2020 Nissan Kicks รถพลัง e-Power รุ่นแรกในประเทศไทย

3.2Kviews

เรื่อง : motortrivia

● นิสสัน ประเทศไทย เปิดตัวรถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดซับคอมแพคท์รุ่นใหม่ Nissan Kicks e-Power แบบออนไลน์ โดยการเปิดตัวในวันนี้ไทยเราจะนับเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลก ที่จะได้ใช้งาน เทคโนโลยี e-Power และยังนับเป็นประเทศแรกในโลกที่นิสสันจะทำการผลิตเทคโนโลยี e-Power ต่อจากประเทศญี่ปุ่น

● เดิมที Nissan Kicks เป็นรถ SUV เครื่องยนต์สันดาปภายในที่นิสสันเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 เพื่อทำตลาดบลาซิลเป็นหลัก ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม V แบบเดียวกับที่ใช้งานอยู่ใน Nissan Micra, Pulsar, Sylphy หรือ Note งานออกแบบคลี่คลายมาจากรถต้นแบบ Nissan Kicks Concept

● งานออกแบบไม่มีอะไรเหนือคาด ตัวรถยังคงใช้จุดเด่นอย่างกระจังหน้าแบบ V-motion, ไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง และหลังคาลอยตัวสไตล์ floating roof เป็นต้น เทียบกับ Nissan Juke รุ่นปัจจุบัน Kicks จะยาวกว่าเล็กน้อย ความยาวรวม 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ฐานล้อ 2,615 มม.

● ห้องโดยสารมีหน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนมาตรวัด, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape, กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key, ปุ่ม Push Start, กุญแจระบบ Immobilizer, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านผู้ขับ, ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง, ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า-หลัง 4 ตำแหน่ง, กล่องเก็บของด้านหน้า, ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า, ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย, ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา

● ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect รุ่น V และ VL มากับจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง Bluetooth, USB, AUX-in, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS ส่วนเกรด S และ E เป็นเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM, FM, Bluetooth, USB, AUX-in และลำโพง 4 ตำแหน่ง

เทคโนโลยี e-Power

● นิสสันระบุว่า เทคโนโลยี e-Power นั้นได้รับการต่อยอดมาจากชุดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนของ Nissan Leaf ตัวชุดระบบประกอบด้วย (1) เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า (2) อินเวอร์เตอร์ ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าระหว่างกระแสตรง/กระแสสลับ และทำหน้าที่แทนการชาร์จกระแสไฟฟ้าจากภายนอก (3) แบตเตอรี่แพค ทำหน้าที่เก็บประจุไฟฟ้า และ (4) มอเตอร์ไฟฟ้า ทำหน้าที่ในการหมุนล้อแบบ 100%

● เครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์คือ เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ความจุ 1.2 ลิตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf กำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Automatic Single Speed Gear Reduction กำลังสูงสุดผลิตได้ 129 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 26.4 กก.-ม. เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอออน ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟใน 1 ชม. เท่ากับ 1.57 กิโลวัทท์-ชม.

● โดยรวม ระบบขับเคลื่อนของ Kicks จะให้ความรู้สึกเหมือนใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV : Battery Electric Vehicle) ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในช่วยผลิตกระแสไฟฟ้า ทว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จด้วยปลั๊ก

● นิสสันให้ข้อมูลว่า โดยทั่วไป โครงสร้างของระบบไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่แพคขนาดใหญ่ เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะเรียกใช้กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน และข้อจำกัดนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในการติดตั้งชุดระบบไฟฟ้าล้วนในรถยนต์ขนาดคอมแพคท์

● อย่างไรก็ตาม นิสสันได้พัฒนาและเรียนรู้วิธีการลดขนาดและน้ำหนัก รวมทั้งพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์ให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานทำให้ชุดระบบ e-Power สามารถใช้แบตเตอรี่แพคที่มีขนาดเล็กกว่า ขณะเดียวกัน เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ทำให้ระยะในการเปิด-ปิดลิ้นปีกผีเสื้อไม่สูงมาก ยังผลให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ในสภาพที่ค่อนข้างเหมาะสมตลอดเวลา และทำให้เครื่องยนต์ใช้เชื้อเพลิงต่ำ

● นอกจากนี้ โหมดในการขับแบบ “One-Pedal” ที่ใช้อยู่ใน Nissan Leaf ก็จะถูกนำมาติดตั้งใน Kicks ด้วย ผู้ขับสามารถเร่ง, ลดความเร็วลง และหยุดรถ โดยใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว ส่วนโหมดในการขับแบบอื่นๆ ยังมี Normal mode, EV mode, S mode และ Eco Mode

● เทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility และเทคโนโลยีชุดระบบความปลอดภัย Safety Shield Technology ใน Nissan Kicks ประกอบด้วย:

● ฟังก์ชั่น One-Pedal, ระบบ Intelligent Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นชลอความเร็วและรักษาระยะห่างตามรถคันหน้า, ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุ, ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา, ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนในขณะถอยออก, ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection

● ต่อด้วยกระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror แสดงผลด้วยจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ ผู้ขับสามารถเลือกปรับเปลี่ยนการแสดงผลระหว่างจอแสดงภาพ หรือภาพสะท้อนแบบปกติจากกระจกได้ และระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

● ส่วนชุดระบบอื่นๆ ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถมี ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control, ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control, ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control, ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า, ข้าง และม่านข้างซ้าย-ขวา (รุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น), เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ Pretensioner and Load Limiter Seatbelts, จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเด็กแบบ ISOFIX ปิดท้ายด้วยระบบเบรค ABS, EBD และ BA

ราคาจำหน่าย

● นิสสันจะแยกการจำหน่าย Kicks เป็น 4 รุ่นย่อย สีภายนอกเลือกได้ 6 สีระหว่าง สีดำ Black Star, สีขาว Storm White, สีแดง Radiant Red, สีเทา Gun Metallic, สีเงิน Brilliant Silver หรือสีส้ม Monarch Orange

● นอกจากนี้ยังมีสีทูโทน ใช้พื้นสีตัวถังจับคู่หลังคาสีดำ (เฉพาะรุ่น VL) อีก 4 สี คือ สีส้ม Monarch Orange, สีแดง Radiant Red, สีเทา Gun Metallic หรือสีขาว Storm White

Kicks VL ราคา 1,049,000 บาท
Kicks V ราคา 999,000 บาท
Kicks E ราคา 949,000 บาท
Kicks S ราคา 889,000 บาท

● ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี, รับประกันระบบไฟฟ้า 5 ปี และรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน สนใจจองได้ตั้งแต่วันนี้ การส่งมอบจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป

● ข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.nissan.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้านิสสัน โทร. 02-401-9600

● “การเปิดตัวนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นการนำเสนอนวัตกรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง (Disruptive) ซึ่งเป็นดีเอ็นเอ ของนิสสันทีนำมาสู่ภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง” นายยูทากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียกล่าว

● “นับเป็นวันที่น่าตื่นเต้นสำหรับนิสสัน และประเทศไทย ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางด้านการผลิต และส่งออกที่สำคัญระดับโลกของนิสสัน รวมถึงผู้นำระดับภูมิภาคในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ขององค์กรด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า”

● “การออกแบบที่ทันสมัย และแข็งแกร่งของรถยนต์คันนี้ ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ที่ล้ำสมัย ผสมผสานสไตล์ได้อย่างลงตัว และโดดเด่น มอบความสะดวกสบาย และมีเทคโนโลยีจาก นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี ครบครันให้ลูกค้าชาวไทยได้เห็นถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ของนิสสัน” ●