GM ในปี 2020 และเทคโนโลยียานยนต์ในทศวรรษที่ผ่านมา
ประชาสัมพันธ์
● อุตสาหกรรมยานยนต์มีความก้าวล้ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลายรุ่นวิ่งอยู่บนท้องถนน ได้เห็นรถที่ใช้ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือ self-driving วิ่งทดสอบบนถนนที่มีการจราจรหนาแน่น และยังเห็นรถยนต์และกระบะที่มีน้ำหนักเบาลง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสามารถเชื่อมต่อกับทุกการสื่อสารในทุกเส้นทางได้มากขึ้น
● และนี่คือเทคโนโลยีที่ล้ำไปข้างหน้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ระหว่างปี 2010 – 2019 ที่ผ่านมา
บอกลาปั๊มน้ำมัน
● วันนี้เราสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ไม่ต้องเติมน้ำมันเลยได้แล้ว รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง Chevrolet Bolt สามารถวิ่งได้ประมาณ 417 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และในปัจจุบัน ตามเมืองใหญ่ๆ อย่างในกรุงเทพฯ ก็มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกวัน ในขณะที่เรายังเพิ่มความสะดวกด้วยการติดตั้งชุดชาร์จไฟไว้ที่บ้านก็ได้
● ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ได้มีแค่รถขนาดเล็ก รถอเนกประสงค์จากแบรนด์ผู้ผลิตอื่นๆ ต่างก็เริ่มพัฒนารถยนต์ของตนให้ใช้งานระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าได้แล้ว แม้แต่รถปิคอัพแบบแบตเตอรี่ ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเช่นกัน
ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ง่าย
● เราสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้รถยนต์ได้มากกว่าการประหยัดน้ำมัน ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย รวมถึง GM ใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณขยะและลดน้ำหนักของตัวรถ เช่นการนำขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิลมาผลิตเป็นฉนวนของเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ ยกตัวอย่าง Chevrolet Equinox รวมถึงการที่ GM ประเทศไทย ได้พัฒนาให้เครื่องยนต์ของรถ Chevrolet Trailblazer และ Chevrolet Colorado ให้รองรับการใช้งานน้ำมันไบโอดีเซล B20 ได้
ไม่พลาดการติดต่อสื่อสารในขณะเดินทาง
● สมาร์ทโฟนช่วยให้ผู้คนในปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบดินทาง และใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านได้รับความสะดวกมากขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้พัฒนาให้รถยนต์สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาดขึ้น
● Chevrolet Captiva มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ Chevrolet Link system ซึ่งสามารถใช้งานพร้อมกันทั้งบนหน้าจอรถยนต์ และหน้าจอสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ ทำให้ผู้ขับสามารถรับสายได้โดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัยรถ พร้อมเข้าถึงแอพพลิเคชันต่างๆ ได้ผ่านหน้าจอในรถยนต์ (รองรับ Apple CarPlay ในช่วงต้นปี 2563) ซึ่ง Colorado และ Trailblazer ก็มีระบบ Chevrolet MyLink ที่มีรูปแบบการใช้งานคล้ายกัน และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Apple CarPlay ด้วย
มองเห็นรถทั้งคันจากมุมสูง
● เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในปัจจุบัน ช่วยให้เราสามารถพัฒนารถยนต์ที่มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ปัจจุบันรถยนต์ในเครือ GM มาพร้อมระบบช่วยจอดรถ, ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบป้องกันการชน
● Chevrolet Captiva มีกล้อง 360 องศา แสดงผลให้เห็นทุกมุมรอบตัวรถ พร้อมกล้องมุมสูงแบบมุมมอง bird’s eye view ที่แสดงภาพผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 10.4 นิ้ว
นั่งรถไปกับคนแปลกหน้า
● ทุกวันนี้เรามีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น เช่น การให้บริการร่วมเดินทาง หรือ ridesharing โดยไม่ต้องรอเรียกรถแท็กซี่ ผู้ให้บริการรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชันอย่าง Lyft หรือ Grab ที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา สามารถไปรับลูกค้าถึงที่
● ปัจจุบันในอเมริกามีธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของบริการนี้ เช่น Maven Gig ที่ให้เช่ารถยนต์รุ่นต่างๆ ของ GM รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับนำไปให้บริการผู้ขับของ Lyft, Seamless หรือ Postmates (อ่านรายละเอียด Maven Gig ได้ที่นี่)
ลดน้ำหนักของรถ
● ความก้าวหน้าของซอฟท์แวร์ด้านการออกแบบ พร้อมด้วยวัสดุผสมสมัยใหม่ ช่วยให้บริษัทรถยนต์สามารถนำเทคนิคการลดน้ำหนักมาใช้ในการผลิตรถยนต์ให้มีน้ำหนักเบาลงและประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีการออกแบบควบคู่ไปกับความก้าวหน้าด้านการผลิต เช่น การพิมพ์แบบ 3 มิติ ที่พลิกโฉมการออกแบบและการพัฒนารถยนต์ครั้งสำคัญ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น… ลูกค้าที่ได้ครอบครองรถยนต์ที่ดีขึ้น และรถยนต์เองก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้นกว่าเดิมด้วย
การอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ OTA
● เราสามารถอัพเดทซอฟท์แวร์ในรถยนต์โดยไม่ต้องนำรถไปที่ศูนย์บริการได้แล้ว เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยให้เจ้าของรถสามารถดาวน์โหลดซอฟท์แวร์ต่างๆ ได้ผ่านเครือข่ายออนไลน์
● วิศวกรรมอิเล็คทริคสมัยใหม่ช่วยให้ GM สามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ของรถยนต์หลายรุ่นตลอดอายุการใช้งานของรถ เมื่อมีการอัพเดทใหม่ๆ เจ้าของรถจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านระบบอินโฟเทนเมนท์ และสามารถเลือกได้ว่าจะติดตั้งซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด หรือจะเลือกปฏิเสธการอัพเดทก็ได้
การขับรถโดยไม่ต้องจับพวงมาลัย
● เราถูกย้ำเตือนอยู่เสมอว่า ห้ามละสายตาจากถนน และ จับพวงมาลัยรถตลอดเวลา ทว่าต่อไปนี้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะเข้ามาช่วยเราขับรถแล้ว
● เทคโนโลยีระบบช่วยขับ Super Cruise ของ GM ช่วยให้ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยรถเมื่อใช้งานบนไฮเวย์ที่กำหนดไว้ GM ได้พัฒนาเซ็นเซอร์และระบบแจ้งเตือนต่างๆ มาช่วยให้การขับรถมีความปลอดภัย ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีเส้นทางมากกว่า 200,000 ไมล์ (ประมาณ 321,869 กิโลเมตร) ที่รองรับระบบนี้แล้ว
ลืมพวงมาลัยและคันเร่งไปได้เลย
● การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ กำลังเปลี่ยนโฉมรูปแบบและขีดความสามารถของรถยนต์ที่เราเห็นในปัจจุบันไปอย่างสิ้นเชิง และเร่งให้เข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนแห่งอนาคตเร็วขึ้น
● หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปในรอบ 10 ปีที่ผ่านมานี้ GM ระบุว่าไม่เคยหยุดพัฒนา และตื่นเต้นที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีหน้า, ในทศวรรษหน้า และในอนาคตต่อไป รวมทั้งยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อวิสัยทัศน์แห่งอนาคตในการพัฒนาโลกอนาคตให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์, ไร้มลพิษ และปราศจากความแออัด (Zero Crashes, Zero Emissions และ Zero Congestion) ●
