July 5, 2023
Motortrivia Team (10236 articles)

Hyundai Creta ปรับราคา เพิ่ม 2 รุ่นย่อย และเปิดตัวรุ่นพิเศษ

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

●   หลังเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยด้วยตัวเองช่วงเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา ฮุนได โมบิลิตี้ ไทยแลนด์ มีความเคลื่อนไหวหลักๆ คือ การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Stargazer พร้อมจัดทริปให้สื่อมวลชน ได้ทดลองขับ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญอีกครั้งด้วยการเพิ่มรุ่นย่อยให้ B-SUV รุ่น เครต้า พร้อมปรับราคาใหม่ และแนะนำทีมผู้บริหารทั้งชาวไทยและชาวเกาหลี ที่มาช่วยตอบคำถามไขข้อสงสัยเรื่องอนาคตของฮุนไดในประเทศไทย ว่าจะมีรถรุ่นใดเข้ามาทำตลาดบ้าง รวมทั้งโอกาสความเป็นไปได้ในการทำตลาดรถไฟฟ้า ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในเมืองไทย

●   ผู้บริหารใหม่ที่เพิ่งร่วมงานกับฮุนไดแบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมาก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นผู้บริหารระดับสูงในแวดวงยานยนต์มายาวนาน นั่นคือ คุณวัลลภ เฉลิมวงศาเวช รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ฮุนได โมบิลิตี้ ไทยแลนด์ ที่มากล่าวต้อนรับสื่อมวลชนพร้อมพูดถึงเป้าหมายคร่าวๆ ว่าฮุนไดต้องการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านการตลาด การขาย พัฒนาผู้จำหน่าย และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากเดิมที่ฮุนไดเน้นทำตลาดรถตู้ประเภท MPV เป็นหลัก ตั้งแต่ H1, Staria และ Stargazer จากนั้นเพิ่มความหลากหลายด้วย B-SUV รุ่น Creta ที่มีการ Relaunch พร้อมเพิ่ม 2 รุ่นพิเศษ

คุณวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด

●   Hyundai Creta มาพร้อมแนวคิด Start Your Smart Life สตาร์ทให้ชีวิตสมาร์ท เน้นกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 เพศ อายุ 25-35 ปี วัยเริ่มต้นทำงาน เพิ่มรุ่นย่อยสูงสุดใหม่ Black Edition ราคา 959,000 บาท จำกัดเพียง 50 คัน เน้นความเข้มขรึมด้วยภายนอกสีดำทุกชิ้น โดยตัวรถเป็นสีดำ Midnight Black Pearl ล้อแม็กลายเดิม Diamond Cut ขนาด 6.5×17 นิ้ว ทำสีดำล้วน พร้อมยาง 215/60 R17

●   ภายในตกแต่งด้วยหนังสีดำล้วน นอกเหนือจากการเน้นสีดำล้วนทั้งภายนอกและภายในแล้ว ไฮไลต์ของรุ่นย่อย Black Edition คือการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานมาให้อย่างครบครัน ทั้งหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ, Ambient Mood Lighting สีน้ำเงิน, ชุดเครื่องเสียง Bose Premium Sound 8 ลำโพง และระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense ประกอบด้วย

●   ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision-Avoidance Assist หรือ FCA, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Blind-Spot Collision-Avoidance Assist หรือ BCA, กล้องมองภาพด้านหลัง, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist หรือ LKA, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน Lane Following Assist หรือ LFA, ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist หรือ RCCA, ระบบช่วยจำกัดความเร็ว MSLA, ระบบปรับระดับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist หรือ HBA, ระบบป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Warning หรือ SEW, ระบบเตือนผู้โดยสารด้านหลัง Rear Occupant Alert หรือ ROA และระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้า Driver Attention Warning หรือ DAW

●   อีกรุ่นย่อยใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือรุ่นสี Two Tone มีในรุ่นย่อย Style, Style Plus และ Smart โดยมี 3 สีให้เลือก ประกอบด้วย สีขาว Creamy White Pearl หลังคาดำ, สีเงิน Magnetic Silver Metallic หลังคาดำ และสีแดง Dragon Red Pearl หลังคาดำ ภายในหนังสีดำ

●   ในแต่ละรุ่นย่อยจะแตกต่างกันทั้งในเรื่องกลุ่มเป้าหมายและอุปกรณ์มาตรฐาน เริ่มจากรุ่นพื้นฐาน Trend เน้นราคาเข้าถึงง่าย มีหน้าจอ มาตรวัด 8 นิ้ว ล้อ 17 นิ้ว ราคา 789,000 บาท รุ่น Style เน้นรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามขึ้น กับความสะดวกสบายเช่น กล้องมองหลัง เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนไร้สาย เบาะหนัง ไฟหน้า LED และมี DRL ราคา 849,000 บาท ถัดมาเป็นรุ่น Style Plus มีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ระบบ Push Start ระบบชาร์จแบบไร้สาย และแอร์อัตโนมัติ ราคา 899,000 บาท และรุ่น Smart เพิ่มระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense ราคา 899,000 บาท เช่นกัน

●   จะสังเกตได้ว่า รุ่น Style Plus และรุ่น Smart มีราคาเท่ากัน ต่างกันที่อุปกรณ์มาตรฐาน ถ้าอยากได้ระบบความปลอดภัยก็เลือกรุ่น Smart และถ้าอยากได้หลังคาพาโนรามิกซันรูฟก็เลือกรุ่น Style Plus แต่ถ้าอยากได้ทั้ง 2 อย่างก็ต้องเป็นรุ่น Black Edition ราคา 959,000 บาท ส่วนต่าง 60,000 บาท โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าคุ้มค่า เพราะมีหลายอุปกรณ์ที่มีเฉพาะรุ่นนี้

●   รูปลักษณ์ภายนอกยังคงเดิม โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Parametric Jewel Pattern Grill ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพชร ไฟ DRL แบบซ่อนเนียนไปกับกระจังหรือ Hidden-Type LED DRL ส่วนไฟหน้าใช้ระบบ LED แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ด้านข้างเน้นความแข็งแกร่งด้วย Muscle Design โป่งล้อหน้าและหลังดูทรงพลัง ส่วนไฟท้าย LED ดีไซน์บูมเมอร์แรงเอกลักษณ์ของรุ่น

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,315 มิลลิเมตร กว้าง 1,790 มิลลิเมตร สูง 1,630 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 200 มิลลิเมตร

●   ไฮไลต์ของภายในห้องโดยสารประกอบด้วย มาตรวัดดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว, จอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว, ปุ่มปรับโหมดการขับหรือ Drive Mode Traction Control เลือกได้ 4 โหมด ประกอบด้วย Eco, Normal, Sport และ Smart มีระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake หรือ EPB และเพิ่มอุปกรณ์ใหม่ Cooling Glove Box รักษาความเย็นตลอดการเดินทาง

●   ฮุนไดให้ความสำคัญในเรื่องการลดเสียงและความสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารหรือ NVH เพื่อให้ห้องโดยสารเงียบที่สุด โดยรูปแบบของเสียงรบกวนต่างๆ ฮุนได เครต้า ก็ทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

CatelogyTarget (dB)Smartstream G 1.5 (dB)
Idle Noise4240
Acceleration Noise5553
Idle Vibration (Floor)9898
Constant Speed Noise (100 Kph)6969
Road Noise6766

●   เครื่องยนต์ไม่เปลี่ยนแปลง แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-CVVT เสื้อสูบและฝาสูบอะลูมิเนียม ความจุ 1,497 ซีซี กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 144 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.7 กิโลเมตรต่อลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติซีวีที ซึ่งฮุนไดเรียกว่า IVT ไส้ในหรือโครงสร้างเป็นเกียร์ซีวีที ขับเคลื่อนด้วยโซ่ ทำให้มีความทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน และปรับจูนซอฟท์แวร์ควบคุมเกียร์ เพื่อให้ความรู้สึกคล้ายเกียร์อัตโนมัติแบบฟันเฟือง มีทั้งความสปอร์ตและความราบเรียบนุ่มนวล

●   ระบบบังคับเลี้ยวแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า มอเตอร์ติดตั้งที่แกนพวงมาลัย ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ติดตั้งบนซับเฟรม ด้านหลังทอร์ชั่นบีมแบบ CTBA หรือ Coupled Torsion-Beam Axel และชิ้นส่วนช่วงล่างผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC และระบบควบคุมการทรงตัว VSM ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยครบครันทั้ง ABS และ BAS

●   ฮุนได เครต้า มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมหน่วยช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี ฟรีค่าแรง 3 ปี 60,000 กิโลเมตร มีโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 1.49 เปอร์เซ็นต์, ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี, ผ่อนนาน 48 เดือน หรือดาวน์ต่ำ 74,999 บาท, ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี, ผ่อนนาน 84 เดือน พร้อมส่งรถเดือนกรกฎาคมนี้ มั่นใจด้วยศูนย์บริการในปัจจุบัน 30 แห่ง และมีเป้าหมายเพิ่มให้ครบ 40 แห่งภายในปีนี้ ในส่วนของยอดจำหน่ายปีนี้ฮุนไดตั้งเป้าไว้ 10,000 คัน เป้าหมายระยะกลางและระยะยาวอยู่ที่ 25,000 และ 40,000-50,000 คันตามลำดับ

●   ส่วนความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทำตลาดรถไฟฟ้าของฮุนไดในเมืองไทย ได้รับคำตอบว่ากำลังอยู่ในช่วงพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าจะเข้าสู่ตลาดนี้ด้วยวิธีไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งก็ยังไม่ยืนยันว่าจะทันภายในปีนี้หรือไม่ แต่ที่เหมือนจะบอกใบ้กลายๆ ก็คือ ตลาดปิกอัพในเมืองไทยได้รับความนิยมสูงมากถึงเกือบครึ่งของตลาดรวม และส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ใช้งานบรรทุก ดังนั้นฮุนไดจึงแผนจะทำตลาดในเมืองไทยด้วยเอสยูวีระดับหรู ส่วนจะเป็นรุ่นไหนนั้นยังไม่เปิดเผย

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hyundai Creta ใหม่ เชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.hyundai.com/th และสามารถจองรถผ่านบริการออนไลน์ Cl!ck to Buy ได้ที่ URL : buyonline.hyundai.com

Report : 2023 Hyundai Creta