January 23, 2024
Motortrivia Team (10223 articles)

CEO กลุ่ม Stellantis เผยผลสงครามราคาต้องมีการนองเลือดกันบ้าง

เรื่อง : AREA 54

●   Carlos Tavares ผู้บริหารระดับสูงของ กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Stellantis เผยบริษัทกำลังพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมสงครามราคา และเตือนว่าสถานการณ์นี้จะทำให้บริษัทต่างๆ “ดาหน้ากันไปสู่จุดตกต่ำ” (race to the bottom) เนื่องจากปัจจุบันการลดราคาจำหน่ายรถรุ่นใหม่ๆ กันอย่างรุนแรงนั้น อาจส่งผลเสียอย่างหนักต่อความสามารถในการทำธุรกิจของคู่แข่งบางราย

●   “ถ้าคุณมุ่งแต่จะลดราคาโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงของต้นทุน งานนี้คุณต้องมีการโชกเลือดแน่นอน (Bloodbath) และเราเองก็กำลังพยายามหลีกเลี่ยงการดาหน้ากันไปสู่จุดตกต่ำในขณะนี้” Tavares ให้ความเห็นระหว่างการนำเสนอแพลทฟอร์มใหม่สำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ในเครือ Stellantis ที่มิลาน

●   “ผมรู้ว่ามีบริษัทนึงที่กำลังหั่นราคาอย่างไม่ปรานีปราศรัย ซึ่งนั่นจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของพวกเขาพังพินาศไม่มีชิ้นดี”

●   Tavares เชื่อว่า ณ เวลานี้กลุ่ม Stellantis ยังคงมีความปลอดภัยดี และยังไม่ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มราคาที่ตกต่ำ เนื่องจาก Stellantis เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท* ที่ทำกำไรได้มากที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์บางรายนั้น หากยังคงมีการกดราคาจำหน่ายให้ต่ำมากจนเกินจุดคุ้มทุน ก็อาจจะกลายเป็นหมายในการเทคโอเวอร์ได้

●   หมายเหตุ* : ปัจจุบันกลุ่ม Stellantis มีแบรนด์รถยนต์ในสังกัดถึง 14 แบรนด์ด้วยกัน ประกอบด้วย Abarth, Alfa Romeo, Chrysler, Citroën, Dodge, DS (ซับ-แบรนด์หรูของซีตรอง), Fiat, Jeep, Lancia, Maserati, Opel, Peugeot, RAM Trucks และ Vauxhall

Carlos Tavares, Chief Executive Officer and Executive Director of Stellantis

●   หากไม่นับ กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ที่กดราคาเริ่มต้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ต่ำจนเหลือเชื่อ Tesla Inc. คือผู้ที่เริ่มก่อสงครามราคารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (ซึ่งถ้ามองในแง่ผู้บริโภคอย่างเราๆ นั่นเป็นเรื่องที่ดี) โดยในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น Tesla พยายามกระตุ้นตัวเลขยอดจำหน่ายให้กับ Model 3 เพื่อให้ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ด้วยการลดราคาหลายครั้งตลอดช่วงปี 2023 และล่าสุด Tesla ยังลดราคา Model Y ทั้งในจีนและยุโรปด้วยเช่นกัน ยังผลให้ยอดจำหน่าย Model Y ทิ้งห่างจาก BYD Song ในอันดับ 2 ถึงเท่าตัว

●   นอกจากนี้ Tavares ยังให้ความเห็นว่า Stellantis ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากจากสถานการณ์การหยุดชะงักของการขนส่งข้ามทะเลแดง

●   “แน่นอนว่าเส้นทางการขนส่งจะยาวนานขึ้น นั่นเป็นข้อเท็จจริงหากคุณต้องเดินทางไปรอบแอฟริกา ซึ่งมันอาจมีผลกระทบถึงต้นทุนบ้าง ดังนั้นเราจึงต้องมีการหารือกันดีๆ เกี่ยวกับเรื่องต้นทุน และหาวิธีลดผลกระทบ ทว่าในช่วงนี้ ผมยังไม่เห็นผลกระทบอื่นๆ นอกจากเรื่องนี้ (การขนส่ง) แน่ล่ะ คู่แข่งบางรายของเราอาจมีปัญหากับเรื่องนี้ (ผู้แปลเดาว่า Tavares หมายถึงการระงับการผลิตรถยนต์ของ Tesla) แต่ไม่ใช่เคสสำหรับเรา จนถึงตอนนี้เรายังโอเคอยู่ และทุกอย่างก็ยังดำเนินไปด้วยดี”

●   ทั้งนี้ Stellantis ได้ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว reuters.com ว่า Stellantis จะอาศัยการขนส่งทางอากาศมากขึ้น เพื่อจัดการกับปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน         ●