2021 Nissan Rogue / X-Trail รุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่น 3

1.9Kviews

เรื่อง : AREA 54

● นิสสันเปิดตัวครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์รุ่นใหม่ Nissan Rogue เจนเนอเรชั่น 3 (หรือ Nissan X-Trail ในบ้านเรา) ซึ่งแม้จะยังคงผลิตขึ้นบนแพลทฟอร์มเดิม และมีเค้าโครงที่ไม่ได้ฉีกอะไรออกไปมากนัก แต่ประสิทธิภาพของตัวรถ และชุดระบบช่วยขับยุคใหม่ในกลุ่ม ADAS (Advanced driver-assistance systems) จะมีมาให้อย่างเต็มอัตรา

● โดยรวมงานออกแบบมีความเนียนตามาขึ้นตลอดคัน ความเป็นนิสสันยังอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าทรง V-motion หรือหลังคาแบบ Floating roof จุดเด่นอยู่ที่การปรับเปลี่ยนชุดไฟหน้าเป็นแบบ 2 ชั้น ช่องรับอากาศทรงตั้งด้านหน้าช่วยเพิ่มความสปอร์ต ด้านท้ายลงตัวสุดๆ ด้วยชุดไฟท้ายที่เพรียวบางลง ด้านล่างเน้นภาพลักษณ์ที่บึกบึนด้วยการ์ดสีเงินขนาดใหญ่ เสริมความเด่นด้วยการวางตัวอักษร Rouge แบบเว้นช่องไฟใต้ตราสัญลักษณ์นิสสัน

● ตัวรถยังคงใช้แพลทฟอร์มเดิม CMF-CD ทว่า Rogue/X-Trail ใหม่จะมีฐานล้อที่สั้นลงเล็กน้อยราว -0.1 นิ้ว แต่นิสสันก็ยังสามารถเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสารได้ ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้น +0.6 นิ้ว และมีพื้นที่เหนือศีรษะเพิ่มขึ้น +0.7 นิ้ว สิ่งที่ต้องแลกมาคือพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่ลดลงนิดหน่อย โดยเมื่อพับเบาะคู่หลัง พื้นที่บรรทุกสัมภาระจะลดลงเหลือ 1,033 ลิตร น้อยลงกว่าเดิมราว -79 ลิตร

● เทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน Toyota RAV-4 จะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระให้มากที่สุด รองลงมาคือ Honda CR-V ส่วน Nissan Rogue/X-Trail นับเป็นอันดับที่ 3

● ห้องโดยสารอัพเกรดอุปกรณ์พื้นฐานใหม่หมด รุ่นพื้นฐานมากับจอแสดงผลข้อมูลบนมาตรวัดหลังพวงมาลัยขนาด 7 นิ้ว ในขณะที่รุ่นท๊อปจะได้ใช้งานมาตรวัดฟูลดิจิทัลที่แสดงผลด้วยจอขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอ Head-up display ส่วนจอแสดงผลชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ รุ่นพื้นฐานมีขนาด 8 นิ้ว จัดวางแบบลอยตัว รุ่นท๊อปขยายขนาดเป็น 9 นิ้ว ทุกรุ่นรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay, มีพอร์ท USB ให้ 4 พอร์ท แยกเป็น Type-A และ Type-C อย่างละ 2 พอร์ท คอนโซลกลางแบบยกตัว ด้านล่างที่ช่องว่างสำหรับวางของ

● รุ่นย่อยเกรด Platinum จะพิเศษกว่าด้วยวัสดุตกแต่งเกรดพรีเมียม เบื้องต้นมีหนังสีแทน, ชุดระบบช่วยขับ ProPilot Assist with Navi-Link ทำงานร่วมกับระบบนำทางผ่านดาวเทียม, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay เวอร์ชั่นอัพเกรดที่สามารถเชื่อมต่อได้แบบไร้สาย, จุดชาร์จสมาร์ทโฟนมาตรฐาน Qi, ชุดไฟแอมเบียนท์ และชุดซาวด์ซิสเต็มพร้อมลำโพง 10 ตำแหน่งของ Bose

● สำหรับชุดระบบ ADAS หรือที่นิสสันเรียกว่า “ProPilot Assist” นั้น ใน Rogue/X-Trail นิสสันได้ทำการอัพเกรดประสิทธิภาพให้หลายรายการ อาทิ เรดาห์ที่ทำการตรวจจับได้ในระยะที่ไกลขึ้น, กล้องทุกจุดมีมุมมองที่กว้างขึ้น, ระบบ Lane Following Assist ที่ช่วยประคองพวงมาลัยให้อยู่ในเลนทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ตัวระบบ ProPilot Assist with Navi-Link จะมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ด้วยการอาศัยข้อมูลจากระบบนำทางผ่านดาวเทียม ยังผลให้ตัวระบบสามารถสั่งการได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม เมื่อพบทางร่วม ทางแยก หรือการเลือกใช้เลนสำหรับการเข้า/ออก ฟรีเวย์หรือไฮเวย์

● ชุดระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ Vehicle Motion Control system ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน AWD (รวมถึงการควบคุมความเหมาะสมของการทำงานในแต่ละโหมดการขับที่ผู้ขับเลือก) ซึ่งนิสสันระบุว่า ระบบ Vehicle Motion Control นี้สามารถคาดการณ์ได้ว่า “ผู้ขับกำลังพยายามจะทำอะไร” โดยอาศัยการตรวจสอบองศาของพวงมาลัย และการใช้งานคันเร่งหรือเบรคแบบรีลไทม์ จากนั้นระบบจะมีการเตรียมพร้อมเพื่อช่วยเหลือผู้ขับเป็นลำดับชั้นตามแต่ละสถานการณ์

● ส่วนชุดระบบที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ประกอบด้วย ระบบ Rear door alert ช่วยเตือนในกรณีที่ผู้ขับอาจลืมสิ่งของเอาไว้บนเบาะหลัง, ระบบ Automatic emergency braking with Pedestrian detection ช่วยหยุดรถอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบ Active lane control ช่วยรักษาตำแหน่งรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Automatic high beams เปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Blind-spot monitors with Rear cross-traffic alert ตรวจจับวัตถุในจุดบอด พร้อมช่วยตรวจสอบพาหนะที่แล่นตัดเข้ามาในขณะถอยออก และระบบ Automatic rear braking ช่วยเบรคฉุกเฉินในขณะถอยหลัง

● Rogue/X-Trail ใหม่ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร N/A รหัส PR25DD บล็อคเดียวกับที่ใช้งานใน Nissan Altima ส่งกำลังด้วยเกียร์แปรผันอัตราทด CVT กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (+11 HP เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2020) แรงบิดสูงสุด 25 กก.-ม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (แบบผสม) ตามมาตรฐาน EPA รุ่นขับหน้าประมาณ 12.3 – 2.8 กม./ลิตร ส่วนรุ่น AWD ประมาณ 11.9 – 12.3 กม./ลิตร

● นิสสันจะเริ่มจำหน่าย Rogue/X-Trail ในสหรัฐฯ ภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ หรือประมาณช่วงเดือนกันยายน 2020 เป็นต้นไป ราคาจำหน่ายยังไม่ระบุครับ… แฟนๆ ในบ้านเราเริ่มเก็บเงินรอกันได้ตามอัธยาศัย ●