2017 Nissan Qashqai ปรับโฉม เติมระบบกึ่งอัตโนมัติ
เรื่อง : AREA 54
● รถ SUV ครอสโอเวอร์รุ่นขายดี (อย่างมาก : best-selling crossover) ในยุโรป Nissan Qashqai รุ่นปรับโฉม MY2017 เริ่มเข้าสู่สายการผลิตที่โรงงานในสหราชอาณาจักร พร้อมเพิ่มเทคโนโลยี ระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ProPILOT เช่นเดียวกับ Nissan Serena และ Nissan Leaf เจนเนอเรชั่นที่ 2.
● ผู้แปลขอละเรื่องงานออกแบบ ความสวยงาม และอื่นๆ ไปเลยนะครับ มาว่ากันด้วยเรื่องเทคโนโลยีล้วนๆ ไปเลยดีกว่า เนื่องจากประเด็นสำคัญในข่าวนี้ ต้องย้อนกลับไปอ้างอิงข่าวเทคโนโลยีในช่วงต้นปี 2016 ของนิสสันครับ
● ในช่วงต้นปี 2016 นิสสันเคยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า Qashqai จะได้ใช้ระบบ ProPILOT เป็นรุ่นแรก โดยในขณะนั้นนิสสันยังเรียกมันว่า “Piloted Drive” ทว่าที่สุดแล้ว นิสสันตัดสินใจนำ ProPILOT ไปลงใน Serena รุ่นปรับโฉมในญี่ปุ่นแทน อย่างไรก็ตาม Qashqai จะยังคงถูกนับเป็นรถรุ่นแรกของนิสสันที่ติดตั้ง ProPILOT สำหรับรถยนต์ในสายการผลิตที่จำหน่ายในยุโรป
● ProPILOT คืออะไร? ผู้แปลคิดว่าคุณผู้อ่านน่าจะคุ้นเคยรายละเอียดกันพอสมควรแล้ว ขอข้ามฟังก์ชั่นการทำงานไปอีกเรื่องนะครับ… ทว่าผู้แปลจะขอย้อนกลับไปในข่าวปี 2016 อีกครั้ง เนื่องจาก ProPILOT ในปัจจุบันนั้น เป็นเพียง “1 ใน 3 ของระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ” ที่นิสสันกำลังจะปล่อยตามออกมาในอนาคต โดย ProPILOT แต่เดิมนั้นถูกเรียกว่าโปรแกรม “single-lane control” ซึ่งขยายความการทำงานของระบบได้ชัดเจนแล้วในตัวของมันเอง
● สิ่งที่น่าสนใจคืออีก 2 โปรแกรมที่เหลือ ซึ่งประกอบด้วย “multiple-lane control” เพิ่มความสามารถในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางทางด้านหน้า และสามารถเปลี่ยนเลนเองได้บนไฮเวย์ หรือบนเส้นทางที่ไม่ซับซ้อน นิสสันมีกำหนดปล่อยเทคโนโลยีนี้ออกมาในปี 2018 ปิดท้ายด้วยโปรแกรม “intersection autonomy” ชุดระบบที่รองรับการทำงานเต็มรูปแบบในเมือง เช่น การใช้งานระบบอัตโนมัติผ่านทางร่วม ทางแยก หยุด-ออกตัวตามสัญญาณไฟจราจร และสามารถใช้งานได้ไม่ผิดพลาดในสภาพการจราจรที่แออัดในเมือง กำหนดการเปิดตัวเทคโนโลยีนี้อยู่ในช่วงปี 2020
● ที่เหลือคือต้องลุ้นว่า (สำหรับท่านที่ชอบตามข่าว ไม่ได้หมายความว่าจะได้ใช้งานในบ้านเรา) รถรุ่นใดในเครือนิสสันจะได้ใช้งาน 2 เทคโนโลยีนี้ในอนาคตเป็นรุ่นแรกครับ
● สำหรับ Nissan Qashqai รุ่นที่เห็นนี้ ตัวรถยังคงอยู่ในช่วงชีวิตของเจนเนอเรชั่น 2 ที่ทำตลาดมาตั้งแต่ช่วงปี 2013 โดยรวมเหมือนรถรุ่นอื่นๆ ของนิสสันที่ใช้กระจังหน้า V-motion ยุคใหม่มาขับเน้นภาพลักษณ์ ต้นกำลังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร DIG-T หรือไดเรคอินเจคชั่น เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 115 แรงม้า (PS) แรงบิด 19.3 กก.-ม. ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ อัตราการคายคารบอนไดออกไซด์ในไอเสีย 129 กรัม/กม. ต่อด้วยเบนซิน 1.6 ลิตร DIG-T กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 24.4 กก.-ม. คาย CO2 ที่ 132 กรัม/กม.
● ฝั่งดีเซลมีเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร dCi จ่ายเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรล + ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบ start-stop system กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 26.4 กก.-ม. คาย CO2 ที่ 99 กรัม/กม. ปิดท้ายด้วยรุ่นท๊อป ดีเซล 1.6 ลิตร dCi กำลังสูงสุด 130 แรงม้า คาย CO2 เพียง 115 กรัม/กม. ระบบส่งกำลังเลือกได้ระหว่างเกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติแบบแปรผัน Xtronic CVT พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ all-wheel drive
● ปัจจุบัน Qashqai เป็นรถที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของนิสสันในยุโรป โดยในปี 2015 โรงงานในซันเดอร์แลนด์เคยทำสถิติประกอบ Qashqai ได้สูงสุด 5 แสนคันภายใน 21 เดือนเท่านั้น ●