September 23, 2020
Motortrivia Team (10203 articles)

Nissan Kicks VL ได้ทั้งความประหยัดและความสนุก

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

●  หลังจากได้ทดลองขับสั้นๆ เน้นการใช้ระบบต่างๆ ของตัวรถกันไปแล้วครั้งหนึ่ง ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย ก็มีโอกาสได้ทดลองขับ นิสสัน คิกส์ อย่างเต็มอิ่มอีกครั้งบนเส้นทางกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี มีทั้งการขับใช้งานในเมืองที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ขับทางไกลใช้ความเร็วสูง รวมทั้งการขับบนเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นลงทางลาดชัน

●  สรุปสั้นๆ ก่อนว่าระบบ e-POWER ให้การตอบสนองดีกว่าที่คิด ขับสนุกเร่งทันใจและประหยัดพอตัว ช่วงล่างหนึบแน่นมั่นคง เซตมาได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายของรถรุ่นนี้

สปอร์ตโฉบเฉี่ยวบนทรงกระชับ

●  ภายนอกของ นิสสัน คิกส์ ดูสปอร์ตลงตัวทะมัดทะแมงด้วยสัดส่วนความยาว 4,290 มิลลิเมตร กว้าง 1,760 มิลลิเมตร สูง 1,615 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,615 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,520/1,535 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 175 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่น VL 1,350 กิโลกรัม หน้าตาโฉบเฉี่ยวทันสมัยถ่ายทอดมาจาก Nissan Design DNA ประกอบด้วย กระจังหน้า V-Motion, ไฟหน้าไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรง และหลังคาแบบลอยตัว Floating Roof Line ทั้งหมดนี้วางอยู่บนโครงสร้างตัวถัง Zone Body Concept

ภายในเรียบง่ายแต่ครบครัน

●  ภายในของคันที่ได้ทดลองขับตกแต่งแบบทูโทน ดำ-ส้ม ให้อารมณ์สปอร์ตแบบมีชีวิตชีวา ไม่ใช่สปอร์ตเคร่งขรึมแบบสีดำล้วน มาตรวัดเป็นการผสมผสานระหว่างหน้าจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลได้หลากหลายและเป็นศูนย์กลางการปรับแต่งระบบต่างๆ ของรถ กับมาตรวัดความเร็วแบบเข็มอะนาลอค ไฮไลท์อยู่ที่คอนโซลกลางที่ติดตั้งจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay ใช้งานง่ายแค่เสียบสาย USB ใช้การสั่งงานด้วยเสียง สัมผัสหน้าจอ หรือกดปุ่มด้านข้าง

●  ขับทดสอบคราวนี้ได้ใช้ประโยชน์เต็มๆ เพราะเส้นทางไม่คุ้นเคย ก็แค่เปิดแอพ Google Map ใน iPhone ป้อนจุดหมายแล้วกดนำทาง แผนที่จะแสดงขึ้นบนหน้าจอของรถ ภาพคมชัดใหญ่เต็มตากว่าในมือถือ ไม่ต้องหาที่ยึดโทรศัพท์มาติดให้เกะกะสายตา ปุ่มสตาร์ทอยู่ที่คอนโซลเกียร์ มีข้อดีคือ ใช้มือซ้ายกดปุ่มแล้วเข้าเกียร์ได้เลย เห็นภายนอกกะทัดรัดแต่ภายในกว้างขวางพอตัว เบาะหลังนั่งสบายในคนไซส์มาตรฐาน 170-175 เซนติเมตร พื้นที่วางขามีให้พอสมควร อาจต้องขยับเบาะหน้าช่วยบ้าง ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่ ความจุ 423 ลิตร ลึก 90 เซนติเมตร ขยายความจุด้วยเบาะหลังแยกพับได้ 60:40

เด่นที่ระบบความปลอดภัย

●  หนึ่งในไฮไลต์ของรถรุ่นนี้คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยในกลุ่ม Nissan Intelligent Mobility และเทคโนโลยีความปลอดภัยเซฟตี้ ชิลด์ (Safety Shield Technology) เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control-ICC) พร้อมรักษาระยะห่างตามความเร็วแปรผันกับรถคันหน้าจนถึงระดับรถหยุดนิ่ง ภายใน 2 วินาที ระบบสามารถกลับมาใช้ความเร็วได้ โดยจะปรับความเร็วขึ้นเองโดยอัตโนมัติกลับไปสู่ความเร็วที่ตั้งไว้ และสามารถตั้งค่าระยะห่างจากรถคันหน้าได้ 3 ระดับ

●  ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning-IFCW) ส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า ระหว่างการทดลองขับระบบนี้ทำงาน 2-3 ครั้ง เมื่อแซงคันหน้าแบบกระชั้นชิด ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking-IEB) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ คำนวณระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วและหยุดรถเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ

●  ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning-BSW) เพิ่มความปลอดภัยเมื่อเปลี่ยนเลน ทันทีที่สัญญาณไฟเลี้ยวถูกเปิด ระบบจะส่งเสียงสัญญาณพร้อมไฟกระพริบเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่า ขณะนั้นกำลังมีรถคันอื่นอยู่ในเลนด้านข้างซึ่งผู้ขับอาจไม่สามารถมองเห็น ไฟเตือนสีส้มติดอยู่ที่มุมเสาหน้าทั้งซ้ายและขวา ไม่ได้ฝังอยู่ในเนื้อกระจกมองข้าง ซึ่งก็มีข้อดีเพราะกระจกมองข้างมีโอกาสเฉี่ยวชนมากกว่า

●  ระบบเตือนรถด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert-RCTA) ทำงานเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง เมื่อตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้ายและขวา ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกระพริบเตือนในด้านที่มีรถเคลื่อนที่เข้ามา ช่วยได้เยอะในกรณีถอยออกจากช่องจอดรถ

●  กระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror-IRVM) เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่น่าสนใจและใช้งานได้จริง โดยที่ตัวกระจกส่องหลังจะเป็นจอ LCD ในตัว จะใช้การสะท้อนภาพแบบกระจกส่องหลังปกติก็ได้ หรือถ้าโยกคันโยกแบบกระจกตัดแสงที่คุ้นเคย ก็จะเปลี่ยนกระจกส่องหลังเป็นจอที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ ใช้ในกรณีมีผู้โดยสารด้านหลัง 2-3 คน หรือมีสัมภาระทรงสูงบังกระจกส่องหลัง ก็ใช้การมองภาพด้านหลังผ่านกล้องแทน สามารถปรับมุมสูง-ต่ำได้ด้วยเมนูที่แสดงบนตัวกระจกส่องหลัง เท่าที่ทดลองใช้งาน ภาพคมชัดสีสันสดใส และระยะวัตถุด้านหลังก็สมจริงไม่หลอกตา แทบไม่แตกต่างจากการมองผ่านกระจก

●  กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor-IAVM) และเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection-MOD) ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุด รอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอ ช่วยให้จอดรถง่ายขึ้น ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้บนหน้าจอคอนโซลกลาง

●  ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist-HSA) เมื่อเบรกจนรถหยุดนิ่งบนทางลาดชันแล้วต้องการขับออกตัวไปต่อ ระบบจะช่วยป้องกันไม่ไห้ตัวรถไหลลงขณะออกตัว เมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก ระบบจะสั่งให้เบรกทำงานต่อเนื่องไปอีก 2-3 วินาที เพื่อให้ผู้ขับสามารถเหยียบคันเร่งและออกตัวอย่างนุ่มนวล

e-POWER ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่ไม่ต้องชาร์จ

●  จุดเด่นของระบบ e-POWER คือเครื่องยนต์ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า ส่งไปเก็บในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถ นิสสัน คิกส์ e-POWER จึงเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งชาร์จภายนอก เพราะมีเครื่องยนต์เป็นเครื่องปั่นไฟในตัวนั่นเอง เมื่อขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ จึงมีแรงบิดที่ดีในการขับเคลื่อน มีความเงียบในช่วงที่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน สามารถขับทางไกลได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้า แรงบิดเทียบเท่ารถไฟฟ้าล้วนๆ และประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร เพราะใช้เครื่องยนต์ HR12DE เบนซิน 3 สูบ 60 แรงม้า บล็อกเดียวกับมาร์ช

●  แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เป็นแบบ 4 โมดูล 80 เซลส์ แรงเคลื่อนไฟฟ้า 296 โวลต์ ความจุแบตเตอรี่ 1.57 kWh กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 กิโลวัตต์ หรือ 129 แรงม้า ที่ 4,000-8,992 รอบต่อนาที แรงบิด 260 นิวตันเมตร ที่ 500-3,000 รอบต่อนาที มี 4 โหมดการขับ ประกอบด้วย Normal อัตราเร่งดีแบบรถไฟฟ้า การตอบสนองการเบรกเหมือนรถทั่วไป, S Mode เน้นสมรรถนะการขับเคลื่อนและการตอบสนองคันเร่งที่ฉับไวขึ้น, Eco Mode ปรับการทำงานของระบบ e-POWER ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล และ EV Mode ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีในแบตเตอรี่ ห้องโดยสารจะเงียบสนิท มาพร้อม N-hold Mode โหมดจอดในเกียร์ว่างขณะดับเครื่องยนต์ กรณีจอดบนพื้นราบและต้องการให้เข็นรถได้

One-Pedal เร่งและเบรกด้วยแป้นคันเร่ง

●  ปัญหาหนึ่งของรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือไฮบริดคือ เมื่อผ่อนคันเร่ง รถจะไหลต่อเนื่อง ไม่มีเกียร์ช่วยหน่วง จึงต้องมีเกียร์ B ช่วยหน่วงลดภาระของเบรกเมื่อขับลงเนิน สำหรับนิสสัน คิกส์ e-POWER เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยระบบ One-Pedal ควบคุมการเร่งและชลอความเร็วด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียว ใช้ได้ดีบนทางคดเคี้ยว กดคันเร่งเมื่อต้องการเพิ่มความเร็ว และผ่อนคันเร่งเพียงเล็กน้อยเมื่อต้องการลดความเร็ว ยกคันเร่งสุดเพื่อหยุดรถหรือขับลงเนินชัน ระบบจะหน่วงความเร็วให้ และไฟเบรกจะติดเมื่อลดความเร็วลงเพื่อเตือนรถคันหลัง ระบบนี้ต้องใช้ความเคยชินจึงจะขับได้อย่างนุ่มนวล เพราะถ้ายกคันเร่งมากเกินไปรถจะหน่วงเยอะ ทำให้ขับไม่นุ่มนวลหรืออาจเมารถได้ แต่ถ้าชินแล้วใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียวจะสะดวกสบาย ไม่เมื่อยล้าทั้งการขับความเร็วต่ำและเดินทางไกล

●  หลังจากได้ทดลองขับทางไกลพบว่า รถมีอัตราเร่งที่ดีเกินคาด เพราะแรงขับเคลื่อนมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ เครื่องยนต์แค่ปั่นไฟ ไม่ได้ใช้ขับเคลื่อนรถเลย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าเครื่องยนต์เล็กๆ แค่ 3 สูบ 1,200 ซีซี กับรถคันใหญ่กว่าอีโคคาร์ จะทำให้อัตราเร่งอืดจนไม่ปลอดภัย การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า ถ้ารู้จังหวะการกดคันเร่ง รถจะพุ่งทะยานเร่งแซงได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่กดคันเร่งอาจได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่างๆ กันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการไฟฟ้าในขณะนั้น

●  ทดลองขับช่วงแรกจากในเมืองออกนอกเมือง ระยะทาง 87.9 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 59 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1.29 ชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 20.0 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าน่าพอใจ เพราะขับไหลๆ ไปตามสภาพการจราจร ไม่ได้ขับช้าเพื่อปั้นตัวเลข บางช่วงขับเร็วเพื่อตามเกาะกลุ่มไปกับคันอื่น ช่วงขับขึ้นทางชันก็ไปได้สบายๆ ด้วยแรงบิดที่ดีและไม่ต้องรอรอบตามสไตล์รถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ขับได้คล่องแคล่วต่อเนื่อง ในระหว่างการขับ เครื่องยนต์มีการทำงานเพื่อปั่นไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่เป็นระยะด้วยรอบเครื่องยนต์ต่างๆ กัน และถ้ามีปริมาณไฟฟ้ามากพอ และขับด้วยความเร็วที่เข้าเงื่อนไขของระบบ เครื่องยนต์ก็จะหยุดการทำงาน รถจะขับเคลื่อนได้อย่างเงียบสนิท ถ้าเป็นการใช้งานในเขตเมือง ก็จะช่วยลดมลพิษไปได้พอสมควร

ช่วงล่างและพวงมาลัยให้ความมั่นคง

●  นอกจากระบบ e-POWER ที่ให้แรงขับเคลื่อนที่ทันใจแล้ว สิ่งที่ทำให้รถรุ่นนี้ขับสนุกก็คือ ระบบกันสะเทือนและระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า กับช่วงล่างหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ล้อแม็ก 6.5×17 นิ้ว กับยาง 205/55 R17 ที่เซตมาพอเหมาะ ขับความเร็วต่ำมีการดูดซับแรงกระแทกได้ดี ช่วงล่างให้ตัวได้เยอะ แต่เป็นไปอย่างช้าๆ มีความหนืดหนักแน่นไม่วูบวาบ ขับโค้งแคบด้วยความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าถ่ายทอดความรู้สึกจากถนนได้อย่างสมจริง และน้ำหนักพวงมาลัยก็ไม่เบาจนหวิว มีความหน่วงพอตึงมือ และเบาแรงเมื่อขับความเร็วต่ำ เล่นโค้งได้สนุกมั่นใจ ตัวรถไม่เหวี่ยงโยน ขับลัดเลาะทางโค้งได้อย่างคล่องแคล่วและเบาแรง ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ สร้างแรงเบรกได้ดี รู้สึกถึงการจับตัวดึงลดความเร็วลง และควบคุมแรงเบรกได้ง่าย

Compact SUV ที่ประหยัดค่าบำรุงรักษา

●  นอกจากจะประหยัดค่าเชื้อเพลิงแล้ว นิสสัน คิกส์ e-POWER ยังช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาด้วยการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในบล็อกเดียวกับนิสสัน มาร์ช ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีความทนทาน ค่าดูแลรักษาต่ำ และประหยัดเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมทั้งหมดเพียง 19,560 บาท ฟรีค่าแรง 10 ครั้ง ค่าบำรุงรักษาเทียบเท่ารถซิตี้คาร์ และต่ำสุดในรถเซ็กเมนท์เดียวกัน ค่าใช้จ่ายคิดจากการนำรถเข้าเช็คระยะทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร เพื่อรักษาสิทธิ์การรับประกัน

●  การบำรุงรักษาส่วนใหญ่ทำที่เครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนระบบ e-POWER ไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษแต่อย่างใด การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ก็ไม่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป โดยทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน จะมีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และแหวนรอง เปลี่ยนไส้กรองอากาศ ไส้กรองแอร์ น้ำมันเบรก และหัวเทียนตามระยะทางที่กำหนด

●  นิสสัน คิกส์ e-POWER มีการรับประกันรถใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันแบตเตอรี่ระบบ e-POWER 10 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเจ้าของรถสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ได้ 1 คร้ัง ในช่วงขยายระหว่างปีที่ 6-10 หรือ ที่ระยะทางไม่เกิน 200,000 กิโลเมตร เป็นการสร้างความมั่นใจที่ตรงจุด เพราะคนที่คิดจะซื้อรถในกลุ่มนี้มักกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนของระบบไฟฟ้าเมื่อใช้งานระยะยาว

รุ่นพิเศษ Premier Edition ดุดันลงตัว จำกัด 500 คัน

●  นิสสัน คิกส์ e-POWER รุ่นสูงสุด VL ราคา 1.049 ล้านบาท เพิ่มชุดแต่ง Premier Edition ราคาพิเศษ 1.099 ล้านบาท (ค่าสีทูโทนภายนอก ส้มโมนาร์ช หลังคาดำ หรือขาวสตอร์ม ไวท์ หลังคาดำ 15,000 บาท) ราคาเฉพาะชุดแต่ง 35,000 บาท (ภายในสีทูโทนดำ-ส้ม เพิ่ม 10,000 บาท)

●  ชุดแต่งรอบคันประกอบด้วย สเกิร์ตหน้าสีดำเงา, กระจังหน้าสีดำเงา แทนที่โครเมียมในรุ่นมาตรฐาน, สปอยเลอร์บนหลังคาสีดำเงา, Diffuser ที่กันชนหลัง สัญลักษณ์ Premier Edition ที่เสากลาง ล้อแม็ก 17 นิ้ว ใส่ยางขนาดเดียวกับรุ่นมาตรฐาน สเกิร์ตข้างสีดำเงา ภายในเพิ่มสัญลักษณ์ Premier Edition ที่คอนโซลเกียร์ แป้นเหยียบและพักเท้าแบบสปอร์ต และคิ้วบันไดแบบสเตนเลส

●  ชุดแต่ง Premier Edition เฉพาะรุ่น VL เท่านั้น มาพร้อมการรับประกันคุณภาพสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ในกลุ่มรถที่นิสสันนำมาให้ทดลองขับ มี 2 คันที่ติดตั้งชุดแต่ง Premier Edition ทั้งภายนอกสีขาวและสีส้ม ดูโดยรวมภายนอกสวยสปอร์ตลงตัวขึ้น ด้านหน้าดุดันขึ้นจากการแทนที่โครเมียมด้วยสีดำเงา ล้อแม็กแม้จะเป็นขนาดเดิม 17 นิ้ว แต่เป็นลายก้านโปร่งดูสปอร์ตขึ้น ด้านหลังเตะตาด้วยสปอยเลอร์บนหลังคา และ Diffuser ที่กันชน เท่าที่ลองดูอย่างใกล้ชิด ชิ้นงานมีคุณภาพ ทรงสวยได้มาตรฐาน และติดตั้งได้เนี๊ยบเรียบร้อยดี เพิ่มเงินอีกเล็กน้อยมาพร้อมการรับประกันถือว่าคุ้มสำหรับผู้ที่ชอบความแตกต่าง    ●

Group Test : 2020 Nissan Kicks VL