BMW เผยรายละเอียดชุดระบบ fuel cell ที่พัฒนาร่วมกับ Toyota
เรื่อง : AREA 54
● บีเอ็มดับเบิลยู ปล่อยรายละเอียดแรกของชุดระบบขับเคลื่อน ไฮโดรเจน ฟิวเซลล์ ที่พัฒนาร่วมกับโตโยต้า หลังจากที่จัดแสดงต้นแบบ BMW i Hydrogen NEXT Concept เป็นครั้งในงาน 2019 Frankfurt Motor Show ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
● หากยังจำกันได้ แผนงานนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็น 1 ใน 4 ของแผนงานระยะยาวที่บีเอ็มดับเบิลยู และโตโยต้า เซ็น MOU ร่วมกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหลักๆ 4 ส่วนมาตั้งแต่ช่วงปี 2013 ประกอบด้วย:
● (1) พัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบไฮโดรเจน ฟิวเซลล์ (2) พัฒนาแพลทฟอร์มใหม่สำหรับผลิตรถสปอร์ตขนาดกลาง ซึ่งเรารู้กันแล้วว่ามันคือ BMW Z4 เจนเนอเรชั่น 6 และ Toyota Supra เจนเนอเรชั่น 5 (3) พัฒนาวัสดุน้ำหนักเบาสำหรับใช้ในการผลิตตัวถัง และ (4) พัฒนาแบตเตอรี่แพคชนิด Li-air หรือ Lithium-air battery
● ชุดระบบขับเคลื่อนสาธิตที่ติดตั้งอยู่ในต้นแบบ BMW i Hydrogen NEXT นั้น โดยพื้นฐานมีการทำงานเหมือนกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบไฮโดนเจน ฟิวเซลล์ เช่นเดียวกับบริษัทผู้ผลิตอื่นๆ คือ ใช้ไฮโดรเจนจากถังบรรจุเป็นสารตั้งต้น ร่วมกับออกซิเจนในอากาศ แล้วป้อนส่วนผสมนี้เข้าไปในเซลล์เชื้อเพลิง หรือ cell stack ผ่านกระบวนการทางเคมี แล้วสร้างกระแสไฟฟ้า โดยมีสิ่งที่คงเหลือเป็นน้ำ (H2O) ซึ่งเซลล์เชื้อเพลิงเดี่ยวๆ เพียง 1 เซลล์นั้น มีความสามารถในการผลิตกำลังได้น้อยมาก จึงต้องทำการรวมแพคเซลล์เข้าไว้ด้วยกัน หรือที่เรียกว่า Fuel-cell stack จากนั้นกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกนำไปกักเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่แพค ก่อนจะส่งไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าหมุนล้อเป็นลำดับสุดท้าย
● สำหรับชุดระบบต้นแบบของบีเอ็มดับเบิลยู จะติดตั้งแทนที่เอาไว้ในตำแหน่งห้องเครื่องยนต์เดิม มีชุดแปลงกระแสไฟฟ้าติดตั้งเอาไว้ด้านล่าง มีถังบรรจุไฮโดรเจนร่นไปทางด้านหลัง และมีมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับหมุนเพลาหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์ซิงเกิลสปีด
● เฉพาะชุดระบบฟิวเซลล์นี้ สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 125 กิโลวัทท์ หรือเทียบเท่า 170 แรงม้า (PS) ดังนั้นบีเอ็มดับเบิลยูจึงทำการพ่วงระบบเสริมกำลังในลักษณะเดียวกับ KERS (Kinetic Energy Recovery System) เข้าไปด้วย ยังผลให้กำลังสูงสุดทั้งระบบ (ในช่วงเวลาหนึ่ง) อยู่ที่ 374 แรงม้า
● เบื้องต้นรถฟิวเซลล์รุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยู จะมีกำหนดการขึ้นสายการผลิตในช่วงปี 2022 โดยในช่วงแรกจะเป็นการผลิตแบบปริมาณน้อย เนื่องจากปัญหาหลักๆ นั้นไม่ได้อยู่ความพร้อมของเทคโนโลยี แต่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างสถานีไฮโดรเจนซึ่งมีอัตราส่วนในการขยายเครือข่ายที่ช้ามากนั่นเอง ●