Mitsubishi Delica Mini รถ K-Car ไฮบริดรุ่นใหม่จาก NMKV

371views

เรื่อง : AREA 54

● บริษัทร่วมทุน NMKV (Nissan-Mitsubishi) เปิดตัวรถ K-Car ภายใต้แผนงานการผลิตรถ NMKV Model รุ่นใหม่ล่าสุด Mitsubishi Delica Mini ตัวรถจะลงทำตลาดแทนที่ Mitsubishi eK X Space รุ่นปัจจุบันโดยจะอัพเกรดมาใช้ระบบขับเคลื่อน Mild hybrid การจำหน่ายในญี่ปุ่นจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2023 เป็นต้นไป

● ย้อนความกันสักนิด NMKV Model คืออะไร?… รถ NMKV คือรถที่พัฒนาโดยบริษัทร่วมทุน NMKV ซึ่งก่อตั้งโดยนิสสันและมิตซูบิชิ จุดประสงค์คือการพัฒนา รถยนต์ขนาดเล็กในกลุ่ม Kei Car เพื่อผลิต/จำหน่ายในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ตัวรถจะมุ่งเน้นไปที่การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ Kei Car มีเทคโนโลยีที่ทันยุคสมัย และมีราคาจำหน่ายไม่สูงเกินไปนัก การจำหน่ายจะแยกเป็นรถรีแบดจ์ของแต่ละบริษัท ใช้ชื่อในการจำหน่ายต่างกัน เช่น Nissan Dayz Roox และ Mitsubishi ek Space / X Space ที่ใช้แพลทฟอร์มและเทคโนโลยีเดียวกันทั้งคัน เป็นต้น

● อย่างไรก็ตาม Delica Mini ไม่ใช่รถแบบใหม่เอี่ยมทั้งคัน ตัวรถยังคงใช้แพลทฟอร์มของ eK X Space ในการผลิต ตำแหน่งทางการตลาดนับเป็นรุ่นย่อยใหม่ของรถ K-Car Mitsubishi Delica รุ่นปัจจุบันเจนเนอเรชั่น 5 โดยทำการวางระบบขับเคลื่อน Mild Hybrid ลงไปเพื่อเพิ่มความประหยัดยิ่งขึ้น

● Delica Mini มากับความยาวตัวรถ 3,395 มม. กว้าง 1,475 มม. สูง 1,830 มม. ระยะฐานล้อ 2,495 มม. ตัวถังเป็นแบบมินิแวน 5 ประตู 4 ที่นั่ง เลย์เอาท์เครื่องยนต์แบบวางหน้า ขับเลื่อนล้อหน้า และมีรุ่น full-time 4WD เป็นออปชั่น

● เลย์เอาท์ในห้องโดยสารยังคงคล้ายๆ กับ eK X Space ทว่าจะมีการปรับรูปแบบบางจุด เช่น ช่องแอร์ และเปลี่ยนวัสดุตกแต่งใหม่, เบาะผ้าแบบกันน้ำ, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขยายขนาดขึ้นเป็น 9 นิ้ว, ประตูข้างบานหลังยังคงเป็นแบบสไลด์, เบาะหลังสามารถสไลด์ได้เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก

● ชุดระบบขับเคลื่อนประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 658 ซีซี. ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT แยกเป็นรุ่นหายใจธรรมดา (N/A – Naturally-aspirated) กำลังสูงสุด 52 แรงม้า (PS) หรือรุ่นเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 64 แรงม้า ทั้งคู่จะได้กำลังเพิ่มเติมจากระบบ Mild Hybrid อีก +3 แรงม้า และมีแบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออนขนาดเล็กเก็บประจุไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า

● ทุกรุ่นย่อยมากับระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS ที่ใช้ชื่อทางการค้าว่า MI-Pilot อาทิ ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Single-lane Driver Assistance System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางโดยอัตโนมัติ (ไม่มีการเปลี่ยนเลน) และระบบ Forward Collision Warning ช่วยเตือนในกรณีที่อาจเกิดการชนทางด้านหน้า เป็นต้น ส่วนรุ่น 4WD จะมีระบบ Hill Descent Control ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบ Grip Control สำหรับการใช้งานในลักษณะออฟ-โรดแบบพอหอมปากหอมคอ พร้อมขยายขนาดยางเป็น 165/60 R15

● การจำหน่ายจะแยกเป็น 4 เกรดรุ่นย่อย ประกอบด้วย G, G Premium, T หรือ T Premium ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 1,804,000 – 2,238,500 เยน หรือประมาณ 4.7 – 5.9 แสนบาทครับ คู่แข่งหลักมีอาทิ Daihatsu Tanto FunCross หรือ Suzuki Hustler เป็นต้น ●