November 30, 2017
Motortrivia Team (11062 articles)

Motor Expo 2017 : มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 ณ เมืองทองธานี


Posted by : Motortrivia Team

 

Motor Expo 2017 หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 กลับมาอีกครั้งในช่วงส่งท้ายปีเก่า เช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา ปีนี้ตัวงานจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง” หรือ New Age Vehicles…A Distant Dream Come True ซึ่ง นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานคาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนสู่อุตสาหกรรมยานยนต์มากกว่า 5 หมื่นล้านบาท

● สำหรับกิจกรรมคืนกำไรในงาน ยังคงมีรางวัลใหญ่ๆ ให้ลุ้นกันเหมือนเคย ประกอบด้วย (1) ซื้อรถ…ชิงรถ : จองหรือซื้อรถในงานลุ้นรางวัล Kia Grand Carnival LX จำนวน 1 รางวัล (2) ซื้อบัตร…ชิงรถ : ผู้ที่ซื้อบัตรชมงาน รับสิทธิ์ชิง MG3 Hatchback D จำนวน 1 รางวัล (3) SMS ชิงรถ : กด *144 แล้วโทรออก (ค่าบริการครั้งละ 6 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เฉพาะเครือข่ายของ True Move และ True Move H) ลุ้น Mitsubishi Attrage 1.2 GLX MT จำนวน 1 รางวัล (4) ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์ : จองหรือซื้อในงาน รับสิทธิ์ชิงรางวัล KTM 690 Duke R จำนวน 1 รางวัล และ (5) ซื้อสินค้า ชิงรางวัล : ซื้อสินค้าภายในงานจากร้านเดียวกันทุก 1,000 บาท รับคูปองชิงโชค 1 ใบ ลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท

● เช่นเคย… ผู้ที่ต้องการเดินทางไปชมงานจะมีรถ Shuttle Bus บริการรับ-ส่งฟรี โดยขาเข้างานทุกสถานี รอบแรก 11.00 น. รอบสุดท้าย 20.30 น. และขาออกจากงานทุกสถานี รอบแรก 12.00 น. รอบสุดท้าย 22.30 น. ตามเส้นทางดังต่อไปนี้:

– หมอชิต – Impact – หมอชิต (BTS Exit 2, MRT Exit 4)
– อ่อนนุช – Impact – อ่อนนุช (BTS Exit 2)
– สีลม – Impact – สีลม (BTS Exit 5, MRT Exit 1)
– รังสิต – Impact – รังสิต (บริเวณด้านหลัง Future Park Station)

● ตัวงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ Impact เมืองทองธานีครับ ●

ASTON MARTIN

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก จัดแสดงสปอร์ตคลาสแกรนด์ ทัวเรอร์ รุ่นล่าสุด Aston Martin DB11 เครื่องยนต์ V8 โดยมีการเปิดตัวล่วงหน้าไปเมื่อกี่วันที่ผ่านมา วันนี้นับเป็นการเผยโฉมครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน และเป็นหนึ่งในรถรุ่นไฮไลท์สำหรับงาน Motor Expo ในปีนี้

● Aston Martin DB11 รุ่นนี้นับเป็นรุ่นเครื่องยนต์ใหม่ โดยยกเครื่องยนต์ V12 ความจุ 5.2 ลิตร ออกไป แล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.0 ลิตร ที่อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ พัฒนาโดย Mercedes-AMG กำลังสูงสุดผลิตได้ 503 แรงม้า (BHP) แรงบิดสูงสุด 68.7 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซค์ในไอเสีย 230 กรัม/กม.

● ห้องโดยสารของ DB11 V8 มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานในระดับเดียวกันกับรุ่น V12 รวมถึงสีสันและชุดตกแต่งที่ลูกค้าทั้ง 2 รุ่นสามารถเลือกได้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีแพคเกจ Option Packs และ Designer Specification รวมถึงคอลเลคชั่นจากแผนกคัสตอม Q by Aston Martin ซึ่งรับทำงานตกแต่งแบบตามสั่งทั้งภายนอกและภายในทุกส่วนด้วย ราคาจำหน่าย Aston Martin DB11 รุ่นเครื่องยนต์ V8 เริ่มต้นที่ 21,900,000 บาท ส่วน Aston Martin DB11 รุ่นเครื่องยนต์ V12 เริ่มต้นที่ 24,900,000 บาท

● สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แอสตัน มาร์ติน แบงคอก สาขาพระราม 3 โทร. 02-670-6040, สาขาสยามพารากอน โทร. 02-610-9775 และสาขาภูเก็ต โทร. 076-201-966 ●

[ VIEW : ASTON MARTIN GALLERY ]

AUDI

อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัวสปอร์ต 2 รุ่นใหม่ Audi A5 Sportback และ Audi A4 Avant Black Edition โดยนับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งนอกจากการเปิดตัวรถ 2 รุ่นนี้ อาวดี้ยังขอความร่วมมือในการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ที่ถูกต้อง ด้วยการประกาศเปลี่ยนชื่อ (การออกเสียง) บริษัทจาก “ออดี้” เป็น “อาวดี้” ซึ่งก็ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนกันไปครับ… แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ยกตัวอย่างบีเอ็มดับบลิว ประเทศไทย ก็เคยเปลี่ยนชื่อเป็น “บีเอ็มดับเบิลยู” เพื่อความถูกต้องกันมาแล้ว

● Audi A5 Sportback เป็นรถ 5 ประตูหลังคาเปรียวในแบบคูเป้ ตกแต่งด้วยชุดแต่ง S line ตัวรถมีฐานล้อยาวทว่าโอเวอร์แฮงก์ที่สั้น น้ำหนักลดลง 85 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ความยาวภายในห้องโดยสารเพิ่มขึ้น 17 มม. พื้นที่ช่วงไหล่ฝั่งผู้ขับเพิ่มขึ้น 9 มม. ผู้โดยสารด้านหน้าเพิ่มขึ้น 11 มม. พื้นที่ช่วงเข่าสำหรับผู้โดยสารแถวหลังเพิ่มขึ้น 24 มม. เบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ MMI ออกแบบให้ใช้งานง่าย และมีชุดไฟแอมเบียนท์ไลท์ 30 สี

● Audi A5 Sportback มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ TFSI ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 252 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 สปีด คลัทช์คู่ รุ่น 40 TFSI ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วนรุ่น 45 TFSI quattro S line ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายแบ่งเป็น Audi A5 Sportback 40 TFSI เครื่องยนต์เบนซิน 190 แรงม้า ราคา 3,299,000 บาท และ Audi A5 Sportback 45 TFSI quattro S line เครื่องยนต์เบนซิน 252 แรงม้า ราคา 4,299,000 บาท

● A4 Avant 45 TFSI quattro S line Black Edition ตกแต่งแบบสปอร์ต เพิ่มล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วจาก Audi Sport ลาย 5 ก้าน สีไทเทเนียมแบบด้าน ห้องโดยสารติดตั้งเบาะ S Sports หุ้มด้วยหนัง Fine Nappa ตัดเย็บแบบ diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง Perforated หลังคาพาโนรามิค เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ผ้าบุหลังคาสีดำ แป้นเบรคและคันเร่งแบบสปอร์ต ภายในตกแต่งแบบเปียโน แบล็ค พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบท้ายตัด

● ตัวรถใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ 4 สูบ TFSI ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 252 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6 วินาที ราคาจำหน่าย 3,249,000 บาท

● โปรโมชั่นพิเศษในงาน มีแคมเปญ Audi Protection รับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-023-4888 หรือ www.audi.co.th

[ VIEW : AUDI GALLERY ]

BENTLEY

เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส ประกาศเปิดรับจอง Bentley Continental GT รุ่นใหม่ล่าสุด เจนเนอเรชั่น 3 ในงานนี้ ตัวรถมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด และมีรูปทรงที่ปราวเปรียวที่สุดเท่าที่เคยมีมา… ส่วนรุ่นที่จัดแสดงบนพื้นที่และพร้อมจำหน่ายมี Bentley Bentayga และ Bentley Flying Spur W12

● สำหรับ Bentley Continental GT รุ่นใหม่นั้น ลบภาพความเป็นสปอร์ตอุ้ยอ้ายด้วยทรวดทรงบางส่วนที่อ้างอิงมาจากรถต้นแบบ Bentley EXP 10 Speed 6 Concept ใช้แพลทฟอร์มน้ำหนักเบารุ่นล่าสุด MSB หรือ modular standard architecture ที่ใช้งานอยู่ใน Porsche Panamera ใหม่รุ่นปี 2017 เทียบกับรุ่นก่อนหน้าฐานล้อยาวขึ้น 110 มม. บอดี้ทั้งหมดผลิตจากอลูมิเนียม น้ำหนักตัวรวม 2,250 กก. เบาขึ้นกว่ารุ่นเดิม 85 กก.

● ห้องโดยสารหรูด้วยลายไม้และหนังต่างชนิด ชุดอุปกรณ์ไฮเทคมีให้ใช้งานตามยุคสมัย มาตรวัดหลังวงพวงมาลัยเป็นแบบฟูลดิจิทัล จอกลางสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เบนท์ลีย์เคยมีมาด้วยขนาด 12.3 นิ้ว คุณภาพความละเอียดเทียบเท่าจอ retina ผู้ขับสามารถเลือกตั้งค่า home screen ได้เอง ตัวจอจะถูกหมุนเก็บเพื่อโชว์ความหรูของลายไม้ในขณะดับเครื่องยนต์ และจะถูกเรียกออกมาใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ และยังมีการหมุนคอนโซลเพิ่มเป็นด้านที่ 3 ติดตั้งมาตรวัดอนาล็อกทรงกลม 3 ชิ้นให้อีกด้วย แบ่งเป็นมาตรวัดอุณหภูมิ, เข็มทิศ และนาฬิกา

● แพลทฟอร์มใหม่ทำให้เบนท์ลีย์สามารถติดตั้งระบบจ่ายไฟใหม่แบบ 48-volt system (มาตรฐาน 42-volt เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ยุค 90s) เช่นเดียวกับรถใหม่ในเครือ เช่น ออดี้หรือปอร์เช่ โดย Continental GT นับเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก Bentley Bentayga กำลังไฟที่มากขึ้นนี้จะช่วยให้ช่วงล่างอิเลคทรอนิค Bentley Dynamic Ride มีแฮนด์ลิ่งที่ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการดีเลย์ของข้อมูลในการปรับการตอบสนองแบบอัตโนมัติของช่วงล่างที่มีต่อสภาพถนนในรูปแบบต่างๆ กัน และไม่ส่งผลต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ชุดช่วงล่างแบบถุงลมได้รับการปรับปรุงใหม่ให้นุ่มนวลยิ่งขึ้น เพิ่มปริมาตรอากาศขึ้น 60% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แอนตี้-โรลล์บาร์หน้า/หลังแบบไฟฟ้าทำงานอัตโนมัติ

● พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน W12 สูบ ความจุ 6.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ (TSI) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 8 จังหวะ กำลังสูงสุดผลิตได้ 635 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 91.7 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบแรงดันต่ำช่วยลดการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียลง 16% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ตัวเลขการคาย CO2 อยู่ที่ 278 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐาน Euro 6

● โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะงานนี้ จอง Continental GT รับสิทธิ์ร่วมทริปเยี่ยมชมโรงงานเบนท์ลีย์ ณ ประเทศอังกฤษครับ… สนใจข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ไปถามกันได้ที่ 02-261-1050 หรือ 02-610-9880 ●

BMW and MINI

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รุ่นเด่นสำหรับปีนี้คือรถครอสโอเวอร์ขนาดคอมแพคท์ BMW X3 รุ่นใหม่ล่าสุด เจนเนอเรชั่น 3 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา รุ่นย่อยที่จำหน่ายในบ้านเราคือ BMW xDrive20d xLine ออกแบบใหม่หมดทั้งคัน ตกแต่งพิเศษด้วยชุดแต่ง BMW Individual และ xLine ด้านหน้าดุขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบหนา ไฟตัดหมอกทรงหกเหลี่ยมถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถตระกูล X ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วลาย Y-spoke

● พละกำลังมาจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Strepsonic กำลังสูงสุดผลิตได้ 190 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-เมตร อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 213 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 17.6 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 150 กรัม/กม. ราคาเริ่มต้นที่ 3,699,000 บาท

● ไฮไลท์รุ่นอื่นๆ มี BMW 630d GT M Sport ราคาจำหน่าย 4,739,000 บาท BMW M760Li xDrive ราคาจำหน่าย 13,539,000 บาท BMW 530e M Sport ราคาจำหน่าย 3,939,000 บาท BMW 530e Luxury ราคาจำหน่าย 3,639,000 บาท BMW 330e (Iconic) ราคาจำหน่าย 2,259,000 บาท BMW 320d GT M Sport ราคาจำหน่าย 2,999,000 บาท

● ฝั่ง มินิ ประเทศไทย เปิดตัว MINI Countryman เจนเนอเรชั่นที่ 2 เวอร์ชั่นสมรรถนะสูง หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ MINI John Cooper Works Countryman ดุสุดๆ ด้วยแอร์โรคิทชุดใหม่ ช่วงล่างจูนใหม่ พร้อมเครื่องยนต์ที่แรงที่สุดในกลุ่มรถประสิทธิภาพสูงของมินิ โดยในตลาดโลกเพิ่งเปิดตัวเป็นทางการในช่วงกลางปี 2017 ที่ผ่านมา ราคาจำหน่ายอั้นมาเปิดในงานนี้หลังจากโชว์โฉมล่วงหน้าเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา 3,548,000 บาท ครับ

● MINI John Cooper Works Countryman ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบ twin-scroll หรือที่มินิเรียกว่าเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ผู้ขับสนุกได้ด้วยแพดเดิลชิฟท์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 234 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 14.2 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 161 กรัม/กม.

● เบื้องต้น MINI JCW Countryman จะมาพร้อมกับโปรแกรม MINI Service Inclusive หรือ MSI โดยแพคเกจเริ่มต้น MSI Standard จะครอบคลุมระยะการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.bmw.co.th ส่วนมินิติดต่อ MINI Contact Center ได้ที่ 1-401-269-269 ●

[ VIEW : BMW and MINI GALLERY ]

BRG GROUP

บีอาร์จี กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทรถนำเข้าที่อยู่คู่วงการยานยนต์บ้านเรามาอย่างยาวนาน เปิดพื้นที่จัดโปรโมชั่นในชื่อ “No.1” พร้อมชวนร่วมทำบุญ “ซื้อรถ 1 คันบริจาคศิริราช 1 หมื่น” สำหรับผู้ป่วยด้อยโอกาส ปิดท้ายด้วยโปรโมชั่น “ซ่อมรถช่วยชาติ” ฟรีแรกเข้า และเปลี่ยนน้ำเครื่องราคาพิเศษ ในขณะที่รถที่จัดแสดงมีอาทิ Volkswagen Caravelle, รถแต่งจาก M’z Speed ซึ่งมีรุ่นเด่นคือ M’z Speed Alphard และ M’z Speed Vellfire, รถแต่งจาก Carlsson ได้แก่ Carlsson S300 AMG Hybrid และ Carlsoon GLA, รถ Moke, รถบ้าน Swift Motor Home เป็นต้น

● โปรโมชั่น No.1 มีของแถมให้หลายรายการตามระดับราคารถ อาทิ ราคาจำหน่ายตัวรถแบบลดพิเศษ, ฟรี iPhone X 64GB, ฟรี Honda Civic 1.8 EL, ฟรีรถ Moke, ส่วนลด 1 ล้านบาท, ผ่อน 0% นาน 72 เดือนสำหรับรถตระกูล S-Class, ฟรี Honda Brio V CVT, ส่วนลด 5 แสนบาทสำหรับรถตระกูล E-Class, รับประกันคุณภาพสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม.

● ด้านการเงิน บีอาร์จี กรุ๊ป มีบริการพิเศษร่วมกับบัตรกรุงศรีอยุธยา และเจเนอรัลคาร์ด เซอร์วิส เซส แยกเป็นข้อเสนอที่ 1 : จองรถ ฟรีดอกเบี้ย ผ่อนนาน 4 เดือน และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5,000 บาท ส่วนข้อเสนอที่ 2 : เลือกอุปกรณ์ตกแต่งจาก Carlsson หรือ M’z Speed ฟรีดอกเบี้ย ผ่อนนาน 6 เดือน เครดิตเงินคืนสูงสุด 5,000 บาท และรับคะแนนสะสมเพิ่ม 2 เท่า

● ปิดท้ายด้วยโปรโมชั่นบริการหลังการขาย ฟรีค่าแรกเข้ามูลค่า 200,000 บาท, เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องราคาพิเศษ เริ่มต้น 4,555 บาท โดยทุกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถ รวมถึงการเปลี่ยนอุปกรณ์และอะไหล่รถ อาทิ แบตเตอรี่ ล้อแม็ก ยาง หรือชุดแต่ง สามารถนำมาลดหย่อนภาษีปี 2560 “ช๊อปช่วยชาติ” ได้ตามจริง โดยไม่เกิน 15,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 3 ธันวาคม 2560 สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมโทรไปได้ที่ Hotline : 085-1237111, 085-1238168 และ 085-1238169 ●

CHEVROLET

บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังคงมุ่งมั่นทำตลาดปิคอัพในไทยต่อไป ซึ่งในปีนี้นับเป็นการฉลอง 100 ปีการผลิตปิคอัพทั่วโลกด้วย เชฟโรเลตจึงเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ Chevrolet Colorado Centennial Edition 2018 ตกแต่งใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อเป็นการร่วมฉลองครบรอบในประเทศไทย

● Chevrolet Colorado Centennial Edition นับเป็นรถรุ่นปี 2018 ตามข้อมูลเชฟโรเลตตกแต่งโดยใช้แรงบันดาลใจมาจากรถกระบะรุ่นต่างๆ ของเชฟโรเลตที่ผ่านมา งานออกแบบเป็นผลงานของฝ่ายการออกแบบวิศวกรรม และการตลาดของเชฟโรเลต ตัวรถมาพร้อมโลโก้โบว์ไทฉลองครบรอบ 100 ปี และตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ 100 ปี สีตัวถังมีให้เลือก 2 สี ประกอบด้วย น้ำเงิน Blue Me Away หรือขาว Summit White

● ทั้งนี้ Colorado Centennial Edition ใช้พื้นฐานของ Colorado High Country และรุ่น LTZ ในการตกแต่ง การเปิดจองมีขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้วที่ตัวแทนจำหน่ายเชฟโรเลตทั่วประเทศ โดยนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เชฟโรเลตทำการคัดเลือก Colorado Centennial Edition 20 คัน ให้จองกันผ่านทางเว็บไซต์เชฟโรเลต ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 หมายเลขนำโชคจากคุณคฑา ชินบัญชร ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 814,000 บาท

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ chevrolet.co.th

[ VIEW : CHEVROLET GALLERY ]

FORD

ฟอร์ด ประเทศไทย ไม่มีรถรุ่นใหม่เอี่ยมในงานนี้ ดังนั้นจึงเน้นไปที่ข้อเสนอพิเศษ ประกอบด้วย Ford Ranger Wildtrak ดอกเบี้ย 0.99% ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือเลือกดาวน์ 89,999 บาท ผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, Ford Ranger Open Cab และ Double Cab XLT และ FX4 ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, Ford Ranger Open Cab XL+ ราคาพิเศษ 599,000 บาท หรือดาวน์ 29,000 บาท ผ่อนนาน 84 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

● Ford Everest 2.2L Titanium ราคาพิเศษ 1,299,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือเลือกดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, Ford Ecosport ทุกรุ่นย่อย ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 60 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, Ford Focus Sport AT ราคาพิเศษ 999,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือโปรแกรมพรีเมียมแคร์ 5 ปี และ Ford Fiesta ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และโปรแกรมพรีเมียมแคร์ 5 ปี

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ www.ford.co.th

[ VIEW : FORD GALLERY ]

FOTON

โฟตอน มอเตอร์ เปิดตัวหัวลากรุ่นใหม่ Foton Auman EST เครื่องยนต์ Cummins ความจุ 11 ลิตรและ 12 ลิตร กำลังสูงสุดอยู่ในช่วง 350 – 490 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ ZF อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลง 5% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอยู่ที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ พวงมาลัยปรับระดับได้ มีที่นอนเบาะหลัง ช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เบาะลดการสั่นสะเทือนด้วยระบบถุงลม 3 ชั้น เข็มขัดนิรภัยปรับได้ 3 ระดับ และสามารถปรับตำแหน่งได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีควบคุมความเร็ว I Brake รองรับอัตราเบรคสูงสุด 370 แรงม้า ประสิทธิภาพในการเบรคดีกว่าชุดเบรคแบบปกติ 50% ควบคุมความเร็วขณะลงเขาได้ที่ความเร็ว 70 กม./ชม. โดยผู้ขับไม่ต้องแตะเบรค และสะดวกด้วยชุดเบรคมือสำหรับแยกส่วนหัวลากและชุดพ่วง

● รุ่นอื่นๆ ประกอบด้วยรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ Foton Aumark C, รถตู้ Foton View CS2 และปิคอัพ Foton Tunland ข้อเสนอพิเศษในงานมีดอกเบี้ยต่ำสุด 1.29% สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.foton.co.th

HONDA

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ยังคงเน้นโปรโมทรถรุ่นสำคัญอย่าง Honda Civic โดยในงานนี้ได้เสริมรุ่นสีตัวถังใหม่ แดงแรลลี่ เป็นทางเลือกเพิ่มเติม ในขณะที่รุ่นอื่นๆ ก็ยังมากันครบ แยกเป็นทั้งหมด 11 รุ่น… แน่นอนว่าทุกรุ่นมีข้อเสนอพิเศษส่งท้ายปีสำหรับแฟนๆ ฮอนด้า

● ด้านการจัดแสดงเทคโนโลยี ฮอนด้าแบ่งพื้นที่นำเสนอเทคโนโลยี Honda Connect เป็นครั้งแรก โดยเป็นการนำเอาเทคโนโลยี Telematics มาใช้เพื่อช่วยให้ผู้ขับและรถยนต์สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ง่ายๆ ผ่านปลายนิ้วสัมผัส ส่วนที่สำคัญคือ ระบบจะแสดงสถานะความพร้อมของรถ เสริมด้วยข้อมูลลักษณะการขับของผู้ขับ

● สำหรับโปรโมชั่นในงาน ประกอบด้วย Honda Brio/Brio Amaze ดอกเบี้ย 2.19%, Honda City ดอกเบี้ย 1.79%, Honda Jazz/Civic/CR-V/Mobilio ดอกเบี้ย 1.99%, Honda BR-V/HR-V ดอกเบี้ย 1.79% และ Honda Accord/Accord Hybrid ดอกเบี้ย 1.19%

● แคมเปญเสริมพิเศษ ประกอบด้วย แคมเปญ Honda Winter รับกระเป๋าเดินทาง Samsonite ขนาด 29 นิ้ว รุ่น NIAR SPINNER 7/29 EXP มูลค่า 16,900 บาท, ดอกเบี้ยพิเศษสำหรับเจ้าของรถฮอนด้าทุกรุ่น (Honda Loyalty) รับดอกเบี้ยพิเศษลดลง 0.15% จากลูกค้าทั่วไปตามตารางรายการส่งเสริมการขาย เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ, แคมเปญ ฮอนด้า ช่วยผ่อน Brio/Brio Amaze ช่วยผ่อนเดือนละ 2,500 บาท 12 เดือน, Mobilio ช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน, BR-V ช่วยผ่อนเดือนละ 2,000 บาท 12 เดือน, HR-V ช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน

● Brio Amaze เพิ่มทางเลือกแคมเปญชุดแต่ง Modulo Sport Aero Package มูลค่า 16,050 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%), จอง Mobilio ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 รับตุ๊กตาหมีขนาด 36 นิ้ว มูลค่า 6,000 บาท, CR-V ขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพรถ และขยายสิทธิพิเศษ

● บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นอีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และสามารถเลือกรับแคมเปญเพิ่มเติม ได้แก่ Family Reward Package มูลค่า 10,000 บาท (ประกอบด้วย บัตรของขวัญในเครือโรงแรมเซ็นทารามูลค่า 5,000 บาท บัตรน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท และบัตรรับประทานอาหาร MK มูลค่า 2,000 บาท) หรือ เลือกรับบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติม เชิญได้ที่ www.honda.co.th

[ VIEW : HONDA GALLERY ]

H SEM MOTOR

เอช เซม มอเตอร์ เปิดตัวรถกอล์ฟไฟฟ้า 3 รุ่นในตระกูล SEV LED Series ประกอบด้วย SEV Luxury, SEV Adventure และ SEV Leader ซึ่งราคาจำหน่ายจะเริ่มต้นที่ 230,000 บาท

● SEV Luxury นั้นเป็นรุ่นที่มีการออกแบบใหม่ ห้องโดยสารเลือกได้ตั้งแต่ 2 ที่นั่งไปจนถึง 8 ที่นั่ง, SEV Adventure มีตัวถังแบบ 2, 4 และ 6 ที่นั่ง ช่วงล่างยกสูง ตัวรถมีขนาดใหญ่และแข็งแรง ล้อและยางมีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมลุยด้วยชุดกันชนเหล็กด้านหน้า ใช้งานพื้นที่ขรุขระหรือเส้นทางวิบากได้ดี เหมาะกับผู้ที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว รีสอร์ท ที่พัก หรือโรงแรมที่ต้องการพาลูกค้าไปท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ปิดท้ายด้วย SEV Leader รถไฟฟ้าทางเรียบซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 40 กม./ชม. แรงบิดสูง สามารถวิ่งขึ้นเนินชันได้ดี ตัวรถมีกระจกมองข้าง กระจกมองหลัง เข็มขัดนิรภัย ที่ปัดน้ำฝน ไฟท้ายบนหลังคา มาตรวัดใหม่ ห้องโดยสารเลือกได้ระหว่าง 2, 4 หรือ 6 ที่นั่ง

● ฝั่งรถ 3 ล้อพลังงานไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ SEV มีรุ่นเด่นคือ SEV Pixel กำลังขับ 2,000 และ 3,000 วัตต์ การจำหน่ายแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย SEV Delivery ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เป็นรถส่งของ, SEV Trio เหมาะสำหรับการบรรทุกผู้โดยสาร และ SEV Truck ด้านหลังเป็นแบบกระบะ รองรับการบรรทุกสัมภาระได้ดี ราคาเริ่มต้นที่ 90,000 บาท

● อีกหนึ่งจุดเด่นในกลุ่มรถกอล์ฟไฟฟ้าคือ ทุกรุ่นสามารถเลือกใช้พลังงานแสงอาทิตย์โดยสั่งติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บริเวณหลังคารถเป็นออปชั่นเสริมได้ เอช เซม ระบุว่า จะช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถสั่งติดตั้งระบบ GPS เอาไว้ติดตามตำแหน่งรถผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ด้วย

● โปรโมชั่นในงานประกอบด้วย สิทธิ์ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินเที่ยวญี่ปุ่น, ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท และพิเศษเฉพาะในงาน Motor Expo 2017 สามารถผ่อน 0% นาน 10 เดือน ส่วนบริการหลังการขาย เอช เซม มอเตอร์ จะมีรถเซอร์วิซออกไปให้บริการถึงจุดนัดหมาย (On-Site Services) โดยไม่ต้องนำรถเข้ามาที่ศูนย์ และเพิ่มจำนวนการตรวจเช็คฟรีค่าแรงอีก 2 ครั้งให้ (ในระยะรับประกัน) สนใจข้อมูลเพิ่มเติมโทรไปได้ที่สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ 092-276-5005 หรือ www.siamsev.com

[ VIEW : H SEM MOTOR GALLERY ]

HYUNDAI

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ปีนี้มีรถกรีนและรถแรงมาโชว์ตัว 2 รุ่น ประกอบด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนแบบแบตเตอรี่รุ่นสำคัญ Hyundai IONIQ เวอร์ชั่น BEV ซึ่งเริ่มจำหน่ายไปแล้วในตลาดโลก และรถสปอร์ตต้นแบบสมรรถนะสูง Hyundai RN30 Concept ต้นแบบรถฮอทแฮทช์ภายใต้ซับ-แบรนด์ N ที่พัฒนาต่อเนื่องมาเป็นรุ่นจำหน่ายจริง (ในตลาดโลก) อย่าง Hyundai i30 N ในปัจจุบัน

● Hyundai IONIQ เป็นรถกรีนขนาดคอมแพคท์รุ่นสำคัญของฮุนได ตัวรถมี 3 ทางเลือกระบบขับเคลื่อน ประกอบด้วย ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และไฟฟ้าล้วน รุ่นที่นำจัดแสดงเป็นรุ่นไฟฟ้าล้วน ชื่อ IONIQ (ไอออนนิค) เป็นการผสมคำระหว่าง Ion และ Uniq ชุดระบบขับเคลื่อนประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 28 กิโลวัตต์-ชม. ของ LG Chem ตำแหน่งติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลัง มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 117 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 30 กก.-ม. ระบบส่งกำลังเป็นแบบ single-speed / shift by wire ใช้ความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 150 กม./ชม. ระยะทางในการวิ่งแบบเฉลี่ยมากกว่า 250 กม./รีชาร์จ ระยะเวลาในการชาร์จไฟแบบปกติประมาณ 4 ชั่วโมง 25 นาที ส่วนโหมดควิคชาร์จ 80% จากจำนวนเต็มใช้เวลา 30 นาที

● ชุดระบบความปลอดภัยประกอบด้วย ระบบ Autonomous Emergency Brake ช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะฉุกเฉิน, ระบบ Lane Keeping Assist ป้องกันการเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ, ระบบ Lane Departure Warning System เตือนให้ผู้ขับรักษารถอยู่ในเลน, ระบบ Blind Spot Detection ตรวจจับรถในจุดบอดขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Rear Cross Traffic Alert แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยออกจากที่จอด, ถุงลมนิรภัย 7 จุด และถุงลมนิรภัยป้องกันการบาดเจ็บบริเวณเข่าสำหรับผู้ขับ

● Hyundai RN30 Concept เป็นรถต้นแบบที่ฮุนไดใช้เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของซับ-แบรนด์ N การจัดแสดงเป็นทางการมีขึ้นในงาน 2016 Paris Motor Show ภายนอกมากับแอร์โรพาร์ทแบบไวด์บอดี้ ชุดพาร์ทกราวด์เอฟเฟคท์ สปอยเลอร์หลังคาทรงแนบกับแนวหลังคาขนาดใหญ่ และมีดิฟฟิวเซอร์สำหรับรีดอากาศทางด้านท้ายขนาดยักษ์ใหญ่สุดๆ จุดเด่นคือบานประตูที่เปิดสวิงในแบบ Butterfly Wing ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำที่สุดเท่าที่ฮุนไดเคยออกแบบมา พร้อมมุ่งเน้นไปที่การลดน้ำหนักโดยทำการพัฒนาวัสดุประเภทพลาสติกคุณภาพสูงแบบใหม่ อาศัยความร่วมมือจากทีมงานของ BASF Corporation บริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ที่ฮุนไดร่วมงานมาตลอดในการผลิตรถต้นแบบ และเลือกที่จะไม่ใช้วัสดุ CFRP แบบที่รถสมรรถนะสูงส่วนใหญ่เลือกใช้งาน

● ระบบขับเคลื่อนสาธิตในตัวต้นแบบคือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเฉพาะตัวสำหรับรถในไลน์อัพ N กำลังสูงสุด 380 แรงม้า (ps) แรงบิดสูงสุด 46 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัทช์คู่แบบเปียก พร้อมแพดเดิลชิฟท์ ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อ all-wheel drive… น่าเสียดายที่พอมาเป็นคันจริง i30 N ได้กลายเป็นรถฮอทแฮทช์ตัวถัง 5 ประตู เนื่องจากความนิยมของรถตัวถัง 3 ประตู กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา

● รุ่นอื่นๆ ที่ฮุนไดนำมาจัดแสดงในงานก็คือ รุ่นขายดีของฮุนไดอย่าง Hyundai Grand Starex และ Hyundai H-1 นั่นเอง ทั้งคู่มากับช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยชุดอุปกรณ์เพิ่มความนุ่มนวลให้กับผู้โดยสารทางด้านหลัง ได้แก่ชุดช๊อคฯ และสปริงหลัง ซึ่งจะมีให้เป็นทางเลือกของทั้ง 2 รุ่น

● โปรโมชั่นในงาน Hyundai H-1 ทุกรุ่นย่อย ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และ ฟรีคูปองบำรุงรักษารถยนต์พร้อมค่าแรงและค่าอะไหล่ นาน 1 ปี (สำหรับผู้ที่จองรถระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ส่วน Hyundai Grand Starex ทุกรุ่นย่อย มีข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 0.99% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน หรือรับเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ ตามข้อตกลงภายในงาน

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ www.hyundai.co.th

[ VIEW : HYUNDAI GALLERY ]

ISUZU

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ฉลองครบรอบ 60 ปี เปิดตัว D-MAX รุ่นปรับโฉมปี 2017 ประกอบด้วย Isuzu D-MAX 1.9 Ddi Blue Power และ Isuzu D-MAX 3.0 Ddi Blue Power ตกแต่งให้ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ราคาจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3,000 จนถึง 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย

● Isuzu D-MAX Blue Power V-Cross 4×4 ตกแต่งด้วยโทนสีเทาดำ ติดตั้งชุดแต่งสไตล์ออฟ-โรดรอบคัน MAX 4×4 กระจังหน้าสีเทาดำพร้อม Engine Hood Garnish กรอบไฟตัดหมอกสีเทาดำ ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว บันไดข้างแบบชิ้นเดียว ห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ทูโทน สีน้ำตาลเทาเดินด้ายสีส้ม พร้อมตราสัญลักษณ์ V-Cross เพิ่มผิวสัมผัส Soft Touch บริเวณที่พักแขนข้างประตู ฝาปิดคอนโซลกลาง คิ้วคอนโซลเหนือหน้าปัด และเหนือกล่องเก็บของ ขอบข้างประตูลายใหม่ Bronze Metallic Hairline และมี ชุดโครเมี่ยมแต่งช่องแอร์

● Isuzu D-MAX Blue Power Hi-Lander กระจังหน้าโครเมี่ยม กรอบไฟตัดหมอกโครเมี่ยม ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว เสาข้างประตูสีดำ Blackout Film (รุ่น 4 ประตู) บันไดข้างแบบชิ้นเดียว เพิ่มลวดลายป้องกันการลื่นไถลพร้อมแถบสีเงิน ห้องโดยสารเบาะกึ่งหนังแท้สีน้ำตาล เพิ่มผิวสัมผัส Soft Touch ที่พักแขนข้างประตู ฝาปิดคอนโซลกลาง คิ้วคอนโซลเหนือหน้าปัด และเหนือกล่องเก็บของ พร้อมตราสัญลักษณ์ D-Max ที่คอนโซลหน้า ชุดตกแต่ง Piano Black บริเวณคอนโซลกลาง แผงข้างประตู ช่องแอร์ และมีชุดโครเมี่ยมแต่งช่องแอร์

● Isuzu D-MAX Blue Power Cab4 และ Spacecab : กระจังหน้าโครเมี่ยม เสาข้างประตูสีดำ ( รุ่น Cab 4) ห้องโดยสารโทนสีเทาเข้ม เพิ่มผิวสัมผัส Soft Touch บริเวณที่พักแขนข้างประตู ฝาปิดคอนโซลกลาง คิ้วคอนโซลเหนือหน้าปัด และเหนือกล่องเก็บของ พร้อมสัญลักษณ์ D-Max ที่คอนโซลหน้า และยังมีชุดตกแต่ง Piano Black ที่แผงควบคุมกระจกไฟฟ้า ช่องแอร์ ปิดท้ายด้วยชุดโครเมี่ยมแต่งช่องแอร์ ออกแบบให้เข้าชุดกับมือจับประตูด้านใน

● นอกจากนี้ Isuzu iConnect + Built-in Navigator รุ่นใหม่ จะทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สายผ่านฟังก์ชั่น Air Mirroring ด้วย Wi-Fi Dongle เล่นไฟล์ได้ทั้ง CD/DVD/MP3/WMA/AAC พอร์ท USB รองรับสมาร์ทโฟน เครื่องเล่น MP3 หรือ Flash Drive รวมทั้งเชื่อมต่อระบบโทรศัพท์ และมีฟังก์ชั่นบลูทูธออดิโอสำหรับฟังเพลงผ่านบลูทูธ ต่อด้วย Isuzu Insight ที่พัฒนาใหม่ให้ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น ผู้ขับสามารถดาวน์โหลดข้อมูลรายงานการขับผ่านสมาร์ทโฟนจากระบบ Isuzu iConnect ผ่านบลูทูธ รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง Android และ iOS

● ด้านพละกำลังมีเครื่องยนต์ดีเซล 1,900 ซีซี. มาตรฐาน Euro 6 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด พร้อมโอเวอร์ไดร์ฟ 2 ตำแหน่งที่เกียร์ 5 และ 6 ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี. กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 38.7 กก.-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อม Genius Sport Shift หรือไฟบอกตำแหน่งเกียร์ ช่วยแจ้งเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ และความเร็วที่เหมาะสม ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ isuzu-tis.com

[ VIEW : ISUZU GALLERY ]

JAGUAR LAND ROVER

บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายจากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการ เปิดตัว F-Type รุ่นพิเศษ Jaguar F-Type 400 Sport ในงานนี้ ตัวรถมากับชุดแต่งสปอร์ตเฉพาะรุ่น ประกอบด้วยสปลิทเตอร์หน้าสีเทาเข้ม กาบบันไดข้างและหลัง แถบป้ายตัวเลขตราสัญลักษณ์สีเหลืองตัดกับสีเทาซาตินของตัวรถ แยกติดตั้งทั้งด้านหน้าและหลังรวมทั้งใต้ฝากระโปรงรถ สีภายนอกเลือกได้ระหว่าง สีเงิน Indus Silver, ดำ Santorini Black หรือขาว Yulong White

● F-Type 400 Sport ใช้เครื่องยนต์ V6 ซูเปอร์ชาร์จ ความจุ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 380 แรงม้าเป็น 400 แรงม้า ชุดเบรคอัพเกรดดิสค์หน้าเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 380 มม. ด้านหลัง 376 มม. คาลิปเปอร์เบรคสีดำพร้อมตราสัญลักษณ์ 400 Sport ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว เคลือบสีเทาซาติน

● สำหรับ Jaguar F-Type รุ่นพื้นฐาน 340 แรงม้า ราคา 8,999,000 บาท, Jaguar F-Type R-Dynamic Convertible ตัวถังเปิดประทุน 340 แรงม้า ราคา 9,999,000 บาท ส่วนรุ่นพิเศษ F-Type 400 Sport 400 แรงม้า ราคา 11,999,000 บาท

● ข้อเสนอพิเศษสำหรับจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ทุกรุ่น (ยกเว้น Range Rover Velar) ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมแคมเปญ Worry-Free Program รับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดเวลานาน 5 ปี… สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ www.jaguart.co.th และ www.landrover.co.th

[ VIEW : JAGUAR LAND ROVER GALLERY ]

KIA

บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด กลายเป็นเสือปืนไว เปิดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน KIA Soul EV ภายในงานนี้ เสริมด้วยรถสปอร์ตขับหลังพลังแรง KIA Stinger โดยการจัดแสดงในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในขณะที่การจำหน่ายนั้น นับเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

● KIA Stinger เป็นรถสปอร์ตซีดานคลาส GT ท้ายลาดแบบ fastback จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ขับเคลื่อนล้อหลัง ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง เน้นความคล่องตัวในการใช้งานแบบสปอร์ต แต่มีความหรู กว้างขวาง พร้อมความสะดวกสบายแบบรถ Grand Tourer ในขณะเดินทางไกล คู่แข่งโดยตรงก็คือ Audi A4, BMW 3-series, Infiniti Q50 หรือ Lexus IS ในตลาดอเมริกาเหนือ Stinger มี 2 ทางเลือกรุ่นเครื่องยนต์ ประกอบด้วยรุ่นพื้นฐาน เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ตระกูล Theta II อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 255 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.8 กก.-ม. และรุ่นท๊อป V6 สูบ ความจุ 3.3 ลิตร ตระกูล Lambda II กำลังสูงสุด 365 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 50.3 กก.-ม. เครื่องยนต์ทั้ง 2 บล็อคเป็นผลงานการพัฒนาของฮุนได มอเตอร์ ทั้งคู่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ทว่าผู้ที่ต้องการใช้งานระบบขับเคลื่อนแบบ all-wheel drive สามารถเลือกเป็นออปชั่นได้ ราคาจำหน่าย 2,290,000 บาท

● KIA Soul EV ใช้พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 81.4 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 109 แรงม้า (bhp) แรงบิดสูงสุด 29 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ single-speed เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดเอาไว้ที่ 145 กม./ชม. ระยะทางในการขับประมาณ 150 กม./ชาร์จ (EPA สหรัฐฯ) หรือ 190 กม./ชาร์จ (จากการทดสอบภายในของเกียเอง) ระยะเวลาในการชาร์จด้วยไฟบ้าน 120 โวลท์ขอเวลา 24 ชม. ชุดชาร์จไฟ 240 โวลท์ขอเวลา 5 ชม. ส่วนโหมดฟาสท์ชาร์จขอเวลา 30 นาที สำหรับปริมาณความจุแบตเตอรี่ 80% จากจำนวนเต็ม ราคาจำหน่ายดุสุดๆ 2,297,000 บาท

● อีกรุ่นสำคัญของเกียในไทยก็คือ KIA Grand Carnival ที่เป็นรุ่นหลักในการทำตลาดในปัจจุบัน มากับโปรโมชั่นจอง KIA Grand Carnival EX ฟรีรับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กม., บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 5 ปี, ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท… หรือเลือกรับ แพคเกจ A หรือ แพคเกจ B ได้แก่ (1) แพคเกจ A ฟรีเช็คระยะ 30,000 กม. หรือ 18 เดือน พร้อมรับบันไดข้างแท้จากเกาหลี (2) แพคเกจ B ฟรีดอกเบี้ย 1 ปี

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.kia.com/th

[ VIEW : KIA GALLERY ]

LEXUS

เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีของใหม่เอี่ยมในปีนี้เป็น Lexus LS และ Lexus LC500 สปอร์ตคูเป้สุดเปรียวสีสด เครื่องยนต์ V8 ความจุ 5.0 ลิตร กำลังสูงสุด 467 แรงม้า (HP)

● Lexus LS เจนเนอเรชั่นที่ 5 นั้น แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย ราคาอยู่ในช่วง 11,530,000 – 15,830,000 บาท ส่วน LC500 ใครอยากได้เลกซัสจะนำเข้ามาให้เป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นแถวๆ 16,000,000 บาท… ทว่ารุ่นที่น่าจะขายดีคือ Lexus NX รุ่นปรับโฉมใหม่ รถครอสโอเวอร์หรูสำหรับคนเมืองที่ปรับปรุงภาพลักษณ์ใหม่ ให้ความรู้สึกสปอร์ตและปราดเดียวกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก

● Lexus NX มากับชุดไฟหน้า LED 3-Eye Projector-Type ไฟเลี้ยวใหม่ Sequential Turning Lamps สัญญาณไฟเลี้ยวกระพริบจากด้านในเลื่อนสู่ด้านนอก ไฟท้ายปรับรูปแบบใหม่เล็กน้อย กันชนหลังออกแบบใหม่ ท่อไอเสียแบบคู่ ล้ออลูมินัมอัลลอยขนาด 18 นิ้วลายใหม่ ประตูหลังเปิด-ปิดไฟฟ้าอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Kick Sensor ทำงานด้วยเซ็นเซอร์ใต้กันชน ห้องโดยสารตกแต่งใหม่ จอแสดงผลข้อมูล Electro Multi Vision (EMV) ขนาดใหญ่ 10.3 นิ้ว ควบคุมด้วย Remote Touch Interface (RTI) โหมดการขับรูปแบบใหม่ Drive Mode Select เลือกได้ระหว่าง Normal, Eco, Sport S, Sport S+ พร้อมโหมดใหม่ Customize ทำงานร่วมกับกันสะเทือนแปรผัน AVS ปรับระดับความหนืดของช๊อคฯ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตลอดเวลาได้มากถึง 650 ระดับ

● ชุดระบบความปลอดภัย Lexus Safety System Plus หรือ LSS+ ประกอบด้วย ระบบ Pre-crash Safety System ใช้ความสามารถของเรดาร์พร้อมกับกล้อง ช่วยตรวจสอบในสถานการณ์ที่อาจเกิดการปะทะกับสิ่งกีดขวางด้านหน้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับ และสั่งการให้ระบบช่วยเบรกทำงานโดยอัตโนมัติ, ระบบ Adaptive Radar Cruise Control รักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าอย่างเหมาะสม พร้อมลดความเร็วให้สอดคล้องกับความเร็วของรถคันหน้า, ระบบ Lane Keeping Assist สั่นเตือนที่พวงมาลัยพร้อมกับแจ้งเตือนบนจอแสดงผลข้อมูลเมื่อตรวจพบว่าตัวรถมีการขับข้ามเลนโดยไม่มีการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ปิดท้ายด้วยระบบ Adaptive High Beam System ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ

● ด้านพละกำลังเลือกได้ระหว่างรุ่นไฮบริด Lexus Hybrid Drive เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า หรือรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ซึ่งอุปกรณ์ตกแต่ง อุปกรณ์มาตรฐาน และชุดระบบความปลอดภัย จะแตกต่างกันไปตามระดับราคาของรุ่นย่อย

● Lexus NX300 F SPORT ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 4,450,000 บาท, Lexus NX300 Grand Luxury ราคา 3,440,000 บาท, Lexus NX300h F SPORT ราคา 4,050,000 บาท, Lexus NX300h Premium ราคา 3,550,000 บาท, Lexus NX300h Grand Luxury ราคา 3,140,000 บาท และ Lexus NX300h Luxury ราคา 2,930,000 บาท

● โปรโมชั่นพิเศษ รับสิทธิ์เป็นสมาชิก Lexus Club รวมถึงสิทธิพิเศษจาก Lexus Privilege ผ่าน Mobile Application “Lexus Elite Club” พร้อมข้อเสนอพิเศษ และสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมเอกซ์คลูซีฟกับเลกซัสตลอดปี ทุกรุ่นรับประกันคุณภาพ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการจาก เลกซัส เซอร์วิส คอร์เนอร์ ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส 15 แห่งทั่วประเทศ

● สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเชิญได้ที่ บริษัท เลกซัส กรุงเทพ จำกัด (พระราม 9) โทร. 02-716-8999 บริษัท เลกซัส ออโต้ซิตี้ จำกัด โทร. 02-521-1111 และ บริษัท เลกซัส ออโต้ซิตี้ จำกัด โทร. 02-260-8123 ●

[ VIEW : LEXUS GALLERY ]

MASERATI

มาเซราติ ประเทศไทย เปิดตัว Maserati Levante S รุ่นพวงมาลัยขวาในงานนี้ โดยนับเป็นการเปิดตัวรุ่นพวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรกในเอเชียด้วย

● Maserati Levante S นับเป็นหนึ่งในรถ SUV กลุ่มลักชัวรี่ที่มีจำหน่ายในไทย ตัวรถมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Q4 พร้อมระบบ Torgue Vectoring ควบคุมแรงบิด นุ่มนวลด้วยช่วงล่างแบบถุงลม Air Suspension สามารถปรับระดับตามความเหมาะสมของสภาพเส้นทางได้แบบ 5+1 ประกอบด้วย Normal, Aero 1, Aero 2, Off-Road 1, Off-Road 2 และ Easy Entry

● ด้านความแรง หายห่วงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 430 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.2 วินาที ห้องโดยสารเรียบแต่หรู ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์รุ่นใหม่ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8.4 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto และ Apple Carplay ชุดระบบซาวด์ซิสเต็มมากับชุดลำโพง Harman Kardon

● ชุดระบบความปลอดภัยมีอาทิ ระบบ Adaptive cruise control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Forward Collision Warning ช่วยเตือนในกรณีที่รถเข้าใกล้รถยนต์คันหน้ามากเกินไป, ระบบ Blind Spot Alert เตือนมุมอับสายตา, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนในกรณีที่ขับออกนอกช่องจราจร, ระบบ Surround View Camera กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

● โปรโมชั่นในเบื้องต้น รับประกันและฟรีค่าบารุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ thailand.maserati.com

[ VIEW : MASERATI GALLERY ]

MAZDA

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เปิดตัว SUV ขนาดคอมแพคท์ Mazda CX-5 รุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่น 2 ส่งท้ายปี 2560 ตัวรถดูเฉียบคมขึ้นกว่าเดิมมาก ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมด หรูด้วยซันรูฟแบบไฟฟ้า งานตกแต่งใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมสไตล์รถยุโรป คอนโซลหน้า Metal Wood เบาะหนังสีดําแซมด้วยด้ายสีน้ำตาล ชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์ BOSE ลำโพง 10 ตำแหน่ง พร้อมเทคโนโลยี Audio Pilot 2 และ Centerpoint 2 ช่วยชดเชยและปรับแต่งเสียงให้สมจริง ผู้ขับสะดวกด้วยจอ HUD เบรคมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะผู้ขับบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตําแหน่ง เบาะหลังปรับเอนได้ แยกพับได้ 3 ส่วนแบบ 40:20:40 และมีช่องแอร์แยกให้ ประตูบานท้ายแบบ Power Liftgate เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าและรีโมทคอนโทรล สามารถตั้งค่าระดับการเปิดได้ตามความเหมาะสม

● ชุดระบบ MZD Connect รุ่นใหม่ล่าสุด ทำงานผ่านจอกลางขนาด 7 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth รับ-ส่ง SMS จากสมาร์ทโฟนได้ง่าย พร้อมเข้าสู่โลกออนไลน์ทุกที่เพื่ออัพเดทข้อมูลข่าวสารได้ตลอดการเดินทาง และยังใช้งานได้สะดวกผ่านปุ่มควบคุมบริเวณคอนโซลกลาง หรือ Center Commander นอกจากนี้ยังมีกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอย

● พละกำลังมาจากเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D แบบ 4 สูบ ความจุ 2.2 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบ 2 สเตจ แรงบิดสูงในรอบต่ำ กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ตัวเลขแรงบิดสูงสุดน่าประทับใจ 42.7 กก.-ม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากการทดสอบของมาสด้า 17.5 กม./ลิตร ต่อด้วยเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 21.3 กก.-ม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากการทดสอบของมาสด้า 13.9 กม./ลิตร ทั้งคู่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SkyActiv-Drive 6 สปีด ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้ออัตโนมัติ i-Activ AWD พร้อมเทคโนโลยี GVC หรือ G-Vectoring Control หนึ่งในซีรี่ส์เทคโนโลยีที่มาสด้าเรียกว่า SkyActiv-Vehicle Dynamics เพิ่มเสถียรภาพของรถให้ดียิ่งขึ้นด้วยการเพิ่ม-ลดแรงบิด โดยสั่งงานให้เครื่องยนต์ทำงานตอบสนองต่อการสั่งงานของพวงมาลัย และตรวจจับอาการของรถในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป ช่วยให้ตัวรถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น

● Mazda CX-5 XDL ราคา 1,770,000 บาท Mazda CX-5 XD ราคา 1,560,000 บาท Mazda CX-5 2.0 SP ราคา 1,530,000 บาท Mazda CX-5 2.0 S ราคา 1,400,000 บาท และ Mazda CX-5 2.0 C ราคา 1,290,000 บาท โปรโมชั่นเบื้องต้นรับฟรีประกันภัยชั้น 1

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mazda.co.th

[ VIEW : MAZDA GALLERY ]

MERCEDES-BENZ

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มีของใหม่ที่ทั้งแรงและหรูรวม 5 รุ่น ทุกรุ่นเปิดตัวไปก่อนหน้าที่งานจะเริ่มขึ้นไม่กี่วัน นอกจากนี้เมอร์เซเดสยังถือโอกาสนี้ เปิดตัวแบรนด์ Mercedes-AMG อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยด้วย โดย 5 รถรุ่นใหม่ประกอบด้วย

Mercedes-Benz S-Class รุ่นย่อย S 350 d AMG Premium มากับชุดแต่ง AMG เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จคู่ และอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 61.1 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ราคาเริ่มต้นที่ 7,640,000 บาท ต่อด้วยรถสุดหรูที่ใช้แพลทฟอร์มเดียวกัน Mercedes-Maybach S-Class ห้องโดยสารหรูสุดๆ สำหรับผู้บริหาร และแรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จคู่ และอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 469 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 71.3 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ราคา 17,440,000 บาท

● ฝั่งแบรนด์สมรรถนะสูง Mercedes-AMG ปีนี้นับเป็นปีที่ครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ Mercedes-AMG ด้วย รุ่นที่เปิดในไทยคือ Mercedes-AMG GT R รุ่นย่อยใหม่ในตระกูล AMG GT และเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่นำเทคโนโลยีของรถแข่งมาประยุกต์ใช้ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะของรถสปอร์ตกลุ่ม GT 3 เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถในกลุ่ม AMG GT ต่อด้วย Mercedes-AMG GT C รถโรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในสายการผลิตของ Mercedes-AMG

● ทั้ง 2 รุ่นใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ จ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรค อินเจคชั่น ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด โดยรุ่น GT R กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 71.3 กก.-ม. เริ่มที่ช่วง 1,900 ถึง 5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.6 วินาที ท๊อปสปีด 318 กม./ชม. ส่วนรุ่น GT C กำลังสูงสุด 557 แรงม้า ที่ 6,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 69.2 กก.-ม. ที่รอบเครื่องยนต์เท่ากัน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.7 วินาที ท๊อปสปีด 316 กม./ชม. ทั้งนี้ Mercedes-AMG GT R ราคาเริ่มต้น 17,400,000 ล้านบาท ส่วน Mercedes-AMG GT C ราคาเริ่มต้น 16,800,000 ล้านบาท

● ปิดท้ายด้วย Mercedes-Benz E-Class Cabriolet รุ่นย่อย E 300 Cabriolet AMG Dynamic รถเปิดประทุน 4 ที่นั่งที่หรูและสปอร์ตด้วยชุดแต่งสุดลงตัวจาก AMG เครื่องยนต์เบนซิน ความจุ 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 9G-TRONIC กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิด 37.7 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ราคา 5,190,000 บาท

● โปรโมชั่นในงานมีอาทิ ฟรี iPhone X พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี สำหรับ C 350 e ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 ธันวาคม 2560, แคมเปญสำหรับผู้ที่จองรถผ่านบัตร MercedesCard รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 6,000 บาท พร้อมรับ VIP Code JOOX Music สำหรับผู้ที่ซื้อรถและส่งมอบรถภายใน 31 ธันวาคม 2560 นอกจากนี้ ผู้ที่สมัครบัตรเครดิตเมอร์เซเดสการ์ดและได้รับการอนุมัติ จะได้รับโปรแกรมชุดตรวจสุขภาพเครือ ร.พ.กรุงเทพ ฟรีมูลค่าสูงสุด 12,000 บาท… สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mercedes-benz.co.th

[ VIEW : MERCEDES-BENZ GALLERY ]

MG

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว SUV รุ่นใหม่ล่าสุด MG ZS โดยนับเป็นรถรุ่นแรกที่มากับระบบ i-SMART ที่มีการแนะนำไปในช่วงเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยเต็มรูปแบบ

● ระบบ i-SMART สามารถสั่งการได้ 3 วิธี คือ (1) ผ่านระบบ Voice command ภาษาไทย (2) สั่งการผ่านจอทัชสกรีน และ (3) สั่งการผ่านแอพพลิเคชั่น i-SMART จากสมาร์ทโฟน ความสามารถในเบิ้องต้นมีอาทิ เปิดการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านแอพฯ บนสมาร์ทโฟน, ค้นหาจุดหมาย เช่น สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหาร ด้วยสมาร์ทเนวิเกเตอร์, ตรวจสอบสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์, เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับ และพัฒนาความสามารถให้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และแจ้งข้อมูลสำคัญกับผู้ขับผ่านสมาร์ทโฟน เช่น ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, สภาพการทำงานของแบตเตอรี่, เครื่องยนต์ และระบบเบรค พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม

● การสั่งงานระบบ i-SMART จะเริ่มต้นด้วยการพูดวลี “ฮัลโหล เอ็มจี” ตามด้วยคำสั่งการทำงาน เช่น สั่งเปิด-ปิดซันรูฟ, ปรับอุณหภูมิระบบปรับอากาศ, รับสายหรือโทรออก, ค้นหาสถานีวิทยุ, เลือกเพลงจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมผ่านพอร์ท USB และ สั่งการระบบนำทาง การสั่งงานผ่านจอทัชสกรีน แบ่งเป็น Smart Call รับสายหรือโทรออก, Smart navigation ขอคำแนะนำเส้นทาง หรือตรวจสอบสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์, i-Call ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของเอ็มจี และ Food & Travel Guide เรียกดูข้อมูลร้านอาหาร ที่พัก ฯลฯ ที่มีอยู่บนแผนที่ สุดท้าย การทำงานผ่านแอพฯ แบ่งเป็น ล็อค-ปลดล็อคประตู, ตรวจสอบตำแหน่งรถพร้อมแสดงเส้นทางไปยังตัวรถ, ระบบแจ้งเตือนความผิดปกติของการทำงาน เช่น เบรค เกียร์ แบตเตอรี่ ถุงลมนิรภัย ฯลฯ, ระบบควบคุมการสตาร์ทเครื่องยนต์, ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ, ระบบตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องยนต์ ลมยาง และการล็อคประตูรถ ปิดท้ายด้วยการตั้งค่าแผนการเดินทางด้วยแผนที่บนสมาร์ทโฟนหรือแท๊บเลท ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังจอทัชสกรีน

● MG ZS เป็นรถ SUV ขนาดคอมแพคท์ เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ตำแหน่งทางการตลาดอยู่กึ่งกลางระหว่าง MG3 และ MG GS เทียบกับรุ่นพี่อย่าง MG GS นับว่าไม่เล็กจนเกินไปนัก อุปกรณ์พื้นฐานมีอาทิ ชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์, ไฟ LED Daytime สำหรับวิ่งกลางวัน, หลังคา Panoramic Sunroof, ไฟท้าย LED, ไฟเบรค LED, ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง, ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา, พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ช่วยผ่อนแรง สะดวกด้วยระบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียงได้ มีปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, ปุ่ม Push Start, มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงผล, จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ iOS ผ่าน Apple CarPlay, กล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอย, เบาะหลังปรับพับแบบ 60:40, พื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายปรับได้ 2 ระดับโดยสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 10 ซม. ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำล้วน หรือทูโทนน้ำตาล/ดำ ส่วนเบาะมีทั้งแบบผ้าหรือหนังสังเคราะห์

● พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ความจุ 1.5 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ กำลังสูงสุด 114 แรงม้า (PS) muj 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.2 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และมี Manual Mode

● การจำหน่ายแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย MG ZS เกรด C, D และ X ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแบบเดียวกันทั้งหมด โดย MG ZS C ราคา 679,000 บาท MG ZS D ราคา 729,000 บาท และ MG ZS X ราคา 789,000 บาท โปรโมชั่นในเบื้องต้นประกอบด้วย บริการแพคเกจใช้งานระบบ i-SMART ฟรี 5 ปี, บริการ Passion Service รับประกันคุณภาพ 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance, บริการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG Call Centre ตลอด 24 ชั่วโมง และบริการเช็คระยะนอกสถานที่ด้วยรถ Mobile Services

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mgcars.com

[ VIEW : MG GALLERY ]

MITSUBISHI

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัวรุ่นพิเศษ Mitsubishi Triton Athlete ในงานนี้ ตัวรถมากับตัวถัง 4 ประตู Double Cab สีส้ม-ดำ พร้อมชุดแต่งพิเศษรอบคันเฉพาะรุ่น 19 รายการ อาทิ กระจังหน้าใหม่ กันชนหน้าใหม่ สปอร์ตบาร์ สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอย 17 นิ้ว เป็นต้น ห้องโดยสารทูโทนสีดำ-ส้ม หัวเกียร์และเบาะหุ้มหนัง เดินตะเข็บด้วยด้ายสีส้ม ส่วนสีภายเลือกได้ทั้งหมด 3 สี ดำ Diamond Black, เทา Titanium Gray และขาว White Pearl ระบบขับเคลื่อนมีทั้ง 2 ล้อ (ยกสูง) หรือ 4WD

● รุ่นเครื่องยนต์ยังคงเป็น MIVEC Clean Diesel ความจุ 2.4 ลิตร 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. เสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัมอัลลอย ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Super Select 4WD II และชุดล็อคเฟืองท้ายจะมีให้เฉพาะรุ่นย่อย Double Cab 4WD Athlete ราคาเริ่มต้น 879,000 บาท

● สำหรับรถต้นแบบ ปีนี้มิตซูบิชินำ Mitsubishi GT-PHEV Concept มาโชว์ตัว โดยรถรุ่นนี้จัดแสดงครั้งแรกในงาน 2016 Paris Mator Show ชื่อรุ่นเป็นการผสมคำระหว่าง GT (Ground Tourer) และระบบขับเคลื่อนแบบ PHEV (plug-in hybrid vehicle) ตัวรถเป็นการพรีวิวครอสโอเวอร์ Mitsubishi Outlander เจนเนอเรชั่นใหม่ ชุดระบบขับเคลื่อนใหม่ในต้นแบบรุ่นนี้พัฒนาต่อยอดมาจากระบบที่ใช้ใน Outlander PHEV รุ่นที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน

● ด้านงานออกแบบ ยังคงเป็นการคลี่คลายรูปแบบมาจากต้นแบบรุ่นก่อนหน้าอย่าง Mitsubishi Concept XR-PHEV II ในช่วงต้นปี 2015 หรือ Mitsubishi eX Concept ในช่วงปลายปีเดียวกัน ด้านหน้าเห็นได้ชัดว่ามีการปรับปรุงรูปแบบเพียงเล็กน้อย ส่วนที่แตกต่างกันชัดเจนก็คือด้านท้ายของรถ โดยใน GT-PHEV Concept ใหม่นั้น แนวหลังคาด้านท้ายจะถูกยกขึ้นมาเสมอเส้นไหล่ของรถ (แนวเส้นใต้กระจกมองข้าง) ยังผลให้ด้านข้างตัวรถมีรูปทรงกล่อง โดยมีการเพิ่มความเปรียวด้วยแนวกระจกท้ายที่ลาดเอนในองศาที่ใกล้เคียงกับกระจกหน้า

● ชุดระบบขับเคลื่อนใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ออกแบบมาให้งานร่วมกับระบบ PHEV โดยเฉพาะ มอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มจำนวนเป็น 3 ตัว ด้านหน้า 1 กำลัง 90 กิโลวัทท์ ด้านหลัง 2 กำลัง 45 กิโลวัทท์ x2 แบตเตอรี่แพคเพิ่มความจุเป็น 25 กิโลวัทท์-ชม. สิ่งที่น่าสนใจคือ มิตซูบิชิมีการเอ่ยถึงการนำ Silicone Carbide มาใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ โตโยต้าเคยประกาศทดสอบ Power Control Unit (ตัวควบคุมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า) ตัวใหม่ที่ใช้ Silicone Carbide มาผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำในช่วงต้นปี 2015 เช่นเดียวกัน

● โปรโมชั่นในงาน ผู้ที่จองรถและรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ฟรีโปรแกรม “5 ปี ดูแลดีถึงใจ” ประกอบด้วย (1) ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะนาน 5 ปี (2) ฟรีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี (3) ฟรีการรับประกันคุณภาพ Diamond Warranty นาน 5 ปี (4) ฟรีค่าแรงการเช็คระยะนาน 5 ปี และ (5) ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ www.mitsubishi-motors.co.th

[ VIEW : MITSUBISHI GALLERY ]

NISSAN

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ใกล้จะจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Nissan Leaf ในประเทศไทยเต็มที งานนี้รุ่นเด่นบนพื้นที่จึงเป็น Nissan Leaf รุ่นใหม่ล่าสุด เจนเนอเรชั่น 2 นั่นเอง

● Nissan Leaf ใหม่มากับฟังก์ชั่นระบบขับเคลื่อน “กึ่งอัตโนมัติ” Level 3 (ไม่ใช่อัตโนมัติ 100% นะครับ ทำความเข้าใจกันก่อน) ProPILOT ประกอบด้วย ระบบ ProPILOT Assist รักษาระยะห่างจากรถข้างหน้าในเลนของตัวเอง เพิ่ม-ลดความเร็วอัตโนมัติตั้งแต่การออกตัวจนถึงจุดหยุดนิ่ง ผู้ขับไม่ต้องควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง และเบรค ทว่าไม่มีการเร่งแซง ไม่มีการหักพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนเลนช่วย และผู้ขับต้องวางมือเอาไว้บนพวงมาลัยตามกฏหมายเพื่อความปลอดภัย, ระบบ ProPILOT Park ช่วยจอดอัตโนมัติ และฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด ระบบ e-Pedal ควบคุมรถด้วยด้วยแป้นเดียว พื้นฐานการทำงานแบ่งเป็นการ “เหยียบ” เพื่อเพิ่มความเร็วตามปกติ “ถอน” ลดความเร็วตามน้ำหนักเท้าเช่นการขับปกติ และ “ถอนเท้าออกจากแป้นคันเร่ง” เท่ากับการหยุดรถโดยไม่ต้องกดแป้นเบรค ผู้ขับสามารถเลือกเปิด/ปิดความสามารถนี้ได้โดยการกดปุ่มบริเวณคอนโซลกลาง

● ระบบขับเคลื่อนประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าลูกใหม่รหัส EM57 ผลิตกำลังได้ 110 กิโลวัทท์ หรือเทียบเท่า 147 แรงม้า (HP) เพิ่มขึ้น 40 แรงม้าเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม แรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. เพิ่มขึ้น 6.8 กก.-ม. ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบซิงเกิลสปีด เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟใน 1 ชม. เท่ากับ 40 กิโลวัทท์-ชม. วิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 240+ กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (EPA ของสหรัฐฯ) ระยะเวลาในการชาร์จด้วยไฟบ้าน 16 ชม. ส่วนควิกชาร์จ 80% จากจำนวนเต็ม 40 นาที

● อีก 1 รุ่นที่นิสสันตั้งใจโปรโมทคือ Nissan Navara เวอร์ชั่นปรับปรุง รุ่นปี 2018 ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง AVM – Intelligent Around View Monitor โดยนับเป็นครั้งแรกในตลาดรถปิคอัพ ด้านการจัดแสดงเทคโนโลยี นิสสันมีชุดระบบ e-POWER มาจัดแสดง ซึ่งว่ากันตามจริง Nissan Note ที่จำหน่ายในไทย ควรจะมากับชุดระบบ e-POWER ด้วยซ้ำ ทว่านิสสันเลือกที่จะทำตลาด Note ในฐานะอีโค คาร์รุ่นที่ 3 แทนที่… รอดูสถานการณ์กันต่อไปครับสำหรับใครที่อยากเห็นอะไรกรีนๆ

● โปรโมชั่นในงาน Nissan Navara, Big Urvan, X-Trail, Teana, Sylphy, Almera, March และ Note ราคาพิเศษ แถมบัตรกำนัลมูลค่า 25,000 บาท ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี และแพคเกจ Nissan Easy Pay

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ www.nissan.co.th

[ VIEW : NISSAN GALLERY ]

PORSCHE

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ในนาม ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัวสปอร์ตรุ่นใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วย Porsche Cayenne S, Porsche Panamera 4 E-Hybrid Executive และ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo

● Porsche Cayenne S เจเนอเรชั่นที่ 3 รถสปอร์ตในคราบรถ SUV เปลี่ยนโฉมโดยอ้างอิงรูปแบบมาจากไอคอนของแบรนด์อย่าง Porsche 911 ความยาวตัวรถเพิ่มขึ้น 63 มม. ฐานล้อเท่าเดิม 2,895 มม. แนวหลังคาต่ำลง 9 มม. พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 770 ลิตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม +100 ลิตร และใช้ล้อ/ยางคู่หลังขนาดใหญ่กว่าคู่หน้าเป็นครั้งแรกในไลน์อัพของ Cayenne

● แรงสุดๆ ด้วยเครื่องยนต์ V6 ความจุ 2.9 ลิตร ไบเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 440 แรงม้า เพิ่มขึ้น +20 แรงม้า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S ความเร็วสูงสุด 265 กม./ชม. ตัวรถมากับชุดเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package เพิ่มอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที อัตราการคาย CO2 ประมาณ 213 – 209 กรัม/กม. มั่นคงด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive ยางต่างขนาด และระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering นอกจากนี้ยังมีระบบ Porsche 4D Chassis Control ช่วงล่างถุงลม three-chamber air suspension และ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเลคทรอนิคส์

● สำหรับ Panamera ใหม่พลังไฮบริดแบบปลั๊ก-อิน แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Porsche Panamera 4 E-Hybrid Executive และ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo

● Porsche Panamera 4 E-Hybrid Executive เป็นหนึ่งในไลน์อัพของ Panamera รุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปในช่วงปี 2016 ที่ผ่านมา โดยรหัส Executive หมายถึงรุ่นฐานล้อยาว ผู้ขับสามารถเลือกสั่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติมได้ เช่น ชุดแต่ง Sport design package คอนโซลกลางสำหรับห้องโดยสารตอนหลังขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยโต๊ะทำงานแบบพับ 2 ตำแหน่ง สายอากาศรับสัญญาณสำหรับสมาร์ทโฟน (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการของเครือข่ายภายในภูมิภาค) ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์รุ่นใหม่สำหรับห้องโดยสารตอนหลัง พร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.1 นิ้ว

● Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo แตกต่างที่การออกแบบส่วนท้าย โดยมีการเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะและส่วนวางขาให้กับผู้โดยสารตอนหลัง และยังเข้า-ออกห้องโดยสารได้สะดวกยิ่งขึ้น เบาะตอนหลังเป็นแบบ 2+1 ฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่เปิดด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งผู้ขับยังสามารถเลือกสั่งติดตั้งเบาะนั่งคู่หลังแบบแยกอิสระปรับไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์พิเศษได้

● ทั้งคู่ใช้ระบบขับเคลื่อนชุดเดียวกัน โดยเป็นการจับคู่เครื่องยนต์เบนซิน 330 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK กำลังรวมทั้งระบบ 462 แรงม้า เมื่อพ่วงแพคเกจ Sport Chrono Package รุ่น Executive มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 278 กม./ชม. อัตราการคาย CO2 อยู่ที่ 56 กรัม/กม. ส่วนรุ่น Sport Turismo อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.6 วินาที ทว่าความเร็วสูงสุดจะลดลงเหลือ 275 กม./ชม. เพื่อความเหมาะสม อัตราการคาย CO2 ประมาณ 59 กรัม/กม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 49 กม.

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติม เชิญที่ Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655, Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111 และ Porsche City Showroom Siam Paragon โทร. 02-610-9911 ●

[ VIEW : PORSCHE GALLERY ]

ROLLS-ROYCE

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์คาร์ แบงคอก เน้นต้อนรับลูกค้าในกลุ่มลักชัวรี่ด้วยการจัดงานย่อย Effortless Luxury บนพื้นที่จัดแสดงรถ โดยมีดีไซน์เนอร์ไทย คุณวทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา จัดแสดงแฟชั่นโชว์พิเศษในวันพุธที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการแสดงคอลเลคชั่นพิเศษของ Vatanika ที่ใช้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแบรนด์ Rolls-Royce ตามอัตลักษณ์ของ Rolls-Royce Ghost, Wraith และ Dawn

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ www.rolls-roycemotorcars-bangkok.com

[ VIEW : ROLLS-ROYCE GALLERY ]

SUBARU

บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวครอสโอเวอร์ Subaru XV รุ่นใหม่ล่าสุด เจนเนเรชั่น 2 อย่างเป็นทางการในงานนี้… แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในรุ่นรถที่หลายคนรอคอย และยังคงมีราคาจำหน่ายที่สมเหตุสมผลเช่นเดียวกับรุ่นที่ผ่านมา

● Subaru XV โฉมใหม่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มของ Subaru Impreza เจนเนอเรชั่น 5 ตัวรถเปิดตัวเป็นทางการไปในงาน 2017 Geneva Motor Show ครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้คุณสมบัติเด่นของ Subaru Global Platform คือ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถดัดแปลงไปใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ได้ในอนาคต และยังสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อให้ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือไฟฟ้าล้วนแบบแบตเตอรี่ได้ด้วย ช่วงล่างแบบใหม่นุ่มนวลขึ้น เสียงและการสั่นสะเทือนในห้องโดยสารลดลง โดยเฉพาะแรงสั่นสะเทือนในขณะขับที่พวงมาลัย, พื้นห้องโดยสาร และเบาะนั่ง เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน บอดี้และแชสซีส์แข็งแรงขึ้น 70 – 100% รับแรงบิดตัวได้ดีขึ้น 70% ลดอาการโคลงได้ 50% และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง 5 มม.

● พละกำลังมาจากเครื่องยนต์สูบนอน Boxer รุ่นใหม่ ความจุ 2.0 ลิตร ปรับปรุงชิ้นส่วนใหม่ถึง 80% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 156 แรงม้า (+6 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดเท่าเดิม 20 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ซูบารุเรียกว่า Lineartronic ลูกใหม่พร้อมโหมด Manual 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical AWD และมีโหมดในการขับใหม่ X-Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์, ระบบ AWD และเบรค ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อตรวจพบอาการลื่นไถลของล้อ

● ชุดระบบความปลอดภัย Subaru EyeSight ประกอบด้วย ระบบ Pre-Collision Braking ช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีที่อาจเกิดการชนทางด้านหน้า อาศัยความสามารถของกล้องหน้าที่ติดตั้งบนกระจกมองหลัง, ระบบ Adaptive Cruise Control รักษาความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ, ระบบ Lane Keep Assist ป้องกันการเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจหรือคร่อมเลน, ระบบ Lane Change Assist ตรวจจับรถในเลนอื่นที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงขณะกำลังเปลี่ยนเลน, ระบบ High Beam Assist ปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Blind Spot Detection ตรวจจับรถในจุดบอดขณะเปลี่ยนเลน และระบบ Rear Vehicle Detection แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยออกจากที่จอด

● Subaru XV ใหม่มี 6 สีให้เลือก ประกอบด้วย สีขาว, เงินเมทัลลิค, เทาเข้มเมทัลลิค, ดำ, น้ำเงินเข้ม และสีส้มใหม่ ซันไชน์ ออเรนจ์ ราคารุ่น 2.0i เริ่มต้นที่ 1,159,000 บาท ส่วนรุ่น 2.0i-P ราคา 1,259,000 บาท

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ โทร. 02-725-1888 หรือ www.subaru.asia/th/th/home

[ VIEW : SUBARU GALLERY ]

SUZUKI

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีรถใหม่เอี่ยมในปีนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงแนะนำ Suzuki Ciaz รุ่นปรับปรุง เพิ่มช่องปรับอากาศ และช่องจ่ายไฟบริเวณคอนโซลกลางสำหรับผู้โดยสารทางด้านหลัง โดยจะจำหน่ายในราคาเดิม ซึ่งรถรุ่นดังกล่าวก็คือ Suzuki Ciaz RS ราคา 675,000 บาท (สีขาวเพิ่ม 5,000 บาท)

● ด้านเทคโนโลยีเด่นๆ ที่นำมาจัดแสดง ซูซูกิได้นำยานยนต์ขนาดเล็กสำหรับสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งซูซูกิและทีมงาน Hakuto ประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมกันออกแบบและสร้างขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมโครงการประกวด Google Lunar XPRIZE โดยกติกาหลักๆ ก็คือ ตัวยานยนต์ต้องสามารถใช้งานบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้ วิ่งทำระยะทางได้อย่างน้อยๆ 500 เมตร และต้องมีการส่งข้อมูลภาพและวีดิโอความคมชัดสูงกลับมายังโลกได้

● อื่นๆ ซูซูกิยังคงประกาศใช้วิธีการทำตลาดด้วยการสนับสนุนกลยุทธ์ Sport Marketing โดยสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน AFF Suzuki Cup 2018 ต่อไป ส่วนโปรโมชั่นในงานมีบัตรเติมน้ำมันฟรี 5,000 บาท สำหรับผู้ที่จองรถรุ่นใดก็ได้ภายในงานนี้… สนใจข้อมมูลเพิ่มเชิญได้ที่ www.suzuki.co.th

[ VIEW : SUZUKI GALLERY ]

TATA

ทาทา มอเตอร์ส ยังคงเน้นไปที่การจัดแคมเปญเช่นเคย โดยนำรถปิคอัพตระกูล TATA Xenon ทั้งหมดมาจัดแสดงในงานนี้ โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกรูปแบบของรถให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ ไล่ไปตั้งแต่รุ่นตัวถัง 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ 150NX-Treme, ตัวถังตอนครึ่ง Maxcab, ตัวถังตอนเดี่ยว Xenon SC DLE หรือรุ่นขับคลื่อน 4 ล้อ 150NX-Pert 4WD ราคาจำหน่ายเริ่มตั้งแต่ 494,900 – 709,900 บาท

● ด้านรถบรรทุกเล็กมี TATA Super Ace Mint เครื่องดีเซล คอมมอนเรล ราคา 365,000 บาท ทุกรุ่นเน้นดาวน์ต่ำ พร้อมระยะเวลาผ่อนตั้งแต่ 48 จนถึง 84 เดือน บวกกับข้อเสนอส่วนลดสูงสุด 33,000 – 599,900 บาท… สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.tatamotors.co.th

[ VIEW : TATA GALLERY ]

TOYOTA

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กระตุ้นตลาดปิคอัพส่งท้ายปีด้วยการเปิดตัว Toyota Hilux Revo รุ่นปรับโฉม MY2017 พร้อมรุ่นพิเศษ Toyota Hilux Revo Rocco โดยจะแบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่นตัวถัง Smart Cab 2 รุ่น และตัวถัง Double Cab อีก 3 รุ่น เลือกได้ทั้งขับสองหรือขับขี่ รวมทั้งเกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ ราคาอยู่ในช่วง 516,000 – 1,199,000 บาท

● อย่างไรก็ตาม รุ่นที่สำคัญที่สุดก็คือ Toyota C-HR ซึ่งบ้านเรารอกันมานานพอสมควร โดยโตโยต้าจะแบ่งเป็นรุ่นไฮบริด และรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ราคาจำหน่ายระบุว่า รุ่นพื้นฐานราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนรุ่นท๊อปราคาไม่เกิน 1,200,000 บาท สนใจก็จองกันได้ผ่านเว็บไซท์ www.toyota.co.th/c-hr หรือที่โชว์รูมโตโยต้าครับ

● ทุกรุ่นจะจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงาน Motor Expo 2017 นี้ จากนั้นจึงจะเป็นคิวของโชว์รูมทั้ง 470 แห่งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8 – 10 ธันวาคม 2560 เบื้องต้นโปรโมชั่นพิเศษมีฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ส่วนกำหนดการส่งมอบรถจะเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป ใครไม่มีเวลามาที่งานก็เตรียมตรงไปที่โชว์รูมกันได้

● Toyota Hilux Revo Rocco แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Toyota Revo Rocco Smart Cab Prerunner 2.8 เกียร์ธรรมดา, Toyota Revo Rocco Smart 4WD 2.8 เกียร์ธรรมดา, Toyota Revo Rocco Double Cab Prerunner 2.8 เกียร์อัตโนมัติ, Toyota Revo Rocco Double 4WD 2.8 เกียร์ธรรมดา และ Toyota Revo Rocco Double 4WD 2.8 เกียร์อัตโนมัติ

● ตัวรถมากับกระจังหน้าสีเทาและสีดำเงา, กรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา ตกแต่งด้วยแถบสีเทา, ชุดแต่งกันชนหน้า, ชุดแต่งซุ้มล้อ, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายเฉพาะรุ่น, ยาง All Terrain ขนาด 265/60R18, กระจกมองข้างสีดำเมทัลลิก, มือเปิดประตูสีดำเมทัลลิก, สปอร์ตบาร์พร้อมพื้นปูกระบะ, มือเปิดฝาท้ายสีดำ พร้อมกุญแจล็อค, กันชนหลังสีเทาเมทัลลิกพร้อมชุดตกแต่งกันชนหลัง และสติกเกอร์ด้านข้างกระบะ ห้องโดยสารติดตั้งมาตรวัดเรืองแสง Optitron ตกแต่งเฉพาะรุ่น, แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิก, พวงมาลัยหุ้มหนัง, แผงข้างประตู ช่องปรับอากาศ และหัวเกียร์หุ้มหนัง (เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ) ตกแต่งด้วยแถบสีดำเมทัลลิก และฐานเกียร์, กรอบเสาประตูและแผงบุหลังคาสีดำ, ช่องเก็บของด้านบนพร้อมสัญลักษณ์ Hilux และ Smart Key รุ่นพิเศษออกแบบเฉพาะรุ่น (รุ่น Double Cab)

● Toyota Hilux Revo Prerunner Smart Cab/Double Cab 4WD : กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ, กระจังหน้าสีดำเงาและโครเมียม, ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED กรอบสีดำเงาและโครเมียม, เพิ่มยางกันโคลนหน้า, ล้ออัลลอย 17 นิ้ว, เพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ, คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยสีเงินและโครเมียม โดยอุปกรณ์เหล่านี้แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย G, E, E Plus และ J Plus และ J Plus MY2017

● Toyota Hilux Revo Smart Cab/Double Cab และรุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ : ภายนอกตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีดำเงาและโครเมียม, กรอบไฟตัดหมอกออกแบบใหม่, ชุดแต่งกันชนหน้า,กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พับด้วยมือ, ห้องโดยสารเพิ่มการตกแต่งด้วยแถบสีเงินและโครเมียมบนคอนโซลหน้า, เพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง, กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลง อัตโนมัติ, ระบบป้องกันการหนีบเฉพาะด้านผู้ขับ, แผงประตูสีดำ บุผ้า, เพิ่มระบบเซ็นทรัลล็อคแบบ speed auto lock, เพิ่มกุญแจรีโมทแบบ Jack knife และเพิ่มไฟแสดงตำแหน่งกุญแจ อุปกรณ์เหล่านี้แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย G, E, E Plus และ J Plus และ J Plus MY2017 เช่นเดียวกัน

● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.toyota.co.th/hiluxrevo

[ VIEW : TOYOTA GALLERY ]

VOLVO

วอลโว่ ประเทศไทย มากับ Volvo XC60 เจนเนอเรชั่นที่ 2 รุ่นปี 2018 ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้าไม่นานนัก บ้านเราจะเริ่มทำตลาดด้วยรุ่นเครื่องยนต์ T8 Twin Engine AWD plug-in hybrid และมีชุดแต่ง R-Design สไตล์สปอร์ตมาจากโรงงานให้

● รุ่นย่อยไฮไลท์ของ Volvo XC60 ใหม่คือ Volvo XC60 T8 Twin Engine AWD R-Design ที่มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตจากโรงงาน ประกอบด้วยกระจังหน้า R-Design สีดำเงา ท่อไอเสีย R-Design แบบคู่ กรอบกระจกมองข้าง R-Design สีเงินด้าน ล้อแม็กขนาด 19 นิ้วลาย diamond cut ห้องโดยสารตกแต่งด้วยพวงมาลัยหนัง ชุดแป้นเหยียบ R-Design รีโมทคอนโทรลหุ้มด้วยหนัง Nappa สีดำฉลุลาย เบาะหนังแท้ Nappa นุ่มพิเศษ… โดยในไทย ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการจำหน่ายรถที่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม SPA พร้อมชุดแต่ง R-Design ด้วย

● รุ่นเครื่องยนต์ T8 Twin Engine AWD plug-in hybrid ชุดระบบประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซินตระกูล Drive-E แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ทำหน้าที่หมุนล้อคู่หน้า จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้าสำหรับช่วยหมุนล้อคู่หลัง เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟภายใน 1 ชม. เท่ากับ 10.4 กิโลวัทท์-ชม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Geartronoc กำลังรวมทั้งระบบถึง 407 แรงม้า พร้อมแรงบิด 32.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที ขับเคลื่อนแบบ all-wheel drive ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียเพียง 50 กรัม/กม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 47.6 กม./ลิตร โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 44.92 กม.

● ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ยังคงอยู่ในตระกูล Drive-E เช่นกัน โดยเป็นแบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลงด้วยหัวฉีด i-Art คอมมอนเรล อัดอากาศด้วยทวินเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์ลูกเดียวกัน ขับเคลื่อนแบบ all-wheel drive กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 40.7 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 205 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 146 กรัม/กม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร

● Volvo XC60 T8 Twin Engine AWD R-Design (ปลั๊ก-อิน) ราคา 3.59 ล้านบาท Volvo XC60 T8 Twin Engine AWD Momentum (ปลั๊ก-อิน) ราคา 3.29 ล้านบาท และ Volvo XC60 D4 AWD Momentum เครื่องยนต์ดีเซล ราคา 3.09 ล้านบาท โปรโมชั่นในเบื้องต้น ผู้ที่จองรถตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 จะได้รับบริการหลังการขาย Volvo Premium Service Package (VPSP) เป็นเวลา 5 ปีเต็ม ประกอบด้วย Volvo Warranty 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร, Volvo Maintenance 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Assistance 5 ปี

● รุ่นอื่นๆ Volvo V40 ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 9,900 บาทในปีแรก และผ่อน 15,900 บาทตั้งแต่ปีที่สองเป็นต้นไป (สำหรับผู้ที่ผ่อนชำระ 96 เดือน), Volvo S60 ราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 1.799 ล้านบาท และ Volvo V60 ราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 1.899 ล้านบาท

● สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-305-4499 หรือเว็บไซท์ www.volvocars.com/TH

[ VIEW : VOLVO GALLERY ]