March 19, 2019
Motortrivia Team (10203 articles)

Honda Accord ใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 10 เปิดตัวเป็นทางการในไทย

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

 

●   หลังการจัดแสดงในไทยเป็นครั้งแรกที่งาน Motor Expo 2018 และโปรโมทข้อมูลต่างๆ เป็นระยะมาพักใหญ่ ในที่สุด ฮอนด้า ประเทศไทย ก็เปิดตัว Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และจะจัดแสดงต่อสาธาธารณชนอีกครั้งในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2019 ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2562 นี้ (ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2562) ราคาจำหน่าย (โดยประมาณ) เริ่มต้นที่ 1,500,000 บาท.

●   นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถยนต์ที่สำคัญรุ่นหนึ่งของฮอนด้าที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วโลกรวมถึงลูกค้าชาวไทย และได้ทำการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงเจเนอเรชันที่ 9 โดย ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถยนต์ที่เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดเพื่อต่อยอดการพัฒนายนตรกรรมเสมอมา ในปัจจุบันโลกและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง ครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนายนตรกรรมให้เหนือระดับไปอีกขั้น เพื่อก้าวนำเทคโนโลยี ด้วยการก้าวข้ามข้อจำกัดและท้าทายความเชื่อแบบเดิม ๆ ครั้งนี้ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชันที่ 10 จะยังความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมยุคใหม่ ทั้งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย พร้อมถ่ายทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตพรีเมียมผ่านดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อพาคุณสัมผัสโลกบทใหม่แห่งยนตรกรรม”


นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด


●   Honda Accord ใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 10 เริ่มทำตลาดโลกตั้งแต่ช่วงปี 2017 ด้านหน้ามากับภาพลักษณ์ใหม่ ด้านท้ายลาดเทจนเกือบเป็นรถ fastback เทียบกับ Accord รุ่นปัจจุบันตัวรถจะสั้นลงเล็กน้อยที่ 4,880 มม. (-10 มม.) กว้างขึ้น 1,860 มม. (+10 มม.) ความสูงลดลง 1450 มม. (-15 มม.) ห้องโดยสารสะดวกสบายด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นเป็น 2,830 มม. (+55 มม.) ผู้โดยสารทางด้านหลังมีเนื้อที่วางขาเพิ่มขึ้น 5 ซม. และมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้นเป็น 473 ลิตร (+28 ลิตร)

●   ตัวรถใช้เหล็ก ultra-high-strenth steel เพิ่มขึ้น 29% และใช้เหล็ก high-strenth steel เพิ่มขึ้น 54% ช่วยลดน้ำหนักตัวรถลงได้ราว 50 – 80 กก. (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) จุดศูนย์ถ่วงดีขึ้น แชสซีส์รับแรงบิดตัวได้ดีขึ้น 34% จุดยึดช่วงล่างด้านหน้ามีการลดน้ำหนักด้วยอลูมิเนียม ช่วงล่างมัลติ-ลิงค์ทางด้านหลังออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัดกว่าเดิม คุณภาพในด้านเสียงและการสั่นสะเทือน (NVH) ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วยเทคโนโลยี Active Noise Control ใช้ไมโครโฟน 3 ตัวตรวจจับและวัดระดับเสียง จากนั้นระบบควบคุมจะทำการสังเคราะห์คลื่นเสียงที่ตรงข้ามกันเพื่อหักล้างเสียงรบกวน เสริมด้วยพรมดูดซับเสียง และมีกระจกข้างคู่หน้าแบบอะคูสติก

●   ห้องโดยสารออกแบบการจัดวางอุปกรณ์ใหม่หมด ผู้ขับสะดวกด้วยจอแสดงผลมาตรวัดหลังวงพวงมาลัยแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอ head-up display ขนาด 6 นิ้ว จอบอกข้อมูลส่วนกลางสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์มีขนาด 8 นิ้ว Advanced Touch จัดวางแบบลอยตัว เทคโนโลยีใหม่ๆ ตามยุคสมัยมีอาทิ ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ iOS ผ่าน Apple CarPlay, รองรับการสั่งงานด้วยเสียง SIRI, จุดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไวร์เลสส์ และรองรับการอัพเดทระบบปฏิบัติการแบบ OTA (Over-the-air)

●   ชุดระบบความปลอดภัย Honda SENSING ประกอบด้วย ระบบ Collision Mitigation Braking System เตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ, ระบบ Lane Keeping Assist System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, ระบบ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ และระบบ Auto High-Beam ปรับไฟสูงอัตโนมัติ

●   ชุดระบบอื่นๆ ยังมีระบบ Cross Traffic Monitor เตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอยด้วยเสียงและสัญลักษณ์เตือนบนหน้าจอ เมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับสวนเข้ามาทางด้านซ้ายหรือขวาขณะรถถอย, ระบบ Multi-View Camera System กล้องมองภาพรอบทิศทาง ทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้ง 4 จุดรอบคัน (ด้านหน้า, หลัง, ซ้าย และขวา) แสดงภาพได้ครบทุกมุมมอง รวมถึงภาพจำลองจากมุมสูงเพื่อให้เห็นทุกทิศทางรอบคัน และระบบ Honda Smart Parking Assist System ช่วยจอดอัจฉริยะ พร้อมระบบช่วยเบรค โดยระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ ผู้ขับเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งบนหน้าจอ

●   ในตลาดโลก Accord มีรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร Di VTEC จ่ายเชื้อเพลิงตรง เทอร์โบชาร์จ ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วด้วยระบบ Dual VTC หรือ Variable Timing Control ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.4 กก.-ม. ที่ช่วง 1,500 – 5,000 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงประมาณ 16.4 กม./ลิตร รองรับน้ำมัน E85

●   รุ่นต่อมาเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร i-VTEC ซึ่งยกมาจากตัวแรงรุ่นปัจจุบันอย่าง Honda Civic Type R ระบบส่งกำลังเลือกได้ระหว่างธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติลูกใหม่เอี่ยมแบบ 10 จังหวะ Shift by Wire กำลังสูงสุดถูกจูนให้ลดลงเหลือ 252 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 37.7 กก.-ม. ที่ช่วง 1,500 – 4,000 รอบ/นาที

●   และเวอร์ชั่น Hybrid เครื่องยนต์ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) แบบเบนซิน 2.0 ลิตร Atkinson-cycle ที่ยังคงจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพทางความร้อนขึ้น 40% (thermal efficiency) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า E-CVT อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง แบตเตอรี่แพคชิดลิเธียม-ไอออนชุดใหม่มีขนาดเล็กลง เปลี่ยนตำแหน่งการจัดวางจากใต้พื้นห้องบรรทุกสัมภาระเป็นพื้นห้องโดยสารทางด้านหลัง ให้ กำลังสูงสุดทั้งระบบผลิตได้ 215 แรงม้า

●   ทั้งนี้ Accord Hybrid จะมีโหมดหลักในการขับให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ EV Drive Mode หมุนล้อด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, Hybrid Drive Mode เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน และ Engine Drive Mode ใช้งานเครื่องยนต์เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีโหมดย่อยแบบ Sport Drive Mode ที่สามารถใช้งานได้ง่ายๆ ด้วยการกดปุ่ม Sport บริเวณคันเกียร์ด้วย ด้านอัตราสื้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดจะอยู่ที่ประมาณ 24.4 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 97 กรัม/กม.

●   อย่างไรก็ตาม… สำหรับบ้านเรา ฮอนด้าจะแยกจำหน่ายเป็น 3 รุ่นย่อย คือ รุ่นพื้นฐาน Turbo EL เครื่อง 4 สูบ 1.5 เทอร์โบชาร์จ ล้อ 17 นิ้ว, ต่อด้วยรุ่น Hybrid และรุ่นท๊อป Hybrid Tech ล้อ 18 นิ้ว โดยฮอนด้าจะเริ่มจำหน่าย Accord ใหม่พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 นี้ เบื้องต้นเกรดรุ่นย่อยจะมีทั้ง 3 รุ่น ราคา (โดยประมาณ ณ เวลานี้) แบ่งเป็น:

–   Honda Accord Hybrid Tech ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท
–   Honda Accord Hybrid ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท
–   Honda Accord Turbo EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท

●   สีภายนอกมี 4 สี ได้แก่ ขาวมุก Platinum White Pearl (เพิ่ม 12,000 บาท), ดำมุก Crystal Black Pearl (เพิ่ม 8,000 บาท), เงินเมทัลลิก Lunar Silver Metallic และสีเทาเมทัลลิก Modern Steel Metallic ห้องโดยสาร 3 สี ไอวอรี่เบจ, ดำ และน้ำตาล (เฉพาะรุ่น Hybrid Tech)

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.honda.co.th   ●


2019 Honda Accord : MT


2019 Honda Accord : Official