2017 Mercedes-Benz GLC F-Cell Concept ต้นแบบฟิวเซลล์ + ปลั๊ก-อิน ไฮบริด

Posted by : AREA 54

●   ภายใต้แผนงาน EQ เมอร์เซเดสเผยโฉมต้นแบบรถกรีนแห่งอนาคตรุ่นใหม่ล่าสุด Mercedes-Benz GLC F-Cell Concept ในงาน 2017 Frankfurt Motor Show นำเสนอรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ใช้เทคโนโลยี Fuel-cell ทำหน้าที่เป็นเจอเนอเรเตอร์สำหรับชาร์จกระแสไฟฟ้าไปเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่แพค แทนที่ระบบปลั๊ก-อิน ในปัจจุบันที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินดาวน์ไซส์ซิ่งเป็นเจนเนอเรเตอร์แบบเดิมๆ

●   เมอร์เซเดสระบุว่า จุดเด่นของชุดระบบขับเคลื่อนต้นแบบ (ที่กำลังจะได้รับการผลิตเพื่อจำหน่ายจริง) ชุดนี้ก็คือ มันจะมีขนาดที่กระทัดรัดกว่าชุดระบบในรถฟิวเซล์แบบเดิม เช่น Mercedes-Benz B-Class F-Cell ราว 30% ลดการใช้แพลทินัมในฐานะตัวเร่งการทำปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนและอากาศลงไปได้ถึง 90% แบตเตอรี่แพคไม่จำเป็นต้องมีขนาดความจุมากนัก ในขณะที่ระยะเวลาในการชาร์จด้วยไฟบ้านจะลดลงเป็นอย่างมาก โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้งานโหมดฟาสท์ชาร์จ

●   ในเบื้องต้น ชุดระบบขับเคลื่อนต้นแบบใน GLC F-Cell Concept ประกอบด้วยชุด fuel-cell stack ขนาดเล็ก ออกแบบโดยความร่วมมือของเดมเลอร์และฟอร์ดในนาม AFCC หรือ Automotive Fuel Cell Cooperation ผลิตโดยบริษัทลูกของเดมเลอร์ NuCellSys, มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับแบบอะซิงโคนนัส (Asynchronous หรือมอเตอร์ชนิดเหนี่ยวนำ (Induction Motor)) กำลังสูงสุด 147 กิโลวัทท์ หรือเทียบเท่า 200 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม., ถังคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับบรรจุไฮโดรเจนความจุ 4.4 กก. แรงดันสูงสุด 700 บาร์ ผลิตโดยเดมเลอร์เอง, ออนบอร์ดชาร์จเจอร์สำหรับเสียบปลั๊กชาร์จ 7.2 กิโลวัทท์ และแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไออน ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟใน 1 ชม. 13.8 กิโลวัทท์-ชม. ผลิตโดย ACCUMOTIVE ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทลูกของเดมเลอร์

●   จากการที่แบตเตอรี่นั้นมีขนาดความจุไม่มากนัก (ไม่ต้องสำรองไฟมาก มีฟิวเซลล์เป็นเจอเนอเรเตอร์ผลิตกระแสไฟฟ้าป้อน) การรีชาร์จแบตเตอรี่จากไฟบ้านธรรมดาทั่วไปจึงใช้เวลาเพียง 1.5 ชม. เท่านั้น ส่วนการเติมไฮโดรเจนเต็มถังขอเวลาเพียง 3 นาที โดยในขณะที่ไฮโดรเจน + แบตฯ มีสถานะเต็ม มอเตอร์ไฟฟ้าจะสามารถหมุนล้อได้เป็นระยะทางรวม 437 กม. แต่หากวิ่งด้วยแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว จะวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 49 กม.

●   ทั้งนี้โหมดในการขับจะมี 4 แบบ ประกอบด้วย (1) Hybrid ใช้กำลังรวมจากทั้ง 2 แหล่ง, (2) F-Cell ใช้เซลล์ สแตค หรืออุปกรณ์ทำปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนและอากาศในการผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายไฟให้กับแบตเตอรี่, (3) Battery หรือโหมดไฟฟ้าล้วนจากแบตเตอรี่ และ (4) Charge หากระบบพบว่าการรีชาร์จแบตเตอรี่มีความสำคัญมากกว่าการเติมไฮโดรเจน ระบบจะจัดสรรกำลังให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะขับเป็นหลัก เช่น การขับบนทางเรียบแบบปกติ หรือการขับขึ้นเนินชันที่ต้องการกำลังไฟเพิ่มขึ้น

●   ขณะเดียวกัน ในแง่ของการผลิต เมอร์เซเดสจะสามารถลดต้นทุนการผลิตต่อคันลงได้มากเช่นกัน เมื่อเทียบกับการผลิตรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือรถฟิวเซลล์แบบเพียวๆ 1 คัน

●   อย่างไรก็ตาม เมอร์เซเดสยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาในการผลิตรุ่นจำหน่ายจริงในเวลานี้ เบื้องต้น GLC F-Cell จะถูกผลิตออกมาเป็นรถทดสอบก่อน 1 ลอท โดยจะมีบางส่วนถูกผลิตมาให้เช่าขับเพื่อเก็บข้อมูลอีก 1 ลอท จากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปในอนาคต   ●

2017 Mercedes-Benz GLC F-Cell Concept