ และสามารถใช้ฟังก์ชันแฮนด์-ออฟขณะขับในการจราจรที่ติดขัดบนถนนสายหลัก
● Automatic parking assist : ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ออกแบบมาให้สามารถนำรถเข้า-ออกจากโรงรถของบ้าน หรือในจุดจอดรถที่มีการตั้งค่าเอาไว้ล่วงหน้าในจุดจอดรถของที่พักอาศัย โดยในอนาคต ฮอนด้าจะพัฒนาฟังก์ชัน “บริการนำรถเข้าจอด หรือเรียกรถจากที่จอดแบบอัตโนมัติ” (Automated Valet Parking) ซึ่งจะช่วยให้สามารถเรียกรถจากที่จอดรถสาธารณะแบบอัตโนมัติได้ทุกที่
● Driver assistance for all expressway driving situations : ปิดท้ายด้วยระบบช่วยขับในทุกสถานการณ์การขับบนทางด่วน ตัวระบบจะทำการช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ช่วยเปลี่ยนเลน พร้อมฟังก์ชัน Traffic Jam Pilot สำหรับช่วยขับในช่วงกาจราจรที่ติดขัด เสริมด้วยฟังก์ชั่นใหม่อย่างระบบช่วยขับในระหว่างการเข้า-ออกจากทางด่วน ซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้นด้วย
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถรุ่นต่างๆ ของฮอนด้าในประเทศไทย เชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.honda.co.th หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/hondathailand หรืออี-เมล : [email protected] หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร : 02-341-7777 รวมถึงโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ●